PPD's Official Website

Thursday, December 3, 2015

บิ๊กตู่ ลั่น บิ๊กโด่ง เป็นน้องชายโตมาด้วยกัน ถ้าผิดก็ยอมรับ

บิ๊กตู่ ลั่น บิ๊กโด่ง เป็นน้องชายโตมาด้วยกัน ถ้าผิดก็ยอมรับ บอก ผมไม่ใช่ศาลเป็นแค่คนนำเข้ากระบวนการ ย้ำ รอผลสอบให้ชัดเจน เชื่อ 2 คนที่หนีโกง ยัน ไม่ปรับครม.ตามกระแส

[?]19 ชีวิต บริสุทธิ์ พนักงานกรุงไทย ที่ต้องถูกจำคุก ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกว่า 10 ปี!!

󾕎19 ชีวิต บริสุทธิ์
พนักงานกรุงไทย
ที่ต้องถูกจำคุก
ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกว่า 10 ปี!!


󾕎อ่านความจริงที่คนทั้งประเทศต้องรู้!!!

󾮜🏻󾮜🏻󾮜🏻
ในสมัยปี 2540 ประเทศไทยพบกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ธนาคารและภาคธุรกิจขาดสภาพคล่อง จำนวนมากต้องปิดตัวลง

ธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นธนาคารของรัฐจึงออกโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบที่เรียกว่า "อัศวินม้าขาว" (https://www.youtube.com/watch?v=hcrOxa-6HFg) เพ่ือรับช่วงต่อหนี้จากกลุ่มการเงินที่ขาดสภาพคล่องเพื่อพยุงให้ดำเนินการต่อไปได้

หนึ่งในหนี้ที่ธนาคารกรุงไทยเข้าไปช่วยเหลือคือ หนี้ของธนาคารกรุงเทพ ปล่อยกู้ให้กลุ่ม กฤษดามหานคร

กลุ่มกฤษดามหานคร เป็นกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติต้มยำกุ้ง กระทั่ง ปี 2546 มีหนี้ที่กู้ธนาคารกรุงเทพสะสมอยู่ถึง 9,900 ล้านบาท

ปลายปี 2546 ธนาคารกรุงเทพประสบวิกฤติขาดเงินทุนเช่นกัน จึงคิดจะให้กลุ่มกฤษดามหานครรีไฟแนนซ์โอนถ่ายหนี้ไปให้ธนาคารกรุงไทยแทน

ฝ่ายธนาคารกรุงไทยพิจารณาแล้วว่า หลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่ดินบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ที่กลุ่มกฤษดามหานครมี มีมูลค่าเพียงพอที่จะค้ำประกันหลักทรัพย์ได้ ประกอบกับกลุ่มกฤษดามหานครไม่เคยผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารกรุงเทพเลยนับเป็นลูกหนี้ชั้นดี ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยจึงพิจารณาให้รีไฟแนนซ์ให้กลุ่มกฤษดามหานครโดยให้เงินกู้ 8,000 ล้านบาท

ซึ่งธนาคารกรุงเทพยอมลดหนี้ให้จำนวนหนึ่ง ทำให้กลุ่มกฤษดามหานครมีเงินเหลือพอที่จะนำไปหมุนทำธุรกิจต่อไปด้วย

ในขณะนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลการทำงานของธนาคารเป็นปกติวิสัย หม่อมอุ๋ย ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนั้นก็เข้ามาตรวจสอบการปล่อยกู้ครั้งนี้ และได้ทำรายงานการตรวจสอบไว้ โดยไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหา หรือแสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติแต่อย่างใด การรีไฟแนนซ์ครั้งนี้ดูจะเป็นไปอย่างปรกติ แต่ทว่า...

ภายหลังการรัฐประหารปี 2549 คณะรัฐประหารได้ตั้ง องค์กร คตส.ขึ้นมา เพื่อตรวจสอบการเงินที่เกี่ยวกับ อดีตนายกฯทักษิณ และนำเอกสารการเงินของกลุ่มกฤษดามหานครมาตรวจสอบอีกครั้ง

คตส. พบว่ามีการออกเช็คจำนวน 26 ล้านบาท เพื่อขอซื้อหุ้นในธุรกิจที่สามารถโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณได้ แม้จะเป็นเงินไม่ถึง1%ของวงเงินกู้ทั้งหมด และต้องอาศัยความเชื่อมโยงหลายชั้นถึงจะโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณได้แต่ คตส. ก็เรียกคดีนี้ขึ้นมาสอบใหม่ โดยมีการตั้งข้อสงสัยเพิ่มว่า การปล่อยกู้นี้อาจอนุมัติเพราะได้รับคำสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และเมื่อ คตส. หมดวาระไปก็ได้ส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. 

ป.ป.ช. ได้นำสำนวนของ คตส. ไปส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีผู้บริหารกฤษฎามหานคร6คน ประธานกรรมการของกรุงไทย5คน เจ้าหน้าที่สินเชื่อของกรุงไทย10คน และ พ.ต.ท.ทักษิณตกเป็นจำเลย

แต่ต่อมา กรรมการ 2 ใน 5 คน ได้พ้นจากสภาพจำเลย เพราะได้ให้การว่ามี "บิ๊กบอส" เป็นผู้สั่งการให้มีการปล่อยกู้ และปัจจุบันกรรมการ 2 คนที่ให้การปรักปรำนั้น ก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทหารของ คสช.

ในขณะที่ผู้บริหารอื่นๆของกรุงไทย ยืนยันว่าเป็นการปล่อยกู้โดยสุจริต เพราะหลักทรัพย์ที่นำมาคำประกันนั้นมีมูลค่าสูงพอจะรับประกันหนี้ และในปัจจุบัน หนี้ของกลุ่มกฤษดานครก็ไม่ได้ก่อความเสียหายใดๆ ต่อธนาคารกรุงไทย..

Wednesday, December 2, 2015

เผด็จการทหารพระราชาไทย กำลังช่วยจีนข่มขืนประเทศไทย

จเด็ด สิบเอ็ดทิศ.         #จีนมันกำลังขี่คอเราเรื่องรถไฟ ..ไอ้รัฐมนตรีก็แกล้งโง่ตาใส จ้องจะเซ็นสัญญาท่าเดียว ไอ่สลัดผักเอ๊ย .. ดอกเบี้ย 2-4 พ่อมึงตาย แม่ยายมึงสิ้น ก็ยังจะยอมเค้า .. (หากกู้ JICA ญี่ปุ่น เค้าคิด 1.5 เท่านั้น แต่กู้ไม่ได้ เพราะเป็นรัฐบาลทหาร ชาวโลกเค้ารังเกียจ)

เท่านั้นยังไม่พอ..ฝ่ายจีน ยังขอออกแบบเอง และให้บริษัทจากจีนสร้างเอง และยังขอทำการเดินรถเองอีกด้วย ..ไปๆมาๆ งบต้นทุนบานปลาย งอกออกมาอีกแสนกว่าล้าน  >.< ก็ยังจะยอมมัน ..ไอ้เหี้ยเอ๊ย..!!ได้ส่วนต่างเท่าไรวะ ??

สุดท้ายพอโดนหลายๆฝ่ายท้วงติง รมต.สมคิด จาตุฯ เลยให้ฝ่ายจีนไปปรับปรุงใหม่ในหลายๆรายละเอียด ..ส่วนไอ้รมต.คมนาคมตัวปัจจุบัน(ไอ่ตัวนี้มันเป็นร่างทรงของคสช. โง่ตาใส เค้าหลอกให้มานั่งเก้าอี้นี้ เพราะเค้าจะบุฟเฟต์กันในหมู่พี่น้อง แล้วให้มึงนั่นแหล่ะในฐานะ รมต.รับตีนไปในวันหน้า ก็ยังไม่รู้ตัว วันหน้า รัฐบาลประชาชนเป็นใหญ่ จะถลกหนังแม่ง!!แล้วยึดทรัพย์ให้หมดโคตรเลย  )ร้องจะเซ็นต์ จะวางศิลาฤกษ์ท่าเดียว ..อยากถีบหน้าแม่ง!!จริงๆ!! 

จากนั้น ฝ่ายจีนก็เงียบไปพักนึง กลับมาคราวนี้ เหี้ยหนักกว่าเก่า เริ่มออกลายได้ทีขี่หลังเสือ เสือบูรพาพยัคฆ์ซะด้วย ..เสนอหน้าตาเฉยเลยว่า จีนขอเปลี่ยนบริษัทซื้อยางพารา และขอไม่ซื้อยางเก่า จะซื้อแต่ยางใหม่เท่านั้น 

..เอ้า!!ไอ้เก๊าเจ้ง..ก็ในสัญญาความร่วมมือเรื่องสัมปทานรถไฟร่วม ไทย-จีน มึงบอกฝ่ายจีนจะรับซื้อยางไทยทั้งหมดด้วยไง๊ ..วันนี้เสือกมาบิดพริ้วหน้าตาเฉย จีนมึงค้าขายกับชาวบ้านแบบนี้ไง ลาว เวียดนาม เขมร ถึงไม่เอารถไฟของมึง รวมทั้งพม่าด้วย เค้ายกเลิกกันเป็นแถว มีไอ้ฟายไทยชาติเดียวนี่แหล่ะ ยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย .. ..>.<

ดีนะที่ รมต.สมคิด หัวเรือใหญ่โปรเจคนี้ ยังมีความดีอยู่บ้าง สั่งทุกหน่วยระงับการเซ็นต์สัญญาไว้ก่อน ให้เลื่อนออกไปก่อน เพราะจีนผิดข้อเงื่อนไขหลายอย่าง ทั้งเรื่องรถไฟ สัญญาที่1 เรื่องยางพารา สัญญาที่2 และ เรื่องเงินกู้ สัญญาที่3 .. 
 
ส่วนโครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น หลังจากที่ลงนามในบันทึกความร่วมมือพัฒนารถไฟไทย-ญี่ปุ่น เพื่อเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกตอนล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง-สระแก้ว ที่ประเทศญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ 2 ฝ่ายจะร่วมกันปรับปรุงราง ตั้งบริษัทร่วมทุนเดินรถ(ตั้งบริษัทเสร็จภายในเดือน มค.59นี่แหล่ะ) ร่วมกันและเริ่มทดสอบการเดินรถ และจะพัฒนาก่อสร้างเป็นทางคู่ในอนาคต
ญี่ปุ่นเค้าตรงไปตรงมา ออกแนวเอื้อเฟื้อ อลุ่มอล่วยให้เราหลายเรื่อง ไม่มีปัญหาอะไรกับเราเลย มืออาชีพมากๆในทุกๆเรื่อง บอกตามตรงว่า คนไทยอย่างกูอ่านรายละเอียดแล้วรู้สึกเกรงใจญี่ปุ่นจริงๆ 

ส่วนไอ้เก๊าเจ้งอีกสายนึงเนี่ย ..แม่ง!!คบไม่ได้จริงๆ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ใช้นิสัยจังไร ใช้นโยบายเอาเปรียบขูดรีดคนอื่นแบบนี้ จีทูจีพ่อมึงดิ จีนมีแต่ได้ฝ่ายเดียว !!ฝ่ายไทยเสียเปรียบตลอด  

ชาติหน้าตอนสายๆมึงก็ไม่มีวันมีอำนาจเหนือคาบสมุทรอินโดจีนแน่นอน เพราะชาติแถบนี้เค้ารู้สันดานมึงเป็นยังไง แค่คบได้ผิวเผิน แต่จริงจังและลงลึกด้วยไม่ได้ เพราะมึงจ้องจะขี่คอเพื่อนตลอดเวลา ..ไอ้เพื่อนเลว..

ท่านทูตจีนคนใหม่ ฯพณฯ หนิง ฟู่ขุย อ่านภาษาไทยได้นี่ครับ เชิญอ่านด้วยนะครับ เพราะผมกำลังต่อว่าประเทศจีนและรัฐบาลจีนของท่านครับ  :)

หมายเหตุ : คสช.ผู้ใหญ่ทั้งหลายทั้งปวง ท่านอย่าดูเบาไปนะครับ รบกวนท่านแหกตาดูเรื่อง #การขาดดุลการค้าต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะ กับ ไอ้เก๊าเจ้งนี่ ..มันหนักขึ้นทุกวันแล้วนะครับ แซงหน้าคู่ค้าอันดับหนึ่งของเราอย่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯไปแล้ว  เห็นมั้ยครับว่า การที่ถูกยุโรปแบนการค้าหลายอย่าง มันเป็นเช่นไร ส่งผลกระทบอย่างไร ?? เห็นนายพลหลายท่านบอกว่า อียูแบนเรา สหรัฐฯแบนเรา ก็ช่างแม่ง!! ..

ถามจริงๆท่านนายพลทุกท่าน เข้าใจเรื่องพวกนี้มั้ยวะท่าน ??

หลักประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ กปปส. ไม่เข้าใจ

Tuesday, December 1, 2015

ดร เพียงดิน รักไทย 1 ธันวาคม 2558 ตอน Mocking Jay กับ มดแดงล้มช้าง ใต...

ดร.ทักษิณ ชินวัตร สวัสดีปีใหม่ 2559



Download

ป.ป.ช.ไม่พบทุจริต′ราชภักดิ์′ !!!!

ป.ป.ช.ไม่พบทุจริต′ราชภักดิ์′ ยังไม่รับ ไต่สวนปม′ราชภักดิ์′ รอ3 หน่วยงานส่งผลสอบ ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริต ยังไม่ตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง เพราะยังไม่มีเหตุอันพึงสงสัย



นาย สรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากเดิมที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้สำนักงานป.ป.ช.รวบรวมข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์โดยตนมอบให้สำนักการข่าวและ กิจการพิเศษของสำนักงานป.ป.ช.ไปรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลในภาพรวมยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการ ทุจริตแต่ในส่วนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. ได้ตรวจพบว่ามีการใช้งบกลางของรัฐบาลในการจัดสร้างกว่า 63 ล้านบาท เป็นหน้าที่สตง.ที่จะตรวจที่มาที่ไปของเงิน

ขณะเดียวกันได้มีผู้ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวได้ไปร้องทุกข์กองบังคับการปราบปรามในวันที่24 พ.ย.ที่ผ่านมาและทางกระทรวงกลาโหมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการจัดสร้างเช่นกัน ทางป.ป.ช.เห็นว่ามีหน่วยงานที่ตรวจสอบแล้วจึงมีมติให้สำนักงานป.ป.ช.ติดตามผลการตรวจสอบของทั้ง 3 หน่วยงาน ว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าอยู่ขอบเขตอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบของป.ป.ช.ได้หรือไม่ ซึ่งทางป.ป.ช.จะเข้าไปตรวจสอบได้ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือกระทำการทุจริตต่อหน้าที่

สำหรับการตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกับเรื่องที่สังคมให้ความสนใจนายสรรเสริญกล่าวว่า การจัดตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงต้องปรากฏว่ามีเหตุอันพึงสงสัย จึงจะเข้าหลักเกณฑ์ที่ป.ป.ช.จะรับเรื่องมาดำเนินการได้ และประชาชนที่มาร้องเรียนสามารถทำได้แต่ต้องดูว่าเข้าเกณฑ์ 3 ข้อ ของป.ป.ช.หรือไม่ ได้แก่ มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ มีเหตุอันพึงสงสัยหรือไม่ อยู่ในอำนาจของป.ป.ช.หรือไม่ และกล่าวหาใคร มีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งหากอยู่ในหลักเกณฑ์ก็สามารถรับเรื่องมาดำเนินการได้ไม่ต้องรอผลจาก 3 หน่วยงานข้างต้น โดยในขณะนี้ยังไม่มีผู้มาร้องเรียน

ส่วนที่กรณี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ออกมายอมรับว่ามีการหักค่าหัวคิวโรงหล่อจริง ขณะนี้ข้อมูลยังไม่มีเหตุอันพึงสงสัย เนื่องจากบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเอกชน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนที่สำนักการข่าวป.ป.ช.พบว่าการประมูลต้นปาล์มราคากว่า 1 แสนที่แพงเกินจริงนั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ยังเป็นเพียงข้อมูล เป็นหน้าที่คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมในการตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

Tags : ราชภักดิ์ อุทยานราชภักดิ์ ป.ป.ช.