PPD's Official Website

Saturday, April 2, 2016

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อ 31 มี.ค. 2559 โดย iLaw
2985
ชุดกฎหมายมั่นคงดิจิทัลกำลังจะกลับมา หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเสร็จสิ้น ก่อนที่จะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในหลักการและเนื้อหาสาระของกฎหมายยังคงมีปัญหาที่ควรถกเถียงกันอีกมา โดยบทเรียนจากต่างประเทศก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในกฎหมายจนเกินความจำเป็นและไม่ได้สัดส่วนเหล่านี้ ไม่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามการกระทำความผิด และเสี่ยงต่อการใช้ในทางที่ผิด รวมถึงอาจส่งผลเสียต่อสิ่งที่เรียกว่า "เศรษฐกิจดิจิทัล" อีกด้วย
 
อ่านต่อที่ http://ilaw.or.th/node/4072

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อ 31 มี.ค. 2559 โดย iLaw
2985
ชุดกฎหมายมั่นคงดิจิทัลกำลังจะกลับมา หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเสร็จสิ้น ก่อนที่จะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในหลักการและเนื้อหาสาระของกฎหมายยังคงมีปัญหาที่ควรถกเถียงกันอีกมา โดยบทเรียนจากต่างประเทศก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในกฎหมายจนเกินความจำเป็นและไม่ได้สัดส่วนเหล่านี้ ไม่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามการกระทำความผิด และเสี่ยงต่อการใช้ในทางที่ผิด รวมถึงอาจส่งผลเสียต่อสิ่งที่เรียกว่า "เศรษฐกิจดิจิทัล" อีกด้วย
 
อ่านต่อที่ http://ilaw.or.th/node/4072

ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก! (บทความ ดร. เพียงดิน รักไทย)


ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก!

เนื่องจากเครือข่ายระบอบราชาธิปไตย ได้ตัดสินใจเลือกวิธีอันกดขี่ข่มเหง (oppression) ทั้งด้วยตัวบทกฎหมายที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง กลไกที่เจ้าไทยสร้างไว้เรียกใช้ วัฒนธรรมความเชื่อที่กดจิตสำนึกปวงชนให้สยบยอม รวมถึงมาตรการในการทำให้เกิดความกลัวหลายระดับ  วันนี้ ทางเลือกที่จะเป็นการประนีประนอมของสังคมไทย จึงเหลือน้อยลงทุกที 

รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นเผด็จการเชิงโครงสร้างอย่างสุดโต่ง และพฤติกรรมการบีบจะให้ได้ผลประชามติตามใจพวกตนอย่างบ้าคลั่ง กำลังสร้างให้แรงต้านของฝั่งประชาธิปไตยนิยมยอมรับไม่ได้และเกิดแรงอัดอั้นตันใจชนิดที่รุนแรงถึงขั้นน่าจะใกล้จุดระเบิดเต็มที  

ในเมื่อฝ่ายหนึ่งจะเอาให้ได้ดั่งใจแบบยอมหัก ไม่ยอมงอ เพราะกลัวจะเ "เสียของ"  และอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยอมไม่ได้ เพราะหากยอมก็แปลว่า พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง "หมดตัว" เช่นกัน หากเป็นเกมบนโต๊ะพนัน ก็เรียกกันว่า เทกันหมดหน้าตัก หรือ Winner takes all! เลยทีเดียว

หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ด้วยเล่ห์กลและอำนาจมืด ก็ไม่ได้แปลว่า ฝั่งประชาธิปไตยจะยอมรับได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีข้ออ้างว่าชอบธรรมได้เต็มปากยิ่งขึ้น แต่มันจะไม่สามารถเพิ่มการยอมรับหรือสยบยอมในฝั่งประชาธิปไตย ที่รู้เท่าทันและเห็นถึงอันตรายของการมีระบอบเผด็จการราชาธิปไตยที่เขม็งเกลียวกระชับวงจรให้มีฤทธิ์พิฆาตเหี้ยมโหดยิ่งขึ้น และนั่นก็แปลว่า เผด็จการก็จะได้เปรียบในการอ้างเพื่อจัดการกับผู้หัวแข็งและเรียกร้องประชาธิปไตย  กล่าวคือ การเผชิญหน้าในเชิงท้าทายและการใช้กำลังก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นด้วย



​หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็จะไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่ฝั่งเผด็จการ จะหาข้ออ้างด้านความชอบธรรมในการรักษาอำนาจและคุมเกมอำนาจก้าวต่อไปยากยิ่งขึ้น และประชาชนฝั่งนิยมประชาธิปไตย ก็จะมีข้ออ้างในการลุกฮือขับไล่ฝั่งเผด็จการได้มากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่า ฝั่งเผด็จการจะลดเจตนารมย์ในการใช้กำลังสำหรับการกดขี่ให้ศัตรูสยบยอม อันเป็นสันดานของเจ้าของระบอบราชาธิปไตยที่ฝังรากลึกในอวัยวะสำคัญของเครือข่ายเผด็จการหลงยุคนี้

ภารกิจของการช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากสงครามกลางเมือง เลือดท่วมท้องช้าง จึงเป็นสิ่งที่คนไทยที่มีบารมีและความสามารถต้องมานั่งระดมสมองและคิดแผนปฏิบัติการกู้ชาติโดยไม่ชักช้า... เพราะนาฬิกาเวลาสู่ความพินาศแบบใกล้สิ้นชาติ มันเดินทุกวินาที ไม่ได้หยุดหย่อน

ให้เป็นห่วงแผ่นดินแม่ยิ่งนัก

piangdin
April 2, 2016
San Francisco, California​

ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก! (บทความ ดร. เพียงดิน รักไทย)


ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก!

เนื่องจากเครือข่ายระบอบราชาธิปไตย ได้ตัดสินใจเลือกวิธีอันกดขี่ข่มเหง (oppression) ทั้งด้วยตัวบทกฎหมายที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง กลไกที่เจ้าไทยสร้างไว้เรียกใช้ วัฒนธรรมความเชื่อที่กดจิตสำนึกปวงชนให้สยบยอม รวมถึงมาตรการในการทำให้เกิดความกลัวหลายระดับ  วันนี้ ทางเลือกที่จะเป็นการประนีประนอมของสังคมไทย จึงเหลือน้อยลงทุกที 

รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นเผด็จการเชิงโครงสร้างอย่างสุดโต่ง และพฤติกรรมการบีบจะให้ได้ผลประชามติตามใจพวกตนอย่างบ้าคลั่ง กำลังสร้างให้แรงต้านของฝั่งประชาธิปไตยนิยมยอมรับไม่ได้และเกิดแรงอัดอั้นตันใจชนิดที่รุนแรงถึงขั้นน่าจะใกล้จุดระเบิดเต็มที  

ในเมื่อฝ่ายหนึ่งจะเอาให้ได้ดั่งใจแบบยอมหัก ไม่ยอมงอ เพราะกลัวจะเ "เสียของ"  และอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยอมไม่ได้ เพราะหากยอมก็แปลว่า พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง "หมดตัว" เช่นกัน หากเป็นเกมบนโต๊ะพนัน ก็เรียกกันว่า เทกันหมดหน้าตัก หรือ Winner takes all! เลยทีเดียว

หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ด้วยเล่ห์กลและอำนาจมืด ก็ไม่ได้แปลว่า ฝั่งประชาธิปไตยจะยอมรับได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีข้ออ้างว่าชอบธรรมได้เต็มปากยิ่งขึ้น แต่มันจะไม่สามารถเพิ่มการยอมรับหรือสยบยอมในฝั่งประชาธิปไตย ที่รู้เท่าทันและเห็นถึงอันตรายของการมีระบอบเผด็จการราชาธิปไตยที่เขม็งเกลียวกระชับวงจรให้มีฤทธิ์พิฆาตเหี้ยมโหดยิ่งขึ้น และนั่นก็แปลว่า เผด็จการก็จะได้เปรียบในการอ้างเพื่อจัดการกับผู้หัวแข็งและเรียกร้องประชาธิปไตย  กล่าวคือ การเผชิญหน้าในเชิงท้าทายและการใช้กำลังก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นด้วย



​หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็จะไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่ฝั่งเผด็จการ จะหาข้ออ้างด้านความชอบธรรมในการรักษาอำนาจและคุมเกมอำนาจก้าวต่อไปยากยิ่งขึ้น และประชาชนฝั่งนิยมประชาธิปไตย ก็จะมีข้ออ้างในการลุกฮือขับไล่ฝั่งเผด็จการได้มากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่า ฝั่งเผด็จการจะลดเจตนารมย์ในการใช้กำลังสำหรับการกดขี่ให้ศัตรูสยบยอม อันเป็นสันดานของเจ้าของระบอบราชาธิปไตยที่ฝังรากลึกในอวัยวะสำคัญของเครือข่ายเผด็จการหลงยุคนี้

ภารกิจของการช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากสงครามกลางเมือง เลือดท่วมท้องช้าง จึงเป็นสิ่งที่คนไทยที่มีบารมีและความสามารถต้องมานั่งระดมสมองและคิดแผนปฏิบัติการกู้ชาติโดยไม่ชักช้า... เพราะนาฬิกาเวลาสู่ความพินาศแบบใกล้สิ้นชาติ มันเดินทุกวินาที ไม่ได้หยุดหย่อน

ให้เป็นห่วงแผ่นดินแม่ยิ่งนัก

piangdin
April 2, 2016
San Francisco, California​

ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก! (บทความ ดร. เพียงดิน รักไทย)


ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก!

เนื่องจากเครือข่ายระบอบราชาธิปไตย ได้ตัดสินใจเลือกวิธีอันกดขี่ข่มเหง (oppression) ทั้งด้วยตัวบทกฎหมายที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง กลไกที่เจ้าไทยสร้างไว้เรียกใช้ วัฒนธรรมความเชื่อที่กดจิตสำนึกปวงชนให้สยบยอม รวมถึงมาตรการในการทำให้เกิดความกลัวหลายระดับ  วันนี้ ทางเลือกที่จะเป็นการประนีประนอมของสังคมไทย จึงเหลือน้อยลงทุกที 

รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นเผด็จการเชิงโครงสร้างอย่างสุดโต่ง และพฤติกรรมการบีบจะให้ได้ผลประชามติตามใจพวกตนอย่างบ้าคลั่ง กำลังสร้างให้แรงต้านของฝั่งประชาธิปไตยนิยมยอมรับไม่ได้และเกิดแรงอัดอั้นตันใจชนิดที่รุนแรงถึงขั้นน่าจะใกล้จุดระเบิดเต็มที  

ในเมื่อฝ่ายหนึ่งจะเอาให้ได้ดั่งใจแบบยอมหัก ไม่ยอมงอ เพราะกลัวจะเ "เสียของ"  และอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยอมไม่ได้ เพราะหากยอมก็แปลว่า พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง "หมดตัว" เช่นกัน หากเป็นเกมบนโต๊ะพนัน ก็เรียกกันว่า เทกันหมดหน้าตัก หรือ Winner takes all! เลยทีเดียว

หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ด้วยเล่ห์กลและอำนาจมืด ก็ไม่ได้แปลว่า ฝั่งประชาธิปไตยจะยอมรับได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีข้ออ้างว่าชอบธรรมได้เต็มปากยิ่งขึ้น แต่มันจะไม่สามารถเพิ่มการยอมรับหรือสยบยอมในฝั่งประชาธิปไตย ที่รู้เท่าทันและเห็นถึงอันตรายของการมีระบอบเผด็จการราชาธิปไตยที่เขม็งเกลียวกระชับวงจรให้มีฤทธิ์พิฆาตเหี้ยมโหดยิ่งขึ้น และนั่นก็แปลว่า เผด็จการก็จะได้เปรียบในการอ้างเพื่อจัดการกับผู้หัวแข็งและเรียกร้องประชาธิปไตย  กล่าวคือ การเผชิญหน้าในเชิงท้าทายและการใช้กำลังก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นด้วย



​หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็จะไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่ฝั่งเผด็จการ จะหาข้ออ้างด้านความชอบธรรมในการรักษาอำนาจและคุมเกมอำนาจก้าวต่อไปยากยิ่งขึ้น และประชาชนฝั่งนิยมประชาธิปไตย ก็จะมีข้ออ้างในการลุกฮือขับไล่ฝั่งเผด็จการได้มากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่า ฝั่งเผด็จการจะลดเจตนารมย์ในการใช้กำลังสำหรับการกดขี่ให้ศัตรูสยบยอม อันเป็นสันดานของเจ้าของระบอบราชาธิปไตยที่ฝังรากลึกในอวัยวะสำคัญของเครือข่ายเผด็จการหลงยุคนี้

ภารกิจของการช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากสงครามกลางเมือง เลือดท่วมท้องช้าง จึงเป็นสิ่งที่คนไทยที่มีบารมีและความสามารถต้องมานั่งระดมสมองและคิดแผนปฏิบัติการกู้ชาติโดยไม่ชักช้า... เพราะนาฬิกาเวลาสู่ความพินาศแบบใกล้สิ้นชาติ มันเดินทุกวินาที ไม่ได้หยุดหย่อน

ให้เป็นห่วงแผ่นดินแม่ยิ่งนัก

piangdin
April 2, 2016
San Francisco, California​

Friday, April 1, 2016

แม่ลูกจันทร์: ความเสียหายอันมหันต์ อันเกิดจากรัฐธรรมนูญโจร ที่ตัดการศึกษา ม. ปลาย ฟรี

รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 และรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ที่ถูกฉีกทิ้งไป กำหนดให้เด็ก ไทยทุกคนได้รับการศึกษาฟรีอย่างมีคุณภาพ 12 ปี

พูดง่ายๆ เด็กไทยได้เรียนฟรี ตั้งแต่ชั้น ป.1 จนถึงชั้น ม.6 อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

"แม่ลูกจันทร์" กราบเรียนว่า ร่างรัฐธรรมนูญ (ร่างแรก) ของ อจ.มีชัย ฤชุพันธุ์ เกิดความคิดพิสดาร ตัดโครงการเรียนฟรีจาก 12 ปี เหลือแค่ 9 ปี

ปรากฏว่า เกิดกระแสคัดค้านกันอึกทึกครึกโครม จนในที่สุด "อจ.มีชัย" ต้องยอมแก้ร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 54 กลับมาเป็นเรียนฟรี 12 ปี

แต่แทนที่จะให้เรียนฟรีตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 หรือ ปวช. อย่างเดิม

อจ.มีชัย กลับทำตัวเป็น "คุณปู่รู้ดี" เปลี่ยนระบบเรียนฟรีให้เริ่มจากชั้นอนุบาลถึงมัธยม 3

ส่วนใครจะเรียนต่อ ม.ปลาย หรือใครจะเรียนสายอาชีพ ปวช. พ่อแม่ผู้ปกครองต้องแบกภาระจ่ายค่าเรียนเอาเอง

"แม่ลูกจันทร์" มองว่า การร่นระยะเรียนฟรี 12 ปี จากอนุบาลถึง ม.3 เป็นแนวคิดที่ผิดจังเบอร์!!

เพราะค่าใช้จ่ายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลน้อยกว่าค่าใช้จ่ายเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายกว่า 2 เท่าตัว

แถมค่าใช้จ่ายสายอาชีวะ บวกค่าอุปกรณ์การเรียนสาย ปวช.ก็สูงกว่าเด็ก อนุบาลกว่า 3 เท่าตัว

"แม่ลูกจันทร์" เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของ อจ.มีชัย ต้องการลดภาระรายจ่ายด้านการศึกษาของรัฐบาล

โดยผลักภาระให้ประชาชนพ่อแม่ผู้ปกครองรับไปเต็มๆ

การอ้างว่าเพื่อไม่ให้คนจนเสียเปรียบคนรวย จึงเป็นเหตุผลที่ห่วยแตกสิ้นดี

เพราะในความจริง...ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ทำให้เด็กนักเรียนที่มีพ่อแม่ยากจนหมดโอกาสที่จะได้เรียนต่อชั้นมัธยมปลาย หรือเรียนต่อสายวิชาชีพ ปวช.

ถึงจะอ้างว่ารัฐจะจัดกองทุนการศึกษาให้เด็กยากจนกู้ยืม

"แม่ลูกจันทร์" ถาม อจ.มีชัย ว่า การได้สิทธิเรียนฟรีกับการต้องวิ่งเต้นไปกู้ยืมกองทุนไปจ่ายค่าเรียน

แบบไหนประชาชนจะได้ประโยชน์จากรัฐมากกว่ากัน??

แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังสวนทางนโยบายปฏิรูป การศึกษาของรัฐบาล คสช.อย่างสิ้นเชิง

นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งประกาศแหม่บๆ ว่ารัฐบาลต้องการส่งเสริมให้เด็กไทยเรียนสายอาชีวะอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

เนื่องจากประเทศไทยต้องการแรงงานระดับ ปวช.ปีละ 1 ล้านคน

ปัจจุบันเราผลิตเด็กไทยที่จบสายอาชีวะเพียงปีละ 4 แสนคน ตลาดแรงงานยังต้องการแรงงานอาชีพระดับ ปวช. ปวส. เพิ่มอีกปีละ 6 แสนคน

"แม่ลูกจันทร์" สรุปว่า ร่างรัฐธรรมนูญของ อจ.มีชัย ที่ตัดสิทธิเรียนฟรี ระดับมัธยมปลายและระดับ ปวช.

จะเป็นอุปสรรคทำให้เด็กไทยเรียน สายอาชีพน้อยลง

เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนไม่มีปัญญาหาเงินส่งลูกหลานเรียนต่อ ปวช.

ผลดี เด็กไทยเมื่อจบชั้น ม.3 ก็ต้องออกหางานทำ

เด็กที่จบมัธยม 3 เป็นได้แค่กรรมกรรับจ้างรายวัน

กลายเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมที่รัฐต้องช่วยเหลือดูแล

ผลร้ายที่ตามมาคือ แรงงานฝีมือที่จะรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศก็จะขาดแคลนอย่างรุนแรง

เห็นมั้ยคุณโยม...รัฐธรรมนูญมาตราเดียว...สร้างความเสียหายได้บานตะไท.

แม่ลูกจันทร์: ความเสียหายอันมหันต์ อันเกิดจากรัฐธรรมนูญโจร ที่ตัดการศึกษา ม. ปลาย ฟรี

รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 และรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ที่ถูกฉีกทิ้งไป กำหนดให้เด็ก ไทยทุกคนได้รับการศึกษาฟรีอย่างมีคุณภาพ 12 ปี

พูดง่ายๆ เด็กไทยได้เรียนฟรี ตั้งแต่ชั้น ป.1 จนถึงชั้น ม.6 อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

"แม่ลูกจันทร์" กราบเรียนว่า ร่างรัฐธรรมนูญ (ร่างแรก) ของ อจ.มีชัย ฤชุพันธุ์ เกิดความคิดพิสดาร ตัดโครงการเรียนฟรีจาก 12 ปี เหลือแค่ 9 ปี

ปรากฏว่า เกิดกระแสคัดค้านกันอึกทึกครึกโครม จนในที่สุด "อจ.มีชัย" ต้องยอมแก้ร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 54 กลับมาเป็นเรียนฟรี 12 ปี

แต่แทนที่จะให้เรียนฟรีตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 หรือ ปวช. อย่างเดิม

อจ.มีชัย กลับทำตัวเป็น "คุณปู่รู้ดี" เปลี่ยนระบบเรียนฟรีให้เริ่มจากชั้นอนุบาลถึงมัธยม 3

ส่วนใครจะเรียนต่อ ม.ปลาย หรือใครจะเรียนสายอาชีพ ปวช. พ่อแม่ผู้ปกครองต้องแบกภาระจ่ายค่าเรียนเอาเอง

"แม่ลูกจันทร์" มองว่า การร่นระยะเรียนฟรี 12 ปี จากอนุบาลถึง ม.3 เป็นแนวคิดที่ผิดจังเบอร์!!

เพราะค่าใช้จ่ายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลน้อยกว่าค่าใช้จ่ายเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายกว่า 2 เท่าตัว

แถมค่าใช้จ่ายสายอาชีวะ บวกค่าอุปกรณ์การเรียนสาย ปวช.ก็สูงกว่าเด็ก อนุบาลกว่า 3 เท่าตัว

"แม่ลูกจันทร์" เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของ อจ.มีชัย ต้องการลดภาระรายจ่ายด้านการศึกษาของรัฐบาล

โดยผลักภาระให้ประชาชนพ่อแม่ผู้ปกครองรับไปเต็มๆ

การอ้างว่าเพื่อไม่ให้คนจนเสียเปรียบคนรวย จึงเป็นเหตุผลที่ห่วยแตกสิ้นดี

เพราะในความจริง...ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ทำให้เด็กนักเรียนที่มีพ่อแม่ยากจนหมดโอกาสที่จะได้เรียนต่อชั้นมัธยมปลาย หรือเรียนต่อสายวิชาชีพ ปวช.

ถึงจะอ้างว่ารัฐจะจัดกองทุนการศึกษาให้เด็กยากจนกู้ยืม

"แม่ลูกจันทร์" ถาม อจ.มีชัย ว่า การได้สิทธิเรียนฟรีกับการต้องวิ่งเต้นไปกู้ยืมกองทุนไปจ่ายค่าเรียน

แบบไหนประชาชนจะได้ประโยชน์จากรัฐมากกว่ากัน??

แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังสวนทางนโยบายปฏิรูป การศึกษาของรัฐบาล คสช.อย่างสิ้นเชิง

นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งประกาศแหม่บๆ ว่ารัฐบาลต้องการส่งเสริมให้เด็กไทยเรียนสายอาชีวะอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

เนื่องจากประเทศไทยต้องการแรงงานระดับ ปวช.ปีละ 1 ล้านคน

ปัจจุบันเราผลิตเด็กไทยที่จบสายอาชีวะเพียงปีละ 4 แสนคน ตลาดแรงงานยังต้องการแรงงานอาชีพระดับ ปวช. ปวส. เพิ่มอีกปีละ 6 แสนคน

"แม่ลูกจันทร์" สรุปว่า ร่างรัฐธรรมนูญของ อจ.มีชัย ที่ตัดสิทธิเรียนฟรี ระดับมัธยมปลายและระดับ ปวช.

จะเป็นอุปสรรคทำให้เด็กไทยเรียน สายอาชีพน้อยลง

เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนไม่มีปัญญาหาเงินส่งลูกหลานเรียนต่อ ปวช.

ผลดี เด็กไทยเมื่อจบชั้น ม.3 ก็ต้องออกหางานทำ

เด็กที่จบมัธยม 3 เป็นได้แค่กรรมกรรับจ้างรายวัน

กลายเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมที่รัฐต้องช่วยเหลือดูแล

ผลร้ายที่ตามมาคือ แรงงานฝีมือที่จะรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศก็จะขาดแคลนอย่างรุนแรง

เห็นมั้ยคุณโยม...รัฐธรรมนูญมาตราเดียว...สร้างความเสียหายได้บานตะไท.