PPD's Official Website
- Home
- สถานียูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- เว็บมหาวิทยาลัยประชาชน
- ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
- “เป้าหมายการปฏิวัติแบบ มดแดงล้มช้าง”
- Ideology: อุดมการณ์มดแดง
- มดแดงล้มช้างคืออะไร?
- สถานียูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- ติดตามทางเฟสบุ๊ค
- การก่อตั้ง คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม
- ร่วมโหวตชื่อขององค์การปวงชนชาวไทย
- หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง
- หลักสำคัญสู่ชัยชนะเหนือเผด็จการไทย
- คำประกาศเพื่อการปฎิวัติระบอบการปกครอง 18 ก.พ. 2555
- การสมัครเข้าร่วมปฏิวัติประชาชน
- คำประกาศสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยประชาชน
- ถ่ายทอดสด ทางยูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยประชาชน
- โครงการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยประชาชน
- เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยประชาชน
- บัญญัติสิบประการ "มดแดงล้มช้าง"
- Missions: พันธกิจ มดแดง
Sunday, July 12, 2015
Saturday, July 11, 2015
ผู้ประสานงานยุโรป ขององค์การเสรีไทยฯ ประนามการส่งตัว ชาวอุยกูร์ไปให้จีน
11th July 2015
Dear Friends of Human Rights
It has been confirmed by recent news announcements that the ruling Military regime in Thailand, in full cooperation with the Royal Thai Army, have forcibly repatriated 109 Uighur refugees back to China. We, Thai people living aboard, would like to convey our distress at this abhorrent behaviour, against all international norms, and hope you will realise that the ruling military Junta in Thailand are not representative of the views of the majority of the Thai people.
The leader of the current military regime in Thailand is Dictator Prayut Chan-o-cha, in a news conference on July 10 he confirmed that the 107 Uighur refugees had been repatriated and unbelievably excused this deportation by stating that they had to be removed before they "started breeding like animals". This is the caliber of person that the ruling military regime have imposed on the Thai people, a buffoon, lacking in basic intellect, with no respect or humanity towards his fellow man.
We would like to reiterate that we, Thai people living aboard, are not represented by the current ruling military regime and completely oppose the actions taken by the regime in forcibly repatriating the Uighur refugees. We would like to confirm our support for all peaceful protests that highlight the abuse of human rights by the ruling military junta, of which sadly this is only the latest example. The ruling military Junta in Thailand have no respect for Human rights or indeed the basic tenets of International Law.
Finally, we, Thai people living abroad, would like to stand with our international and Islamic friends, in condemning the Thai Military Government for their inhumanity towards the Uighur refugees and can only hope that the Chinese government respects the human rights of the repatriated Uighur refugees better than the Thai Military Government.
Yours Sincerely,
Jaran Ditapichai
European coordinator of the Organization of Free Thais for Human Rights and Democracy.
ผู้ประสานงานยุโรป ขององค์การเสรีไทยฯ ประนามการส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ให้จีน
11th July 2015
Dear Friends of Human Rights
It has been confirmed by recent news announcements that the ruling Military regime in Thailand, in full cooperation with the Royal Thai Army, have forcibly repatriated 109 Uighur refugees back to China. We, Thai people living aboard, would like to convey our distress at this abhorrent behaviour, against all international norms, and hope you will realise that the ruling military Junta in Thailand are not representative of the views of the majority of the Thai people.
The leader of the current military regime in Thailand is Dictator Prayut Chan-o-cha, in a news conference on July 10 he confirmed that the 107 Uighur refugees had been repatriated and unbelievably excused this deportation by stating that they had to be removed before they "started breeding like animals". This is the caliber of person that the ruling military regime have imposed on the Thai people, a buffoon, lacking in basic intellect, with no respect or humanity towards his fellow man.
We would like to reiterate that we, Thai people living aboard, are not represented by the current ruling military regime and completely oppose the actions taken by the regime in forcibly repatriating the Uighur refugees. We would like to confirm our support for all peaceful protests that highlight the abuse of human rights by the ruling military junta, of which sadly this is only the latest example. The ruling military Junta in Thailand have no respect for Human rights or indeed the basic tenets of International Law.
Finally, we, Thai people living abroad, would like to stand with our international and Islamic friends, in condemning the Thai Military Government for their inhumanity towards the Uighur refugees and can only hope that the Chinese government respects the human rights of the repatriated Uighur refugees better than the Thai Military Government.
Yours Sincerely,
Jaran Ditapichai
European coordinator of the Organization of Free Thais for Human Rights and Democracy.
PIANGDIN ACADEMY: นักศึกษาอเมริกัน Rachel & Jude วิพากษ์ การเมืองแล...
นักศึกษาอเมริกัน Rachel & Jude วิพากษ์ การเมืองและ"ประชาธิปไตย" ไทย
นักศึกษาอเมริกัน Rachel & Jude วิพากษ์ การเมืองและ"ประชาธิปไตย" ไทย
นักศึกษาอเมริกัน Rachel & Jude วิพากษ์ การเมืองและ"ประชาธิปไตย" ไทย
PIANGDIN ACADEMY: ประเด็น ชาวอุยกูร์ คสช.ทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ เ...
เรื่อง
การส่งคนชาวอุยกูร์ ในแคว้นซินเจียง ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นในประเทศไทย
คืนกลับไปให้จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเรื่องราวระหว่างประเทศ ที่เล็กๆ จริงหรือ?
นี่คือ คำตอบของผมในฐานะ ที่เป็นนักเรียนกฏหมายระหว่างปรเทศ จากมหาวิทยาลัย นิวยอร์ค หรือ New York University Law School หรือ NYU
๑. คำว่า "Condemn" กับคำว่า "Convicted' ให้คุณค่าในทางความหมายของภาษากฏหมาย ที่เท่ากัน คือ แปลว่า "พิพากษาเพื่อลงโทษ"
๒.การที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา บรรยายความมา ในหนังสือฉบับนี้
พี่น้องประชาชนชาวไทย ต้องไปอ่านให้รอบคอบ และ ต้องระมัดระวังให้ดีๆ
เพราะนั่น เป็นการออกมาบอกแบบแบไต๋ ว่า
๓. "ประเทศไทย
ได้ไปปฏิบัติการละเมิดต่อ พันธกรณีที่ประเทศนี้มีอยู่ ในสนธิสัญญาใหญ่ และ
สำคัญของโลก นั่น ก็คือ สนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ)
หรือ the Geneva Conventions, 1949
๔. ที่ไทย มีพันธกรณี
เพราะประเทศไทย ไปประกาศ ขอเข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาทั้ง ๔
ฉบับนี้ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ปีค.ศ.๑๙๕๔ หรือ ปีพ.ศ.๒๔๙๗
๕.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนธิสัญญากรุงเจนีวา, ปีค.ศ.๑๙๔๙ และบทบัญญัติที่ ๓ ร่วม
หรือ ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "the Fourth Geneva Convention, 1949
including the Common Article 3"
๖. ที่ห้าม
ไม่ให้ขนส่งคนด้วย การบีบบังคับ เพื่อไปรับโทษ หรือ เพื่อไปรับการทรมาน ซ้ำ
ต้องปฏิบัติต่อเขาเหล่านั้น อย่างมี "มนุษยธรรม"
๗.
ที่กินความกว้างกว่า คำว่า "สิทธิมนุษยชน" หรือ คำว่า "Human Rights"
ในภาษาอังกฤษ และ กินความครอบคลุมคำว่า "สิทธิมนุษยชน" เอาไว้ภายใต้คำว่า
"มนุษยธรรม" หรือ คำว่า "Humanitarian" ด้วย
๘. การปฏิบัติการใดๆ โดยฝ่ายไทย ที่ฝ่าฝืนต่อความตามสนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ นั้นนำไปสู่การพิจารณาความผิด
๙. ตามสนธิสัญญากรุงเฮก ปีค.ศ.๑๘๙๙ - ๑๙๐๗ หรือ the Hague Conventions,
1899 - 1907 และ สนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ อาทิเช่น Genocide,
1951; Rome Statue, 1998 และ CAT, 1984 ฯลฯ เป็นต้น
๑๐.
ซึ่งเป็น ความผิดทางอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Crimes
ตามสนธิสัญญาทั้งสองฉบับนี้ และ the London Charter, 1938
(สนธิสัญญาที่ก่อตั้งศาลนูเรมเบริกร์ และ มีโทษ
ที่จะลงแก่จำเลยทั้งหลายสถานเดียว ก็คือ "การแขวนคอ"
๑๑.
ให้ผู้อ่านทั้งหลายไปดู การพิจารณาคดี เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒
เสร็จสิ้นลง บรรดานายพลในกองทัพของ นาซีเยอรมันนี และ ญี่ปุ่น
ถูกประหารชีวิต โดยการแขวนคอ เป็นแถวๆ
๑๒. ท่านผู้ใดอยากดู
ภาพการประหารในกรณีนี้่ ให้เข้าไปดูใน YouTube เขายังคงเก็บไฟล์
เป็นภาพยนต์ ให้เราดู เพื่อเตือนใจกันจนถึง ทุกวันนี้
๑๓.
การละเมิดต่อสนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ)
เป็นการละเมิดต่อพันธกรณีตาม กฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ.๑๙๔๕ - ๑๙๔๖
และสนธิสัญญาอื่นๆ ที่ออกตามความในกฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๔๖
หรือ the Charter of United Nations, 1945 - 1946 อยู่ในตัวเอง
๑๔. อนึ่ง ในวันนี้สนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ดำรงสถานะเป็น Customary Rules of International Law
๑๕. กล่าวคือ ให้ผลบังคับทันที ไปทั่วโลก ผู้ใดจะไม่ปฏิบัติตาม หรือ
ปฏิบัติโดยล่วงละเมิดต่อความตาม ที่บัญญัติไว้ในสนธิสัญญา กรุงเจนีวา (ทั้ง
๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ไม่ได้เลย
๑๖. จึงเป็นเรื่องที่คณะ คสช. ต้องไปเสกเป่ามนต์ เอาเอง เพื่อการเอาตัวรอด เป็นรายบุคคล
๑๗. นี่ไงใครๆที่คิดว่า เรื่องชาวอุยกูร์ เป็นเรื่องเล็ก โดยเนื้อหาสาระ เป็นเรื่องใหญ่ เกินกว่าที่ คณะ คสช. จะรับไหว
๑๘. ขั้นต่อไปใคร ที่อยู่ในคณะนี้ เดินทางออกต่างประเทศ
ก็ต้องระวังการจับตัวไปดำเนินคดี ตามหมายจับ ที่อาจออกมาจาก
ศาลนานาชาติในที่ หรือประเทศต่างๆ ให้ดีๆ
๑๙. นี่คำเตือนของผม
ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และ ด้วยความหวังดี รวมทั้งมิตรไมตรี ในฐานะ
ที่ท่านเป็นเพื่อร่วมชาติ ผมหน้าบาง ไม่อยากเสียเกียรติภูมิ ในตัวผม ในฐานะ
"เป็นคนไทย" ด้วยกัน
เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้.
การส่งคนชาวอุยกูร์ ในแคว้นซินเจียง ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นในประเทศไทย
คืนกลับไปให้จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเรื่องราวระหว่างประเทศ ที่เล็กๆ จริงหรือ?
นี่คือ คำตอบของผมในฐานะ ที่เป็นนักเรียนกฏหมายระหว่างปรเทศ จากมหาวิทยาลัย นิวยอร์ค หรือ New York University Law School หรือ NYU
๑. คำว่า "Condemn" กับคำว่า "Convicted' ให้คุณค่าในทางความหมายของภาษากฏหมาย ที่เท่ากัน คือ แปลว่า "พิพากษาเพื่อลงโทษ"
๒.การที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา บรรยายความมา ในหนังสือฉบับนี้
พี่น้องประชาชนชาวไทย ต้องไปอ่านให้รอบคอบ และ ต้องระมัดระวังให้ดีๆ
เพราะนั่น เป็นการออกมาบอกแบบแบไต๋ ว่า
๓. "ประเทศไทย
ได้ไปปฏิบัติการละเมิดต่อ พันธกรณีที่ประเทศนี้มีอยู่ ในสนธิสัญญาใหญ่ และ
สำคัญของโลก นั่น ก็คือ สนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ)
หรือ the Geneva Conventions, 1949
๔. ที่ไทย มีพันธกรณี
เพราะประเทศไทย ไปประกาศ ขอเข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาทั้ง ๔
ฉบับนี้ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ปีค.ศ.๑๙๕๔ หรือ ปีพ.ศ.๒๔๙๗
๕.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนธิสัญญากรุงเจนีวา, ปีค.ศ.๑๙๔๙ และบทบัญญัติที่ ๓ ร่วม
หรือ ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "the Fourth Geneva Convention, 1949
including the Common Article 3"
๖. ที่ห้าม
ไม่ให้ขนส่งคนด้วย การบีบบังคับ เพื่อไปรับโทษ หรือ เพื่อไปรับการทรมาน ซ้ำ
ต้องปฏิบัติต่อเขาเหล่านั้น อย่างมี "มนุษยธรรม"
๗.
ที่กินความกว้างกว่า คำว่า "สิทธิมนุษยชน" หรือ คำว่า "Human Rights"
ในภาษาอังกฤษ และ กินความครอบคลุมคำว่า "สิทธิมนุษยชน" เอาไว้ภายใต้คำว่า
"มนุษยธรรม" หรือ คำว่า "Humanitarian" ด้วย
๘. การปฏิบัติการใดๆ โดยฝ่ายไทย ที่ฝ่าฝืนต่อความตามสนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ นั้นนำไปสู่การพิจารณาความผิด
๙. ตามสนธิสัญญากรุงเฮก ปีค.ศ.๑๘๙๙ - ๑๙๐๗ หรือ the Hague Conventions,
1899 - 1907 และ สนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ อาทิเช่น Genocide,
1951; Rome Statue, 1998 และ CAT, 1984 ฯลฯ เป็นต้น
๑๐.
ซึ่งเป็น ความผิดทางอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Crimes
ตามสนธิสัญญาทั้งสองฉบับนี้ และ the London Charter, 1938
(สนธิสัญญาที่ก่อตั้งศาลนูเรมเบริกร์ และ มีโทษ
ที่จะลงแก่จำเลยทั้งหลายสถานเดียว ก็คือ "การแขวนคอ"
๑๑.
ให้ผู้อ่านทั้งหลายไปดู การพิจารณาคดี เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒
เสร็จสิ้นลง บรรดานายพลในกองทัพของ นาซีเยอรมันนี และ ญี่ปุ่น
ถูกประหารชีวิต โดยการแขวนคอ เป็นแถวๆ
๑๒. ท่านผู้ใดอยากดู
ภาพการประหารในกรณีนี้่ ให้เข้าไปดูใน YouTube เขายังคงเก็บไฟล์
เป็นภาพยนต์ ให้เราดู เพื่อเตือนใจกันจนถึง ทุกวันนี้
๑๓.
การละเมิดต่อสนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ)
เป็นการละเมิดต่อพันธกรณีตาม กฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ.๑๙๔๕ - ๑๙๔๖
และสนธิสัญญาอื่นๆ ที่ออกตามความในกฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๔๖
หรือ the Charter of United Nations, 1945 - 1946 อยู่ในตัวเอง
๑๔. อนึ่ง ในวันนี้สนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ดำรงสถานะเป็น Customary Rules of International Law
๑๕. กล่าวคือ ให้ผลบังคับทันที ไปทั่วโลก ผู้ใดจะไม่ปฏิบัติตาม หรือ
ปฏิบัติโดยล่วงละเมิดต่อความตาม ที่บัญญัติไว้ในสนธิสัญญา กรุงเจนีวา (ทั้ง
๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ไม่ได้เลย
๑๖. จึงเป็นเรื่องที่คณะ คสช. ต้องไปเสกเป่ามนต์ เอาเอง เพื่อการเอาตัวรอด เป็นรายบุคคล
๑๗. นี่ไงใครๆที่คิดว่า เรื่องชาวอุยกูร์ เป็นเรื่องเล็ก โดยเนื้อหาสาระ เป็นเรื่องใหญ่ เกินกว่าที่ คณะ คสช. จะรับไหว
๑๘. ขั้นต่อไปใคร ที่อยู่ในคณะนี้ เดินทางออกต่างประเทศ
ก็ต้องระวังการจับตัวไปดำเนินคดี ตามหมายจับ ที่อาจออกมาจาก
ศาลนานาชาติในที่ หรือประเทศต่างๆ ให้ดีๆ
๑๙. นี่คำเตือนของผม
ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และ ด้วยความหวังดี รวมทั้งมิตรไมตรี ในฐานะ
ที่ท่านเป็นเพื่อร่วมชาติ ผมหน้าบาง ไม่อยากเสียเกียรติภูมิ ในตัวผม ในฐานะ
"เป็นคนไทย" ด้วยกัน
เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้.
ประเด็น ชาวอุยกูร์ คสช.ทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ เรื่องเหมือนเล็ก แต่โทษมหันต์นัก
เรื่อง การส่งคนชาวอุยกูร์ ในแคว้นซินเจียง ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นในประเทศไทย คืนกลับไปให้จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเรื่องราวระหว่างประเทศ ที่เล็กๆ จริงหรือ?
นี่คือ คำตอบของผมในฐานะ ที่เป็นนักเรียนกฏหมายระหว่างปรเทศ จากมหาวิทยาลัย นิวยอร์ค หรือ New York University Law School หรือ NYU
๑. คำว่า "Condemn" กับคำว่า "Convicted' ให้คุณค่าในทางความหมายของภาษากฏหมาย ที่เท่ากัน คือ แปลว่า "พิพากษาเพื่อลงโทษ"
๒.การที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา บรรยายความมา ในหนังสือฉบับนี้ พี่น้องประชาชนชาวไทย ต้องไปอ่านให้รอบคอบ และ ต้องระมัดระวังให้ดีๆ เพราะนั่น เป็นการออกมาบอกแบบแบไต๋ ว่า
๓. "ประเทศไทย ได้ไปปฏิบัติการละเมิดต่อ พันธกรณีที่ประเทศนี้มีอยู่ ในสนธิสัญญาใหญ่ และ สำคัญของโลก นั่น ก็คือ สนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ) หรือ the Geneva Conventions, 1949
๔. ที่ไทย มีพันธกรณี เพราะประเทศไทย ไปประกาศ ขอเข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาทั้ง ๔ ฉบับนี้ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ปีค.ศ.๑๙๕๔ หรือ ปีพ.ศ.๒๔๙๗
๕. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนธิสัญญากรุงเจนีวา, ปีค.ศ.๑๙๔๙ และบทบัญญัติที่ ๓ ร่วม หรือ ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "the Fourth Geneva Convention, 1949 including the Common Article 3"
๖. ที่ห้าม ไม่ให้ขนส่งคนด้วย การบีบบังคับ เพื่อไปรับโทษ หรือ เพื่อไปรับการทรมาน ซ้ำ ต้องปฏิบัติต่อเขาเหล่านั้น อย่างมี "มนุษยธรรม"
๗. ที่กินความกว้างกว่า คำว่า "สิทธิมนุษยชน" หรือ คำว่า "Human Rights" ในภาษาอังกฤษ และ กินความครอบคลุมคำว่า "สิทธิมนุษยชน" เอาไว้ภายใต้คำว่า "มนุษยธรรม" หรือ คำว่า "Humanitarian" ด้วย
๘. การปฏิบัติการใดๆ โดยฝ่ายไทย ที่ฝ่าฝืนต่อความตามสนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ นั้นนำไปสู่การพิจารณาความผิด
๙. ตามสนธิสัญญากรุงเฮก ปีค.ศ.๑๘๙๙ - ๑๙๐๗ หรือ the Hague Conventions, 1899 - 1907 และ สนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ อาทิเช่น Genocide, 1951; Rome Statue, 1998 และ CAT, 1984 ฯลฯ เป็นต้น
๑๐. ซึ่งเป็น ความผิดทางอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Crimes ตามสนธิสัญญาทั้งสองฉบับนี้ และ the London Charter, 1938 (สนธิสัญญาที่ก่อตั้งศาลนูเรมเบริกร์ และ มีโทษ ที่จะลงแก่จำเลยทั้งหลายสถานเดียว ก็คือ "การแขวนคอ"
๑๑. ให้ผู้อ่านทั้งหลายไปดู การพิจารณาคดี เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ เสร็จสิ้นลง บรรดานายพลในกองทัพของ นาซีเยอรมันนี และ ญี่ปุ่น ถูกประหารชีวิต โดยการแขวนคอ เป็นแถวๆ
๑๒. ท่านผู้ใดอยากดู ภาพการประหารในกรณีนี้่ ให้เข้าไปดูใน YouTube เขายังคงเก็บไฟล์ เป็นภาพยนต์ ให้เราดู เพื่อเตือนใจกันจนถึง ทุกวันนี้
๑๓. การละเมิดต่อสนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ) เป็นการละเมิดต่อพันธกรณีตาม กฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ.๑๙๔๕ - ๑๙๔๖ และสนธิสัญญาอื่นๆ ที่ออกตามความในกฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๔๖ หรือ the Charter of United Nations, 1945 - 1946 อยู่ในตัวเอง
๑๔. อนึ่ง ในวันนี้สนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ดำรงสถานะเป็น Customary Rules of International Law
๑๕. กล่าวคือ ให้ผลบังคับทันที ไปทั่วโลก ผู้ใดจะไม่ปฏิบัติตาม หรือ ปฏิบัติโดยล่วงละเมิดต่อความตาม ที่บัญญัติไว้ในสนธิสัญญา กรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ไม่ได้เลย
๑๖. จึงเป็นเรื่องที่คณะ คสช. ต้องไปเสกเป่ามนต์ เอาเอง เพื่อการเอาตัวรอด เป็นรายบุคคล
๑๗. นี่ไงใครๆที่คิดว่า เรื่องชาวอุยกูร์ เป็นเรื่องเล็ก โดยเนื้อหาสาระ เป็นเรื่องใหญ่ เกินกว่าที่ คณะ คสช. จะรับไหว
๑๘. ขั้นต่อไปใคร ที่อยู่ในคณะนี้ เดินทางออกต่างประเทศ ก็ต้องระวังการจับตัวไปดำเนินคดี ตามหมายจับ ที่อาจออกมาจาก ศาลนานาชาติในที่ หรือประเทศต่างๆ ให้ดีๆ
๑๙. นี่คำเตือนของผม ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และ ด้วยความหวังดี รวมทั้งมิตรไมตรี ในฐานะ ที่ท่านเป็นเพื่อร่วมชาติ ผมหน้าบาง ไม่อยากเสียเกียรติภูมิ ในตัวผม ในฐานะ "เป็นคนไทย" ด้วยกัน
เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้.
นี่คือ คำตอบของผมในฐานะ ที่เป็นนักเรียนกฏหมายระหว่างปรเทศ จากมหาวิทยาลัย นิวยอร์ค หรือ New York University Law School หรือ NYU
๑. คำว่า "Condemn" กับคำว่า "Convicted' ให้คุณค่าในทางความหมายของภาษากฏหมาย ที่เท่ากัน คือ แปลว่า "พิพากษาเพื่อลงโทษ"
๒.การที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา บรรยายความมา ในหนังสือฉบับนี้ พี่น้องประชาชนชาวไทย ต้องไปอ่านให้รอบคอบ และ ต้องระมัดระวังให้ดีๆ เพราะนั่น เป็นการออกมาบอกแบบแบไต๋ ว่า
๓. "ประเทศไทย ได้ไปปฏิบัติการละเมิดต่อ พันธกรณีที่ประเทศนี้มีอยู่ ในสนธิสัญญาใหญ่ และ สำคัญของโลก นั่น ก็คือ สนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ) หรือ the Geneva Conventions, 1949
๔. ที่ไทย มีพันธกรณี เพราะประเทศไทย ไปประกาศ ขอเข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาทั้ง ๔ ฉบับนี้ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ปีค.ศ.๑๙๕๔ หรือ ปีพ.ศ.๒๔๙๗
๕. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนธิสัญญากรุงเจนีวา, ปีค.ศ.๑๙๔๙ และบทบัญญัติที่ ๓ ร่วม หรือ ที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "the Fourth Geneva Convention, 1949 including the Common Article 3"
๖. ที่ห้าม ไม่ให้ขนส่งคนด้วย การบีบบังคับ เพื่อไปรับโทษ หรือ เพื่อไปรับการทรมาน ซ้ำ ต้องปฏิบัติต่อเขาเหล่านั้น อย่างมี "มนุษยธรรม"
๗. ที่กินความกว้างกว่า คำว่า "สิทธิมนุษยชน" หรือ คำว่า "Human Rights" ในภาษาอังกฤษ และ กินความครอบคลุมคำว่า "สิทธิมนุษยชน" เอาไว้ภายใต้คำว่า "มนุษยธรรม" หรือ คำว่า "Humanitarian" ด้วย
๘. การปฏิบัติการใดๆ โดยฝ่ายไทย ที่ฝ่าฝืนต่อความตามสนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ นั้นนำไปสู่การพิจารณาความผิด
๙. ตามสนธิสัญญากรุงเฮก ปีค.ศ.๑๘๙๙ - ๑๙๐๗ หรือ the Hague Conventions, 1899 - 1907 และ สนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ อาทิเช่น Genocide, 1951; Rome Statue, 1998 และ CAT, 1984 ฯลฯ เป็นต้น
๑๐. ซึ่งเป็น ความผิดทางอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Crimes ตามสนธิสัญญาทั้งสองฉบับนี้ และ the London Charter, 1938 (สนธิสัญญาที่ก่อตั้งศาลนูเรมเบริกร์ และ มีโทษ ที่จะลงแก่จำเลยทั้งหลายสถานเดียว ก็คือ "การแขวนคอ"
๑๑. ให้ผู้อ่านทั้งหลายไปดู การพิจารณาคดี เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ เสร็จสิ้นลง บรรดานายพลในกองทัพของ นาซีเยอรมันนี และ ญี่ปุ่น ถูกประหารชีวิต โดยการแขวนคอ เป็นแถวๆ
๑๒. ท่านผู้ใดอยากดู ภาพการประหารในกรณีนี้่ ให้เข้าไปดูใน YouTube เขายังคงเก็บไฟล์ เป็นภาพยนต์ ให้เราดู เพื่อเตือนใจกันจนถึง ทุกวันนี้
๑๓. การละเมิดต่อสนธิสัญญา กรุงเจนีวา ปีค.ศ.๑๙๔๙ (ทั้ง ๔ ฉบับ) เป็นการละเมิดต่อพันธกรณีตาม กฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ.๑๙๔๕ - ๑๙๔๖ และสนธิสัญญาอื่นๆ ที่ออกตามความในกฏบัตรสหประชาชาติ ปีค.ศ. ๑๙๔๕ - ๑๙๔๖ หรือ the Charter of United Nations, 1945 - 1946 อยู่ในตัวเอง
๑๔. อนึ่ง ในวันนี้สนธิสัญญากรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ดำรงสถานะเป็น Customary Rules of International Law
๑๕. กล่าวคือ ให้ผลบังคับทันที ไปทั่วโลก ผู้ใดจะไม่ปฏิบัติตาม หรือ ปฏิบัติโดยล่วงละเมิดต่อความตาม ที่บัญญัติไว้ในสนธิสัญญา กรุงเจนีวา (ทั้ง ๔ ฉบับ) ปีค.ศ.๑๙๔๙ ไม่ได้เลย
๑๖. จึงเป็นเรื่องที่คณะ คสช. ต้องไปเสกเป่ามนต์ เอาเอง เพื่อการเอาตัวรอด เป็นรายบุคคล
๑๗. นี่ไงใครๆที่คิดว่า เรื่องชาวอุยกูร์ เป็นเรื่องเล็ก โดยเนื้อหาสาระ เป็นเรื่องใหญ่ เกินกว่าที่ คณะ คสช. จะรับไหว
๑๘. ขั้นต่อไปใคร ที่อยู่ในคณะนี้ เดินทางออกต่างประเทศ ก็ต้องระวังการจับตัวไปดำเนินคดี ตามหมายจับ ที่อาจออกมาจาก ศาลนานาชาติในที่ หรือประเทศต่างๆ ให้ดีๆ
๑๙. นี่คำเตือนของผม ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และ ด้วยความหวังดี รวมทั้งมิตรไมตรี ในฐานะ ที่ท่านเป็นเพื่อร่วมชาติ ผมหน้าบาง ไม่อยากเสียเกียรติภูมิ ในตัวผม ในฐานะ "เป็นคนไทย" ด้วยกัน
เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้.
Subscribe to:
Posts (Atom)