PPD's Official Website

Thursday, July 2, 2015

อุบัติการณ์ดาวดิน กับประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ภายใต้ คสช.

อุบัติการณ์ดาวดิน กับประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ภายใต้ คสช.
Fri, 2015-07-03 00:43


ก่อนหน้าที่เราจะเป็นสักขีพยาน วันยึดอำนาจรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 สังคมไทยรู้จัก “นักศึกษากลุ่มดาวดิน” เพียง กลุ่มนักศึกษาเล็กๆ ที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เหมืองทองคำ ในจังหวัดเลย ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ล่วงเลยจากวันยึดอำนาจรัฐประหารมานานนับปี ก่อนการอุบัติขึ้นของแรงกระเพื่อมไหวครั้งใหญ่ของการเมืองภายหลังรัฐประหาร การปรากฎตัวของกลุ่มนักศึกษาดาวดิน และนักเคลื่อนไหวบางคน ที่มารวมกลุ่มกันนั่งจ้องนาฬิกาที่ลานหน้าหอศิลป์ฯ ในคืนวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ครบรอบ 1 ปี การรัฐประหารและบริหารประเทศของคสช. จวบจนนำไปสู่การเข้าสลายการชุมนุม และยื่นฟ้องเหล่านักศึกษา 14 คนอย่างลับๆ ผ่านเอกสารที่ส่งไปตามบ้าน และวันที่ 24 มิถุนายน 2558 กลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อประกาศเจตนารมณ์ต่อต้าน คสช. ซึ่งแน่นอน พวกเขาถูกจับกุมในเวลาต่อมา ด้วยหมายจับจากศาลทหาร ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และห้ามต่อต้าน คสช. และทางกลุ่มนักศึกษาไม่ขอยื่นประกันตัว
อุบัติการณ์ครั้งนี้คงผิดจากความคาดหมายของหน่วยงานความมั่นคงพอสมควร เพราะ “ไฟ” ถูกจุดติดขึ้นมา ภายหลังการจับกุมดำเนินคดีกับเหล่านักศึกษา และ การออกมากล่าวหาว่า การเคลื่อนไหวของ 14 นักศึกษานั้น “มีเบื้องหลังไม่บริสุทธิ์” และ “มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง” รวมถึงกระแสต้านจากสังคมออนไลน์ที่กล่าวหาว่าพวกเขา “ถูกจ้างมา” ซึ่งผิดคาด เพราะเกิดกระแสสนับสนุนเหล่านักศึกษาขึ้นมาสวนกระแสดังกล่าวจากทั้งในและนอก ประเทศ และมีท่าทีว่าจะไม่หยุดลงโดยง่าย ซึ่งเป็นกระแสเรียกร้องต่อรองกับรัฐบาล คสช.ให้ปล่อยตัว 14 นักศึกษาโดยไม่มีเงื่อนไข การล่ารายชื่อ โดยจากทั้งคณาจารย์ นักวิชาการ นักคิดนักเขียนมากมาย นักศึกษากลุ่มอื่น แม้กระทั่งองค์กรระหว่างประเทศ สหภาพยุโรป และ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ร่วมออกแถลงการณ์กดดัน คสช. จนเกิด “แรงกระเพื่อมไหว” ครั้งใหญ่
ใหญ่จน พล.อ.ประยุทธ์ ขอใช้สิทธิ์ “เลี่ยงไม่ตอบคำถามต่อสื่อมวลชน” ในวันที่ 29 มิถุนายนก่อนเดินทางไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ และอาจจะนับเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้สิทธิ์นี้ นับจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นต้นมา
ใหญ่จนคนมีตำแหน่งสูงๆ ในรัฐบาล พากันออกมาประสานเสียงว่า “รู้ตัวคนอยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษา” และ “เตรียมเล่นงานคนอยู่เบื้องหลังนักศึกษา” หลังจากตรรกะวาทกรรม “ไม่เห็นด้วยกับ คสช.คือต้องการความไม่สงบ” ใช้ไม่ได้ผลนัก แต่นั่นก็ไม่อาจกลบแรงกระเพื่อมไหวครั้งนี้ได้
จนกระทั่ง อนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ต้องออกมาตั้งคำถามต่อสังคมว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มนี้นั้น “สร้างประโยชน์อะไรให้แก่ประเทศบ้าง” เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าปฏิรูปเพื่อลูกหลานคนไทยทั้งประเทศ
สิ่งนี้ย้อนไปถึง คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่พูดบ่อยครั้งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ที่พูดว่า คสช.จะนำ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มาสู่ประชาชน และ ตัวท่านคือทหารประชาธิปไตย

ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบสากลนั้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะต่อรองกับรัฐ ทั้งเรื่องกฎหมายที่เป็นไม่ธรรม การร้องเรียนสิ่งที่ประชาชนต้องการ การตีฆ้องร้องป่าวต่อความไม่เป็นธรรม รวมถึงสิทธิที่จะเอ่ยปากต่อต้านรัฐบาล ดั่งเช่นที่ม๊อบทั้งหลายทำมานับ 10 ปีที่ผ่านมา ที่ใช้การต่อรองแบบ รวมกลุ่มเป็นมวลชนเพื่อสร้างพื้นที่ต่อรองทางการเมืองกับรัฐบาล ซึ่งนับเป็น “เสียง” ที่ดังที่สุดของประชาชนเท่าที่ระบอบการเมืองการปกครองจะมอบให้ได้
แต่นับตั้งแต่ กฎอัยการศึกออกมาบังคับใช้ จนถึง คำสั่ง คสช. ออกมาประกาศใช้ พื้นที่ต่อรองของประชาชนก็หายไป “เสียง” ถูกกลบหายด้วยอำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว และคำสั่งคสช. คือตัวแทนอันเป็นรูปธรรมของภาวะ “ห้ามเถียง” “ห้ามคัดค้าน” “ห้ามต่อต้าน” ที่ คสช.ใช้กับประชาชน ซึ่งไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเขาทำกัน ไม่เคยมีการรัฐประหารครั้งใดเหมือนครั้งนี้ แม้ในมาตรา 4 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เขียนรองรับถึงสิทธิพลเมืองที่ต้องได้รับการ คุ้มครองก็ไร้ความหมาย อาจเพราะคำสั่งคสช. อยู่เหนือรัฐธรรมนูญชั่วคราว
ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ได้ระบุถึงสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน คือสิทธิเสรีภาพที่จะพูดหรือแสดงออก หากไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น การมี คำสั่งคสช. คือการลิดรอนสิทธิเสรีภาพอย่างไม่ต้องสงสัย และแน่นอนว่าประเทศประชาธิปไตยโดยทั่วไปแล้ว ประชาชนมีสิทธิที่จะต่อรองกับรัฐเพื่อยกเลิกกฎหมายที่ริดลอนสิทธิเสรีภาพ ขั้นพื้นฐานของพลเมือง เพราะมิเช่นนั้น “กฎหมาย” จะกลายเป็นเพียง “คำสั่ง” ของรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่เอาไว้กดขี่พลเมืองของรัฐ

วันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ดาวดินจึงร้องตะโกนอย่างเงียบสงบ ในพื้นที่การเมืองซึ่งไม่มีที่ให้เสียงใดได้เล็ดลอดออกจากความเงียบภายใต้ “คำสั่ง คสช.” ไปได้ ในพื้นที่ที่พวกเขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะเกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ กลุ่มนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวไร้อาวุธ แค่เพียงพูดในสิ่งที่ตนเชื่อ นั่งมองนาฬิกาและชูป้ายผ้า นั้นมีความผิด

ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา “นักศึกษา” คือตัวแทนของพลังบริสุทธิ์ พลังแห่งปัญญาชน จวบจนยุคสมัยของคสช. ที่ภาพของนักศึกษา ถูกวาทกรรมป้ายสีให้พวกเขากลายเป็นทาสของทุน ถูกซื้อและชักใยอยู่โดยผู้อื่น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้น คือความเงียบ ที่ไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นความเงียบสงัดที่รัฐได้ชิง “เสียง” ของประชาชนไป การเคลื่อนไหวของดาวดิน เป็นเพียงกรณีเดียว ที่สังคมได้รับรู้รับทราบผ่านการบอกเล่าของสื่อมวลชนเท่านั้น เพราะในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา คำสั่ง คสช. ได้ทำให้สังคมไทยเงียบสงัดลง ไม่ว่าจะเป็นการเสวนาวิชาการที่ถูกปิดลงนับครั้งไม่ถ้วน การไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ต่างๆ นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเพราะที่ดินสปก.หรือพื้นที่ป่า การสั่งห้ามการกิจกรรมเพื่อปฏิรูปที่ดิน หรือแม้กระทั่งตามต่างจังหวัดที่คสช.เฝ้าระวัง แค่เพียงชาวบ้านนั่งรถเกิน 5 คน ก็จะมีการตั้งด่านจับเพื่อตรวจสอบ

ฉะนั้นภายใต้คำสั่ง คสช. นั้น เราไม่มีประชาธิปไตยใดๆ ทั้งสิ้น
และไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า หลังผ่านพ้นคำสั่ง คสช.ไปแล้ว เราจะได้มันมาหรือเปล่า

Credit:  http://prachatai.org/journal/2015/07/60137


เพราะเรา คือเพื่อนกัน







Download








อำนาจยิ่งล้นฟ้า ยิ่งต้องได้รับการตรวจสอบ เผด็จการเพื่อราชาธิปไตย ออกไป!!

พี่น้องครับ... นี่คือวิดิโอที่ผมดูแล้วรู้สึกสะเทือนใจ และมีกำลังใจ ขอเชิญชวนให้พี่น้องทุกท่าน ได้ดู และควรเผยแพร่ให้กว้างขวางที่สุด

Posted by Red Grassroots on Thursday, July 2, 2015

ชาวบ้านออกมาสู้ เพื่อประชาธิปไตย ทำไม?

นั้นคือคำตอบ
ผมได้เห็นและได้รับรู้ถึงพี่น้องหลายชีวิต สู้จนทุกวันนี้ หลายชีวิตยังไม่มีที่จะซุกหัวนอน
หลายชีวิต ลูกของพวกเขาต้องหยุดเรียน เพราะไม่มีเงิน หรือแม้กระทั้ง ลูก ๆ ของพวกเขา ถูกจับ ด้วยข้อกล่าวหา ที่มาเรียกร้อง ประชาธิปไตย
หรือแม้บางครอบครัวของนักต่อสู้ แม้แต่ค่าอาหาร ค่า บ้าน ค่ารภ ยังเสี่ยงต่อการถูกยึด และดูเหมือนว่า การเรียกร้อง ประชาธิปไตย จะมาพร้อมกับคดีความมากมายที่ถูดยัดเยียดจาก กบฏ คสช. ได้ทุกเวลา
ตลอดเวลาที่ผมเฝ้ามองผ่าน เหตุการณ์จริง พวกเขาสู้มาเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ เพื่ออิสระภาพความเป็นคน ที่ยืนบนแผ่นดินเดียวกันกับ ลูกท่านหลานเธอ หรือ
ชีวิตของพวกเขา ไม่เคยถูกเปิดเผยในสังคม จนถึงปัจจุบัน น้อยครั้งที่สังคมจะสะท้อนให้เห็น ถึง มุมมอง และการตอบสนอง จากสังคมและให้การ ยอมรับ นั้นคือความจริง
ด้วยข้อกล่าวหาว่า ถูกจ้างมา
เป็นขี้ข้า ทักษิณ หรือ มีนักการเมืองหนุนหลัง ดั่งข่าวที่ปรากฏ อยู่ในสังคมทุกวันนี้
อำมาตย์ชั่วที่เคย ควบคุมสื่อทั้งประเทศ สามารถ ชี้วัดและสั่งการให้ ทำข่าวให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการได้ นั้นเวลานี้ ถ้าจะยากขึ้น เพราะ ทั้งในและ ต่างประเทศ ประนาม การละเมิด สิทธิมนุษญ์ชน ของ กบฏ คสช. อย่างเห็นได้ชัด
นี้ถ้า ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ออกมาช่วยกัน คนละไม้ละมือ อย่างทุกวันนี้
สังคมเราจะได้รับ ข่าวสารที่เป็น จริง อย่าง ทุกวันนี้ไหม
ก็ต้องขอขอบคุณ พี่น้อง ทุกท่าน ที่ได้ร่วมกัน สรรสร้าง ความเป็น คน ให้เกิดขึ้นในสังคม ด้วยความจริงใจ
เมื่อหันไปมอง พวกที่เขาต่อสู้มากว่า 7 – 8 ปี หลัง รัฐประหารปี 49 เคยตั้งคำถามว่า

พวกเขาต้องดิ้นรนต่อสู้กันเพื่ออะไร

ทั้งๆ ที่ ตัวของพวกเขาเองยังช่วยตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะมีปัญญา จะเข้าช่วยสังคม ได้อย่างไรกัน
คำถามนั้น ได้พัฒนาตัวมันเอง จนมาถึงวันนี้
วันที่น้อง ๆ นักศึกษา 14 คน ถูกจับคุม ขังคุก
วันที่ ประชาชน ผุ้รักประชาธิปไตย ออกมาเดินถนน จุดเทียน และทำกิจกรรม ทุกวันที่หน้าเรือจำ
วันที่พ่อแม่ ประชาชน ของ พวกน้องๆ เหล่านั้น ออกมาแสดง จุดยืน ของการเรียกร้อง สิทธิเสรีภาพ อย่างไม่กลัว ต่ออำนาจของปากกระบอกปืน กบฏ คสช.
นั้นคือคำตอบ
ขอส่งกำลังใจให้พี่น้อง ผองเพื่อน ด้วยความจริงใจ ครับ
โจนาทาน

Ugly Truths about the Royal Government and Marginalized News about Thai Politics: ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยถึงทหารกล้าทั้งหลาย









 เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทยยิ่งตึงเครียดทุกวัน เศรษฐกิจดึ่งลงเหว ชนชั้นร่าง เริ่มขาดรายได้เนื่องจาก นานาชาติไม่ยอมรับรัฐบาลเผด็จการทำให้การส่งออกไปต่างประเทศของไทยเริ่มออกได้น้อยลงเนื่องจากมีค่าภาษีนำเข้าที่มากขึ้นต่างจากรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยสิ่ง ซึ่งจะเสียภาษีนำเข้าน้อยทำให้ต้นทุนต่ำและทราบนำเข้าได้เป็นจำนวนมาก ล่าสุดเรื่องประมงที่ไม่ได้การยอมรับจากนานาชาติ เนื่องจากไทยได้ลุกล้ำน่านน้ำบ่อย จริงๆแล้วสาเหตุการไปเกินเขตุน่านน้ำมันมีกันอยู่บ่อยครับแต่ก็ยังไม่มีปัญหาอย่างปัจจุบันนี้ เนื่องจากต่างประเทศเขาไม่ยอมรับประเทศไทยเนื่องจากไม่เป็นประชาธิปไตย จึงหาข้อที่สามารถยุติความสัมพันธ์กับไทยทุกวิถีทางเนื่องจากประเทศไทยเป็นรัฐทหารถึงแม้เราจะรู้ว่าเบื้องหลังทหารก็คือกษัตริย์ จริงๆแล้วจะเผด็จการรูปแบบไหนเขาก็ไม่พร้อมที่จะค้าขายด้วยทั้งนั้น วิธีเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติ คือต้องกลับคืนสู่ประชาธิปไตย

  และสภาพสังคมไทยในปัจจุบันส่งผลต่อเศรษฐกิจเนื่องจากประเทศไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนักและกรณีที่เห็นได้ชัด คือการจัด 14 นักศึกษาที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาลเผด็จและแสดงออกด้วยการไม่ยอมรับรัฐบาลเผด็จการไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม ด้วยเหตุผลนี้ยิ่งทำความไม่พอใจกับหานานาชาติและนักศึกษาในประเทศและประชาชนในประเทศจำนวนมากเพียงแต่เขายังไม่ออกมาต่อต้านมากเท่าที่ควรแต่ตอนนี้เริ่มมีการออกมามากขึ้นเรื่อยๆและเชื่อว่ามันจะมามากกว่านี้อีกอาจจะมากกว่าเหตุการณ์ทางเมืองในอดีตที่ผ่านมาทั้งหลายเสียด้วย เหตุผลที่จะออกมาคือเศรษฐกิจตกต่ำจนถึงขีดสุด และถูกกดขี่เรื่องสิทธิเสรีภาพถูกละเมิดสิทธิมากมายจากรัฐบาลทหารภายใต้ระบอบกษัตริย์

 บทความนี้อยากส่งไปถึงพี่น้องประชาชนทีมีญาติพี่น้องที่เป็นทหารและทหารโดยตรงคุณจงกลับใจมาอยู่ข้างประชาชนก่อนที่ประชาชนจะทนไม่ได้ เมื่อประชาชนลุกขึ้นมาแล้วยากที่จะยับยั้งได้ ขอให้คุณมาอยู่กับประชาชนร่วมกันพัฒนาประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ถ้าถึงวันที่ประชาชนลุกทั้งประเทศคุณไม่อยู่ข้างประชาชน ประชาชนจะมีกองทัพของตัวเองและมาสู้กับคุณแต่ถ้าคุณอยู่ข้างประชาชนคุณจะได้รับการสรรเสริญและการให้เกรียติย่างยิ่งคุณจะ คุณจะทนเห็นประชาชนอดอยากได้หรือ คุณจะทนเห็นประชาชนไม่มีเงินใช้ ไม่มีข้าวกินได้หรือ กลับมาอยู่ข้างประชาชน และหันกระบอกปืนใส่เผด็จการแล้วคุณจะได้รับการยกชู ยิ่งกว่าวีรบุรุษ แต่คุณคือผู้ปกป้องประเทศของประชาชนไปไหนจะได้รับเกรียติจากประชาชน แต่ถ้าคุณเลือกไม่อยู่ข้างประชาชนวันใดที่ประชาชนชนะคุณจะไม่มีที่ยืน ทหารกล้าครับคุณคงต้องเลือกแล้วเนื่องจากวันนั้นใกล้เข้ามาคุณจะอยู่ข้างไหน ข้างประชาชนหรือเผด็จการ



“ทหารถ้าคุณอยู่กับเผด็จการ รับใช้เผด็จการคุณจะทำให้ประเทศตกต่ำ”

       

จาก The Arrow












Wednesday, July 1, 2015

ประชาชน เริ่มรณรงค์ สกัดทางขนเงินและทรัพย์สิน เพื่...

มาช่วยกันด้วย มาช่วยกัน !!



ช่วยทำการช่วยสกัดจับการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของพลเอกประยุทธ์-นางนราพร
จันทร์โอชาพลกันเลยตอนนี้
••••••••••••••••••••••••••••••••••



ฝากถึงเพื่อนๆและคนไทยทุกคนที่ทำงาน
เกี่ยวข้องกับทางการเงิน การธนาคาร ทางบัญชีและตรวจสอบทรัพย์สิน
และพวกไฟแนลเชียนในทุกสถาบัน ข่าวมาแรงตอนนี้กลุ่มประยุทธ์และนางนราพร
ได้ทำธุรกิจการขนย้ายทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบไปฝากไว้ที่ประเทศสิงคโปร์
โดยกระทำอย่างจริงจังเมื่อตั้งแต่ได้หยิบเอาเรื่องบินไปเชียร์กีฬาฟุตบอลทีม
ชาติไทยที่แข่งขันที่สิงคโปร์เป็นแมตที่เอามาบังหน้าเท่านั้น
จริงสองผัวเมียนายกไทยและสตรีหมายเลขหนึ่งชาวไทยได้ให้คนของตัวเองไปเปิด
บัญชีลับๆมีเงินเข้าบัญชีซอยเป็นบัญชีย่อยๆหลายๆบัญชีเป็นเงินจำนวนหลาย
หมื่นล้านบาท
ให้กลุ่มธนาคารกสิกรไทยลิงค์ไปหาธนาคารที่สิงคโปร์ที่เป็นพันธมิตรคู่ทาง
ธุรกิจกับทางธนาคารกสิกรไทย(
ขอปิดชื่อธนาคารแห่งสิงคโปร์แห่งนี้)หมุนเวียนเงินเข้าไปฟอกอ้างกับธนาคาร
สิงคโปร์ว่าเป็นเงินลงทุนของลูกค้ากสิกรไทยรายใหญ่ในไทย
จึงได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารในสิงคโปร์ในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของพล
เอกประยุทธ์และนางนราพรไปอยู่ที่ปลอดภัยและปลอดคนรู้เห็นบนเกาะสิงคโปร์
โดยประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าของความคิดให้นโยบายลูกค้าทำการฝากเงินที่ปลอดภัย
เหมือนธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์
จึงมีเงินฝากหลายประเภทของพลเอกประยุทธ์ผู้นำไทยและภริยาไหลไปฟอกอยู่ในรูป
แบบต่างๆอยู่ประเทศสิงคโปร์อยู่ขณะนี้ในนามแฝงและชื่อลูกน้องที่เป็นบุคคล
ใกล้ชิดของพลเอกประยุทธ์และนางนราพร
ประกอบกับพลเอกประยุทธ์ได้วางแผนการเล่นเกมส์การเมืองให้ทางการสิงคโปร์
เห็นใจโดยตอนหนึ่งพลเอกประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ นิวสเตรท ไทม์
สิงคโปร์ว่าชีวิตของตนและครอบครัวตัวเองกำลังถูกปองร้ายและตกอยู่ในอันตราย
ทั้งนี้เพื่อให้รับกับการเมืองในไทย
มีอะไรเกิดขึ้นจะบินไปลี้ภัยที่สิงคโปร์
เพราะได้ถ่ายเททรัพย์สินหลายหมื่นล้านในประเทศสิงคโปร์รอไว้แล้วโดยมีทางการ
ไทยให้ความช่วยในเรื่องการเหลือติดต่อสัมภาษณ์เพื่อโปรโมทความน่าสงสารใน
ชีวิตตำแหน่งนายรัฐมนตรีในรัฐบาลเผด็จการทหารกับสื่อสิงคโปร์
จึงขอให้คนไทยทุกท่านช่วยกันดูแลภาษีของประชาชนเรา และช่วยยับยั้งสกัด
ป้องกัยการเอาทรัพย์สินที่ไม่ผ่านการตรวจสอบทั้งหลายของคณะรัฐบาลคสช.ทุกคน
มาปนะจาน
ช่วยกันจับมือคนปล้นชาติให้ได้คาหนังคาเขาให้ได้ตัวใหญ่ๆจริงๆสักที
ขอให้ทำกันจริงๆทั้งประเทศ ฝากบอกต่อๆ แชร์กันต่อๆด้วยนะครับ



เครดิต จากเฟสบุ๊ค









Piangdin for Peace Academy: ประชาชน เริ่มรณรงค์ สกัดทางขนเงินและทรัพย์สิน เพื่...

มาช่วยกันด้วย มาช่วยกัน !!



ช่วยทำการช่วยสกัดจับการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของพลเอกประยุทธ์-นางนราพร
จันทร์โอชาพลกันเลยตอนนี้
••••••••••••••••••••••••••••••••••



ฝากถึงเพื่อนๆและคนไทยทุกคนที่ทำงาน
เกี่ยวข้องกับทางการเงิน การธนาคาร ทางบัญชีและตรวจสอบทรัพย์สิน
และพวกไฟแนลเชียนในทุกสถาบัน ข่าวมาแรงตอนนี้กลุ่มประยุทธ์และนางนราพร
ได้ทำธุรกิจการขนย้ายทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบไปฝากไว้ที่ประเทศสิงคโปร์
โดยกระทำอย่างจริงจังเมื่อตั้งแต่ได้หยิบเอาเรื่องบินไปเชียร์กีฬาฟุตบอลทีม
ชาติไทยที่แข่งขันที่สิงคโปร์เป็นแมตที่เอามาบังหน้าเท่านั้น
จริงสองผัวเมียนายกไทยและสตรีหมายเลขหนึ่งชาวไทยได้ให้คนของตัวเองไปเปิด
บัญชีลับๆมีเงินเข้าบัญชีซอยเป็นบัญชีย่อยๆหลายๆบัญชีเป็นเงินจำนวนหลาย
หมื่นล้านบาท
ให้กลุ่มธนาคารกสิกรไทยลิงค์ไปหาธนาคารที่สิงคโปร์ที่เป็นพันธมิตรคู่ทาง
ธุรกิจกับทางธนาคารกสิกรไทย(
ขอปิดชื่อธนาคารแห่งสิงคโปร์แห่งนี้)หมุนเวียนเงินเข้าไปฟอกอ้างกับธนาคาร
สิงคโปร์ว่าเป็นเงินลงทุนของลูกค้ากสิกรไทยรายใหญ่ในไทย
จึงได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารในสิงคโปร์ในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของพล
เอกประยุทธ์และนางนราพรไปอยู่ที่ปลอดภัยและปลอดคนรู้เห็นบนเกาะสิงคโปร์
โดยประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าของความคิดให้นโยบายลูกค้าทำการฝากเงินที่ปลอดภัย
เหมือนธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์
จึงมีเงินฝากหลายประเภทของพลเอกประยุทธ์ผู้นำไทยและภริยาไหลไปฟอกอยู่ในรูป
แบบต่างๆอยู่ประเทศสิงคโปร์อยู่ขณะนี้ในนามแฝงและชื่อลูกน้องที่เป็นบุคคล
ใกล้ชิดของพลเอกประยุทธ์และนางนราพร
ประกอบกับพลเอกประยุทธ์ได้วางแผนการเล่นเกมส์การเมืองให้ทางการสิงคโปร์
เห็นใจโดยตอนหนึ่งพลเอกประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ นิวสเตรท ไทม์
สิงคโปร์ว่าชีวิตของตนและครอบครัวตัวเองกำลังถูกปองร้ายและตกอยู่ในอันตราย
ทั้งนี้เพื่อให้รับกับการเมืองในไทย
มีอะไรเกิดขึ้นจะบินไปลี้ภัยที่สิงคโปร์
เพราะได้ถ่ายเททรัพย์สินหลายหมื่นล้านในประเทศสิงคโปร์รอไว้แล้วโดยมีทางการ
ไทยให้ความช่วยในเรื่องการเหลือติดต่อสัมภาษณ์เพื่อโปรโมทความน่าสงสารใน
ชีวิตตำแหน่งนายรัฐมนตรีในรัฐบาลเผด็จการทหารกับสื่อสิงคโปร์
จึงขอให้คนไทยทุกท่านช่วยกันดูแลภาษีของประชาชนเรา และช่วยยับยั้งสกัด
ป้องกัยการเอาทรัพย์สินที่ไม่ผ่านการตรวจสอบทั้งหลายของคณะรัฐบาลคสช.ทุกคน
มาปนะจาน
ช่วยกันจับมือคนปล้นชาติให้ได้คาหนังคาเขาให้ได้ตัวใหญ่ๆจริงๆสักที
ขอให้ทำกันจริงๆทั้งประเทศ ฝากบอกต่อๆ แชร์กันต่อๆด้วยนะครับ



เครดิต จากเฟสบุ๊ค