PPD's Official Website

Friday, August 28, 2015

สังคมชั้นสูงกับการเอาเปรียบสังคมรากหญ้า

สังคมชั้นสูงกับการเอาเปรียบสังคมรากหญ้า
เครดิต จากกลุ่มสไกป์...

สถานการณ์ล่าสุด 

ความ จริงอย่างหนึ่งคือใครก็ตามที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยมานานพอควร มักจะพบว่า เมืองไทยมีสภาพสังคมที่อำนาจที่ลึกลับคือคำตอบของหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ใช่ความถูกต้องเป็นธรรมตามระบบที่ควรเป็นอย่างในนานาประเทศ และเราก็อ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับ ได้แต่บ่นด่าคนโน้นคนนี้ว่าทำให้เราลำบาก นักการเมืองจะโดนก่อนด้วยข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจอิทธิพล อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เป็นทุรกรรมแทบทุกประเภท ตามมาด้วยข้าราชการ พ่อค้าหน้าเลือด อาชญากรต่าง ๆ สิ่งที่เราไม่เคยนึกก็คือ องคาพยพแห่งอำนาจอิทธิพลนั้นมันมีเครือข่ายที่ประสานซึ่งกันและกัน เพราะสังคมมักยอมให้กับอำนาจบางอย่างมากกว่าที่กำหนดไว้ตามกติกา คนอื่นที่รองลงมาก็เลยจะมักใช้วิธีอำนาจมืดโดยไม่สนใจกติกาตามไปด้วย ความจริงก็คือคนพวกนี้จะใช้อำนาจโดยประสานเครือข่ายกับ "เส้นใหญ่" ขึ้นไปตามลำดับขั้น ปัญหาก็คือใครคือเส้นที่ใหญ่สุดและเส้นนั้นอุปถัมภ์คนที่เราบ่นด่าอยู่หรือ เปล่า ถ้าสาวลงไปให้ถึงต้นตอของปัญหากันจริง เราจะพบว่าเครือข่ายอำนาจนิยมนั้นมาจากระบบที่ออกแบบมาเพื่อเอื้อโอกาสให้ กับคนจำนวนไม่มากนักมีอำนาจ ไม่ใช่เอื้อให้กับมหาชนส่วนใหญ่ นานวันเข้าคนในสังคมก็จะยึดถือว่า การใช้อำนาจนอกระบอบเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมนี้ เมื่อตำรวจรีดไถ เขาจะอ้างว่านายสั่ง และนายของเขาก็จะบอกว่านายที่ใหญ่กว่าสั่งมาอีกที ต่อกันเรื่อย ๆ ไปเป็นลำดับชั้น แต่ไม่มีใครสาวไปให้ถึงสุดสายป่าน และทำให้เรายอมรับว่าสังคมที่มีอำนาจนอกระบบเป็นสภาพปกติอันน่าอับอายของ บ้านเมืองนี้ ไม่ชอบแต่ก็ต้องทนกับมัน
  
เรา เสียเวลากันมาหลายสิบปีกับการยอมรับอำนาจนอกระบบ ซึ่งพร้อมที่จะหักหลังคนรับใช้ทันทีที่ผู้นั้นเพลี่ยงพล้ำ เพื่อธำรงรักษาสถานะของชนชั้นตนเอาไว้ให้เนิ่นนานที่สุด มีคนหลายคนได้รับบทเรียนจากการกระทำเหล่านั้น และอยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เกรงใจเพราะรู้ว่าแบกอัพคือมหาประชาชนอันไพศาลที่ถูกการโฆษณาชวนเชื่อแบบ ถล่มรุนแรงด้วยการบังคับให้รับชมรับฟังทุกสื่อ ด้วยสารพัดงานสร้างสรรค์ และกลยุทธการสื่อสาร รู้สึกว่าเรามีความสุขเหลือเกินในสังคมนี้ จนทำให้ลืมไปว่าชีวิตประจำวันที่แท้จริงของเราเป็นเช่นไร ปากกัดตีนถีบเพียงไหนเพื่อจะเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ เคร่งเครียดว่าตนเองและครอบครัวจะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจสังคมวันนี้พรุ่งนี้ กันอย่างไรดี ไม่เคยรู้ว่าความจริงถูกกดขี่บีฑาจากธุรกิจสารพัดที่มองลึกลงไปแล้วใครที่มี ส่วนเป็นเจ้าของ เราทนกันมานานเพราะเราเกรงใจไม่กล้าเอ่ยปาก ยอมรับ เจียมตัว เพราะไม่ได้ใหญ่โตโอฬารด้วยชาติกำเนิดและทรัพย์ศฤงคาร ต้องยอมให้เขาเพราะยอมรับว่านั่นคือผู้ทรงอำนาจ หลงใหลได้ปลื้มไปกับการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบที่บอกเราว่าชีวิตของเรากำลัง มีความสุขเพียบพร้อมจากโชคลาภที่ได้เกิดมาในแผ่นดินนี้ โดยลืมไปว่าความจริงแล้ว เรามีความสุขในชีวิตกันได้บ้างนั้นก็เพราะเราช่วยตัวเอง ทำกันเองต่างหาก แล้วปลอบใจตัวเองไปตามหลักการของศาสนาบางศาสนาที่บอกว่า "พระเจ้าจะช่วยผู้ที่รู้จักช่วยตัวเอง" 

ปัญหา ก็คือเราช่วยตัวเองได้จริงหรือ ในเมื่อเขาไม่ให้โอกาส..

สังคมชั้นสูงกับการเอาเปรียบสังคมรากหญ้า

สังคมชั้นสูงกับการเอาเปรียบสังคมรากหญ้า
เครดิต จากกลุ่มสไกป์...

สถานการณ์ล่าสุด 

ความ จริงอย่างหนึ่งคือใครก็ตามที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยมานานพอควร มักจะพบว่า เมืองไทยมีสภาพสังคมที่อำนาจที่ลึกลับคือคำตอบของหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ใช่ความถูกต้องเป็นธรรมตามระบบที่ควรเป็นอย่างในนานาประเทศ และเราก็อ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับ ได้แต่บ่นด่าคนโน้นคนนี้ว่าทำให้เราลำบาก นักการเมืองจะโดนก่อนด้วยข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจอิทธิพล อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เป็นทุรกรรมแทบทุกประเภท ตามมาด้วยข้าราชการ พ่อค้าหน้าเลือด อาชญากรต่าง ๆ สิ่งที่เราไม่เคยนึกก็คือ องคาพยพแห่งอำนาจอิทธิพลนั้นมันมีเครือข่ายที่ประสานซึ่งกันและกัน เพราะสังคมมักยอมให้กับอำนาจบางอย่างมากกว่าที่กำหนดไว้ตามกติกา คนอื่นที่รองลงมาก็เลยจะมักใช้วิธีอำนาจมืดโดยไม่สนใจกติกาตามไปด้วย ความจริงก็คือคนพวกนี้จะใช้อำนาจโดยประสานเครือข่ายกับ "เส้นใหญ่" ขึ้นไปตามลำดับขั้น ปัญหาก็คือใครคือเส้นที่ใหญ่สุดและเส้นนั้นอุปถัมภ์คนที่เราบ่นด่าอยู่หรือ เปล่า ถ้าสาวลงไปให้ถึงต้นตอของปัญหากันจริง เราจะพบว่าเครือข่ายอำนาจนิยมนั้นมาจากระบบที่ออกแบบมาเพื่อเอื้อโอกาสให้ กับคนจำนวนไม่มากนักมีอำนาจ ไม่ใช่เอื้อให้กับมหาชนส่วนใหญ่ นานวันเข้าคนในสังคมก็จะยึดถือว่า การใช้อำนาจนอกระบอบเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมนี้ เมื่อตำรวจรีดไถ เขาจะอ้างว่านายสั่ง และนายของเขาก็จะบอกว่านายที่ใหญ่กว่าสั่งมาอีกที ต่อกันเรื่อย ๆ ไปเป็นลำดับชั้น แต่ไม่มีใครสาวไปให้ถึงสุดสายป่าน และทำให้เรายอมรับว่าสังคมที่มีอำนาจนอกระบบเป็นสภาพปกติอันน่าอับอายของ บ้านเมืองนี้ ไม่ชอบแต่ก็ต้องทนกับมัน
  
เรา เสียเวลากันมาหลายสิบปีกับการยอมรับอำนาจนอกระบบ ซึ่งพร้อมที่จะหักหลังคนรับใช้ทันทีที่ผู้นั้นเพลี่ยงพล้ำ เพื่อธำรงรักษาสถานะของชนชั้นตนเอาไว้ให้เนิ่นนานที่สุด มีคนหลายคนได้รับบทเรียนจากการกระทำเหล่านั้น และอยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เกรงใจเพราะรู้ว่าแบกอัพคือมหาประชาชนอันไพศาลที่ถูกการโฆษณาชวนเชื่อแบบ ถล่มรุนแรงด้วยการบังคับให้รับชมรับฟังทุกสื่อ ด้วยสารพัดงานสร้างสรรค์ และกลยุทธการสื่อสาร รู้สึกว่าเรามีความสุขเหลือเกินในสังคมนี้ จนทำให้ลืมไปว่าชีวิตประจำวันที่แท้จริงของเราเป็นเช่นไร ปากกัดตีนถีบเพียงไหนเพื่อจะเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ เคร่งเครียดว่าตนเองและครอบครัวจะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจสังคมวันนี้พรุ่งนี้ กันอย่างไรดี ไม่เคยรู้ว่าความจริงถูกกดขี่บีฑาจากธุรกิจสารพัดที่มองลึกลงไปแล้วใครที่มี ส่วนเป็นเจ้าของ เราทนกันมานานเพราะเราเกรงใจไม่กล้าเอ่ยปาก ยอมรับ เจียมตัว เพราะไม่ได้ใหญ่โตโอฬารด้วยชาติกำเนิดและทรัพย์ศฤงคาร ต้องยอมให้เขาเพราะยอมรับว่านั่นคือผู้ทรงอำนาจ หลงใหลได้ปลื้มไปกับการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบที่บอกเราว่าชีวิตของเรากำลัง มีความสุขเพียบพร้อมจากโชคลาภที่ได้เกิดมาในแผ่นดินนี้ โดยลืมไปว่าความจริงแล้ว เรามีความสุขในชีวิตกันได้บ้างนั้นก็เพราะเราช่วยตัวเอง ทำกันเองต่างหาก แล้วปลอบใจตัวเองไปตามหลักการของศาสนาบางศาสนาที่บอกว่า "พระเจ้าจะช่วยผู้ที่รู้จักช่วยตัวเอง" 

ปัญหา ก็คือเราช่วยตัวเองได้จริงหรือ ในเมื่อเขาไม่ให้โอกาส..

Thursday, August 27, 2015

เผลกลชั่วในเกมโฉด ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ

เผยกลโกง สุเทพ เทือกสุบรรณ 35ปีในสังกัดประชาธิปัตย์

Posted by กะลาแลนด์ แดนสนธยา - รวมคลิปเด็ด V.2 on Saturday, March 21, 2015

อัดเจ็บ..รัฐบาลไทย"ล้มเหลว"รับมือก่อการร้าย ทำแบบไม่ใช้"สมอง"

Wednesday, August 26, 2015

หนุ่มเฟซถูกแฮ็กโยงบึมเครียดผูกคอดับ | 27-08-58 | เช้าข่าวชัดโซเชียล | Th...



Download

จอหงวน

ในการปฏิรูปประเทศมีนักวิชาการและที่ปรึกษา กล่าวว่าการสอบ กพ. ครั้งนี้เป็นการสอบจอหงวนไทย เพื่อลดการอุปถัมในหน่วยงานราชการฟังดูเหมือนดี แต่ลองย้อนกลับไป ปี คศ.หกร้อยต้นๆ ในประเทศจีนมีการสอบคัดคนทั่วประเทศเพื่อคัดสรรหัวกะทิมาทำงานในระบบ สมบูรณ์สิทธิ หรือเรียกง่ายๆว่าเอาคนเก่งมาทำงานให้ฮ่องเต้นั่นเอง อีกทั้งยังนำลัทธิขงจื้อเรื่องซือแอนซู หรือระบบคุณธรรม มาควบรวม จนได้ยินอย่างหนาหูในช่วงการเมืองที่ผ่านมา และสุดท้ายได้ถูกตอกย้ำด้วย ม.44 ที่ยกเลิกคำว่ารากหญ้า เรื่องนี้ดูเหมือนไม่มีความสำคัญแต่กลับมีความสำคัญอย่างน่าใจหายเมื่อ มีการกล่าวว่าอำมาตย์คือข้าราชการผู้รับใช้สถาบัน ส่วนประชาชนไม่มีชนชั้น มีแต่รายได้มากหรือน้อย

ทั้งหมดแสดงให้เห็นระบบการปกครองที่เปลี่ยนแปลงแบบ ปชช ไม่รู้ตัวในคำพูดชวนงวยงงว่า แบ่งแยกและปกครอง ที่แท้ไส้ในนั้นคือการเปลี่ยนระบบชนชั้นเข้าสู่ระบบ ผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง นั่นเอง ปัญหาไม่จบเพียงเท่านั้นเพราะในวงการจอหงวนไทยได้มีการส่งข้าราชการระดับสูงไปเรียนวิชาบริหาร เศรฐศาสตร์มหภาค จนถึงรัฐศาสตร์ต่างประเทศเพื่อให้ชนชั้นปกครองลงทุนระบบอินฟาร์เองโดยผู้ถูกปกครองถือว่าไม่ใช่หน้าที่ เมื่อไปรวมกับรัฐธรรมนูญแบบไทยๆ จึงสรุปได้ทันทีว่าประเทศไทยเข้าสู่ระบอบสมบูรณ์สิทธ์โดยมีทหารคานอำนาจวังในอัตราส่วนที่สมดุล ในนาม สภาเปรซิเดียมโดยมีกษัตริย์เป็นประธานสภา



(ปล.ผู้ถูกปกครองนั้นมัวแต่มองสิ่งที่ผู้ปกครองกำลังหยิบยื่นให้โดยลืมมองว่ามือที่มองไม่เห็นหยิบเงินจากกระเป๋าท่านมายื่นให้ท่านผ่านรูปแบบภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งระบบส่วยอากร ที่ยังซ่อนรูปอยู่ในสังคมมาอย่างช้านาน)

Albert Einstein- How I See the World