PPD's Official Website

Saturday, November 7, 2015

‪#‎TV24‬ “อนุตตมา” ติงเลื่อนเลือกตั้ง กระทบเศรษฐกิจ-นักลงทุนไม่มั่นใจ

TV24 สถานีประชาชน กับ อนุตตมา อมรวิวัฒน์(จิ๊บ)

‪#‎TV24‬ "อนุตตมา" ติงเลื่อนเลือกตั้ง กระทบเศรษฐกิจ-นักลงทุนไม่มั่นใจ

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่อัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นระยะเวลาตลอด 10 เดือน ทำให้ติดลบมีอัตราเงินเฟ้อติดลบแล้ว 0.89% ดังนั้น ที่บอกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโต 2% กว่า นั้นที่ว่าต่ำแล้ว จริงๆ แล้ว แทบจะไม่โตเลยด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไปที่ไหนก็มีแต่คนบ่นเรื่องเศรษฐกิจย่ำแย่ ลำบากกันถ้วนหน้า อีกทั้งแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการใช้จ...่ายและการลงทุนของทีมเศรษฐกิจรัฐบาล แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ซึ่งพิสูจน์ได้จากตัวเลขที่ออกมาแล้ว และที่กำลังจะออกมา โดยล่าสุด ที่รัฐบาลมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบีโอไอให้มากขึ้น โดยหวังจะเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งอาจจะแก้ไม่ตรงจุด เพราะหากการลงทุนไม่เพิ่มขึ้นเพราะนักลงทุนต่างประเทศไม่ลงทุนเพราะกลัวถูก แซงชั่น เนื่องจากไทยไม่เป็นประชาธิปไตย มีความเสี่ยงสูงในการจะมาลงทุน นโยบายไม่แน่ชัด และสับสนเรื่องการปิดประเทศ ไม่ว่าจะลดแลกแจกแถมอย่างไร เขาก็ไม่เสี่ยงมาลงทุน ที่ต้องลงทุนอยู่แล้วก็เพราะจำเป็น เนื่องจากต้องขยายจากเดิมที่ได้ทำไว้แล้ว

ดังนั้น การเพิ่มสิทธิประโยชน์อาจจะทำให้รัฐได้ผลตอบแทนลดลง แต่การลงทุนไม่เพิ่มขึ้น แนวทางการแก้ไขที่ถูกน่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจที่นักลงทุนต่างประเทศคาใจ อยู่ คือ เรื่องวันเลือกตั้งที่แน่นอน ไม่ใช่เลื่อนไปเรื่อยๆ และการไม่ปิดประเทศ มากกว่าที่จะลดแลกแจกแถม ส่วนการช่วยเหลือประชาชนก็อยากให้ช่วยอย่างเท่าเทียม จะช่วยชาวสวนยางก็ให้ช่วยชาวนาในสัดส่วนเดียวกันด้วย โดยชาวนายังต้องเจอภัยแล้งเพิ่มเติมอีก และในขณะที่รัฐบาลช่วยคนรวยและคนชั้นกลาง เรื่องการออมโดยงดเก็บภาษี LTF อีก 3 ปี ก็อยากให้รัฐหาทางช่วยผู้มีรายได้น้อยด้วย ซึ่งอย่าว่าแต่จะออมเลย ขนาดแค่ประทังชีวิตตัวเองและครอบครัวก็ยังไม่เพียงพอเลย

http://www.tv24.in.th/2015/11/blog-post_20.html

ดูเพิ่มเติม
รูปภาพของ TV24 สถานีประชาชน

คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม's photo.

ระวัง!!! แล้งหน้า กลัวว่าจะเผาจริง

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
·
แล้งหน้า กลัวว่าจะเผาจริง

เอาอีกแล้ว จำนำข้าวกลายเป็นสาเหตุของน้ำแล้งปีนี้ไปจนได้ (หยุดจำนำมา 2 ฤดูฝนแล้วนะครับ) ปีที่แล้วเดือนเมษายนก็หาว่ากลัวน้ำท่วมรัฐบาลเก่...าเลยระบายน้ำทิ้งทำให้ เกิดภัยแล้ง ดีแต่อดีตอธิบดีกรมชลประทานออกมาแก้ตัวว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้นเรื่องจึงจบไป (ตอนนี้กำลังเป็นแฟชั่น คือ พูดแล้วบอกไม่ได้พูด) ที่จริงผมก็เกรงใจไม่อยากต่อปากต่อคำ แต่ได้รับคำเตือนว่า หากไม่อธิบายความจริงต่อสาธารณะ ก็อาจจะเกิดความเสียหายถึงขั้นมีคดีไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ ดังนั้นจึงขอให้ข้อมูลโดยสังเขป ดังนี้

(1) เมื่อมีการควบคุมอำนาจ (22 พฤษภาคม 2557) คณะคสช/รัฐบาลมีน้ำอยู่ในมือ 214,638 ล้านลูกบาตรเมตร (ลบ.ม.) แบ่งเป็นน้ำในเขื่อน 35,773 ล้านลบ.ม. และน้ำท่า (หนอง บึง แม่น้ำ ลำคลอง) อีกประมาณ 180,000 ล้านลบ.ม. ซึ่งรวมแล้วเป็นปริมาณมากกว่าในเดือนเดียวกันของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เสียอีก (33,733 ล้านลบ.ม.) แต่เป็นเพราะการบริหารไม่แม่นยำและคาดการณ์ผิดว่าฝนจะตกตามปกติ จึงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงต้นปี 2558

(2) ตัวอย่างเฉพาะเขื่อนภูมิพล ในช่วงรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ในปี 2552 มีการใช้น้ำ 53% ครั้นปี 2553 ก็ได้ใช้ 42%จากที่มีอยู่รัฐบาลท่านยิ่งลักษณ์ในปี 2554 ได้ใช้น้ำ 45% จากที่มีอยู่ พอปีที่สอง คือ ปี 2555 ได้ใช้น้ำ 33% จากการเก็บน้ำและในปีที่สาม คือ ในปี 2556 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก็ได้ใช้น้ำ 52% จากที่มีอยู่

ส่วนรัฐบาลท่านพล.อ.ประยุทธ์ในปีแรกของท่าน คือ ในปี 2557 ท่านได้ใช้น้ำไป 67% และในปีนี้ 2558 ใน 10 เดือน ท่านได้ใช้น้ำจากเขื่อนไปแล้ว 43% ตัวเลขเหล่านี้จึงเป็นการยืนยันว่า ทุกรัฐบาลได้ใช้น้ำในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน เพราะถูกกำกับและควบคุมโดยคณะกรรมการจัดสรรน้ำซึ่งเป็นของฝ่ายข้าราชการ ประจำ มีขบวนการควบคุมการเก็บกักและระบาย (Rule Curve) ตามหลักวิชาการที่แม่นยำ ดังนั้นจึงไม่มีรัฐบาลไหนไปสั่งเก็บ สั่งระบายตามใจชอบ ตามความต้องการเฉพาะของตนได้เด็ดขาด

ในแวดวงวิชาการมีการคาดการณ์ว่าปี 2559 จะเป็นปีที่แล้งที่สุดในรอบ 50 ปี ของประเทศไทย เพราะจะมีน้ำให้ใช้สอยจากเขื่อนต่าง ๆ เพียงไม่เกิน 17,000 ล้านลบ.ม. และน้ำท่า คือ น้ำในแม่น้ำลำคลองก็จะมีอยู่อย่างจำกัด ไม่เกิน 100,000 ล้านลบ.ม. (ครึ่งหนึ่งของที่เคยมี)

ผมเห็นว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดในขณะนี้ คือ การจัดตั้ง War Room เพื่อการเผชิญเหตุภัยแล้งในขั้นวิกฤต จากประสบการณ์ในฐานะผู้จัดตั้งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติและเป็นผู้อำนวย การเองอยู่ถึงสองรัฐบาล ผมขอคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในหน้าแล้งหน้า ดังนี้

1. ไม่อาจทำการเกษตรอะไรได้เลย (หรือทำได้แต่น้อยมาก)

2. น้ำทะเลจะหนุนขึ้นมาสูงมากและจะเป็นปัญหาต่อคุณภาพของน้ำประปา (ทั้งกลิ่น รส และการล้างสบู่) และจะทำลายพืชสวนต่าง ๆ โดยเฉพาะในเขตจังหวัดนนทบุรี

3. น้ำตามคู คลอง ในกรุงเทพฯ จะเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น มียุงชุกชม (เพราะไม่มีน้ำจืดมาขับไล่ลงทะเลเช่นเคย)

4. น้ำกินน้ำใช้ในชนบทจะขาดแคลนอย่างยิ่ง หนองน้ำซึ่งมีไว้ทำน้ำประปาชุมชนจะต้องหยุดกิจการ

5. น้ำเพื่อการอุตสาหกรรมจะขาดแคลนและจะหันไปใช้น้ำบาดาลแทน

6. การท่องเที่ยวอาจจะมีปัญหา เพราะจะมีข่าวว่าน้ำประปากรุงเทพฯ เหม็น ไม่สะอาด คูคลองต่าง ๆ น้ำเน่าเสียหมดและสนามกอล์ฟจำนวนมากจะเสียหายย่อยยับ

7. จะมีการแย่งชิงทะเลาะเบาะแว้งในหมู่ประชาชนในเรื่องน้ำกินน้ำใช้ (เหมือนตอนน้ำท่วมในเรื่องปิดเปิดประตูระบายน้ำ)

8. ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะลดลงต่ำมาก การคมนาคมทางเรือเหนืออยุธยา อาจทำไม่ได้ ส่วนแม่น้ำป่าสักจะมีอุปสรรคอย่างยิ่ง จนกระทบโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้ต้องใช้การขนส่งทางรถยนต์แทน ซึ่งจะสร้างความโกลาหลในถนนสายเอเชียมากพอสมควร

ที่พูดมาโดยสังเขปนี้ไม่ใช่แช่ง แต่เป็นห่วงมากจริง ๆ และเชื่อว่า ข้าราชการประจำก็อาจจะไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัวความดุของท่าน แต่มันจะเกิดขึ้นครับ

โดยส่วนตัวขออวยพรให้ท่านแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้สำเร็จ อะไรพอจะหยิบจับได้ ยินดีครับ แต่อย่าดุผมนะ เพราะตอนนี้ 70 ปี แล้ว

ขอย้ำว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้น (แน่ๆ) นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ไปแล้วนี้ เกิดจากธรรมชาติบวกน้ำมือมนุษย์ คือ การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ (Climate Change) ผสมเอลนีโน (El Nino) จึงไม่มีใครจะต่อว่ารัฐบาลได้ แต่ประชาชนทุกคนก็หวังว่ารัฐบาลจะเป็นที่พึ่ง หากรอดแต่สะบักสะบอมก็มีหวังโดนสวดแน่ๆ เหมือนกัน

ดูเพิ่มเติม

Dr. Piangdin Rakthai's Public Ren·dez·vous's photo.

กินไข่ประจำ ไม่ได้มีผลร้ายอย่างที่เคยคิด!! ลองพิจารณา

คนกินไข่ประจำมีเฮ
***************
ไข่ไก่ : กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐตัดสารโคเลสเตอรอลออกจากบัญชีสารที่ประชากรสหรัฐต้องระมัดระวังแล้วโดยกล่าวว่าผลการวิจัยไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างสารโคเลสเตอรอลในอาหารที่เราบริโภคกับโคเลสเตอรอลในเลือดซึ่งร่างกายเราสร้างขึ้นมาเอง สรุปกินไข่ได้มากกว่า1ฟองต่อวัน สำหรับวัยไม่เกิน50 กินได้วันละ6ฟอง คนอายุ80 กินวันละ๒ฟองป้องกันอัลไซเมอร์ http://www.forbes.com/…/why-eggs-and-other-cholesterol-lad…/
คุณประโยชน์ 10 ประการของไข่ไก่
1.ไข่เป็นอาหารที่ดีสำหรับดวงตา ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การรับประทานไข่วันละฟองอาจจะช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมจากสารคาโรทีนอยด์ที่อยู่ในไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารที่พบบริเวณตา โดยฉาบอยู่บนผิวของเรตินา เพราะร่างกายจะได้รับสารอาหารทั้งสองอย่างนี้โดยตรงจากไข่มากกว่าอาหารชนิดอื่น
2.ไข่ทำให้เป็นต้อกระจกน้อยลง จากคนที่กินไข่ทุกวัน มีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อกระจกน้อยลง อันเนื่องมาจากลูทีนและซีแซนทีนในไข่ดังได้กล่าวมาแล้ว
3.ไข่อุดมไปด้วยโปรตีน โดย 1 ฟอง จะมีโปรตีนคุณภาพดี 6 กรัม และกรดอะมิโนสำคัญอีก 9 ชนิด
4.ผลจากการทำวิจัยโดยมหาวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด พบว่า การบริโภคไข่เป็นประจำยังช่วยป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน เส้นเลือดอุดตันในสมอง และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
5.ไข่เป็นแหล่งโคลีนที่ดีในกลุ่มของวิตามินบี ช่วยในการควบคุมการทำงานของสมอง ระบบประสาท และระบบไหลเวียนของเลือด โดยไข่ 1 ฟอง จะมีโคลีนมากถึง 300 ไมโครกรัม
6.ไขมันในไข่มีคุณภาพดี ไข่ 1 ฟอง มีไขมันอยู่ 5 กรัม และมีเพียง 1.5 กรัมเท่านั้นที่เป็นไขมันชนิดอิ่มตัว
7.แม้ว่าจะขัดแย้งกับความเชื่อเดิมๆ แต่งานวิจัยชิ้นใหม่กลับพบว่า การบริโภคไข่วันละ 2 ฟองเป็นประจำไม่มีผลกระทบต่อระดับไขมันในร่างกาย มิหนำซ้ำอาจจะช่วยทำให้ไขมันดีขึ้น
8.กินไข่ได้วิตามินดี เพราะไข่เป็นอาหารเพียงชนิดเดียวที่เป็นแหล่งวิตามินดีตามธรรมชาติ
9.ไข่อาจจะช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม โดยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้หญิงที่รับประทานไข่ 6 ฟองต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมลงร้อยละ 44
10.ไข่ทำให้เส้นผมและเล็บมีสุขภาพดี เพราะว่าไข่มีซัลเฟอร์สูง รวมถึงยัง วิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิด หลายคนจึงพบว่าผมยาวเร็วขึ้นหลังจากที่เพิ่มไข่เข้าไปในอาหารที่รับประทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เคยขาดอาหารที่มีซัลเฟอร์หรือวิตามินบี 12 มาก่อน

ไข่ต้มดีสุด ไข่ดาวหรือไข่เจียวใช้น้ำมันพืชทอดไม่ดีจะเกิดอนุมูลอิสระจากไขมันไม่อิ่มตัวที่ถูกความร้อน ทำให้เซลล์เสื่อมคับ

เปิดแผนที่สมบัติใต้แผ่นดินไทย ตอนที่ 064 จังหวัดน่าน แหล่งอุทยานแห่งชาติ...



Download

Friday, November 6, 2015

ทักษิณ อาภัพที่สุด อ.เอกชัย ฟันธง



Download

ทักษิณ อาภัพที่สุด อ.เอกชัย ฟันธง



Download

ผลกระทบของการปิดประเทศ Dhanatchai Chatchai

ผลกระทบของการปิดประเทศ

Dhanatchai Chatchai


1.จะทำให้ขนาดของรายได้ประชาชาติลดลง โดยเฉพาะการค้าระหว่างประเทศในภาคของการส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการขยายหรือเพิ่มขนาดรายได้ประชาชาติ ส่งผลไปยังรายได้ประชาชาติต่อบุคคลต่ำ และส่งต่อไปยังระบบเศรษฐกิจคือความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจถดถอยจนถึงระดับตกต่ำ


2.จะทำให้การเคลื่อนย้ายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่ และนวัตกรรม จากต่างประเทศ มาที่ประเทศลดลงหรือขาดตอนออกไป ส่งผลให้เกิดความล้าหลังในความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้านทุกๆส่วนของสังคมและประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลให้เกิดความด้อยปัญญาและความรู้


3.จะทำให้ทุนและเงินทุนที่มีส่วนในการพัฒนาประเทศลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเคลื่อนย้ายทุน/เงินทุนระหว่างประเทศ จะมีการเคลื่อนย้ายทุน/เงินทุนจากภายในประเทศไปยังต่างประเทศ ส่งผลต่อตลาดเงินของประเทศ(โดยเฉพาะตลาดหุ้น) และการเคลื่อนย้ายทุน/เงินทุนจากต่างประเทศหดหายไป ส่งผลให้การลงทุนภายในประเทศทุกด้านเกิดความชะงักงัน


4.จะทำให้เกิดการอพยพของประชากรออกไปหรือลี้ภัยสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะจะทำให้เกิดภาวะสมองไหล คือทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพหรือขีดความสามารถสูงออกไปนอกประเทศหรือพำนักในต่างประเทศ


5.จะทำให้ต่างประเทศขาดความมั่นใจและไม่เชื่อถือประเทศ  รัฐบาลที่ทำการบริหารปกครองประเทศ  เนื่องจากการปิดประเทศบ่งบอกถึงเป็นรัฐเผด็จการโดยตรง นานาประเทศไม่ยอมรับ โดยเฉพาะเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ต่างประเทศให้ความสำคัญ


6.จะส่งผลในทางอ้อมอย่างหนึ่งคือ เกิดอาชญากรรมไปทั่วประเทศอย่างแน่นอน เพราะผลมาจากการจ้างงานลดลงหรือไม่มีการจ้างงานเกิดขึ้น เนื่องมาจากไม่มีการลงทุนในภาคการผลิตคือ real sector และในภาคบริการ เป็นผลมาจากการขาดแคลนทุน/เงินทุนที่จะลงทุน ซึ่งเป็นส่วนทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบ ขาดผู้มีปัญญาในการสร้างโครงการต่างๆที่จะบริหารการพัฒนาประเทศ และการปิดประเทศไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันว่าหลังจากปิดประเทศแล้วจะไม่มีเรื่องของฉ้อราษฎร์บังหลวง