PPD's Official Website

Thursday, December 31, 2015

กฏหมาย ชารียะฮ์ ที่ บันดา อาเจห์

กฏหมาย ชารียะฮ์ ที่ บันดา อาเจห์ https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1724910034396696


นักศึกษาหญิงที่อาเจะห์ถูกโบย โทษฐานอยู่กับเพื่อนชายสองต่อสอง

นูร์ เอลิตา นักศึกษาหญิงวัย 20 ปี ถูกลงโทษด้วยการโบยหลังต่อหน้าสาธารณชนที่เมืองบันดา อาเจะห์ของอินโดนีเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โทษฐานกระทำความผิดตามกฎหมายอิสลาม หรือ ชารีอะฮ์ โดยการอยู่ใกล้ชิดกับชายที่มิใช่ญาติหรือสามีสองต่อสอง

การลงโทษครั้งนี้ มีขึ้นที่ในสนามหน้ามัสยิดไบตูราฮิม ต่อหน้ากลุ่มคนหลายร้อยคนที่ไปรอเฝ้าดู บางคนส่งเสียงร้องเชียร์และถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นูร์ เอลิตาถูกโบยด้วยหวายครบ 5 ครั้ง เธอได้ทรุดตัวล้มลงด้วยความเจ็บปวด และถูกหามส่งโรงพยาบาล จากนั้น นักศึกษาหนุ่มวัย 23 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดร่วมกับเธอ ก็รับโทษถูกโบย 5 ครั้งเช่นกัน

ทั้งนี้ อาเจะห์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา เริ่มบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์เป็นกฎหมายหลักเมื่อปี 2003 หลังได้รับสถานภาพเขตปกครองตนเองพิเศษจากรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยเป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศที่บังคับใช้กฏหมายนี้ กฎหมายชารีอะฮ์ครอบคลุมถึงการลงโทษผู้มีความผิดฐานดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เล่นการพนัน รักร่วมเพศ ผิดประเวณี และการแสดงความสนิทสนมระหว่างชายหญิงที่มิใช่คู่สมรส ทั้งมีการควบคุมความประพฤติของผู้หญิงอย่างเข้มงวด

บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.

กฏหมาย ชารียะฮ์ ที่ บันดา อาเจห์

กฏหมาย ชารียะฮ์ ที่ บันดา อาเจห์ https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1724910034396696


นักศึกษาหญิงที่อาเจะห์ถูกโบย โทษฐานอยู่กับเพื่อนชายสองต่อสอง

นูร์ เอลิตา นักศึกษาหญิงวัย 20 ปี ถูกลงโทษด้วยการโบยหลังต่อหน้าสาธารณชนที่เมืองบันดา อาเจะห์ของอินโดนีเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โทษฐานกระทำความผิดตามกฎหมายอิสลาม หรือ ชารีอะฮ์ โดยการอยู่ใกล้ชิดกับชายที่มิใช่ญาติหรือสามีสองต่อสอง

การลงโทษครั้งนี้ มีขึ้นที่ในสนามหน้ามัสยิดไบตูราฮิม ต่อหน้ากลุ่มคนหลายร้อยคนที่ไปรอเฝ้าดู บางคนส่งเสียงร้องเชียร์และถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นูร์ เอลิตาถูกโบยด้วยหวายครบ 5 ครั้ง เธอได้ทรุดตัวล้มลงด้วยความเจ็บปวด และถูกหามส่งโรงพยาบาล จากนั้น นักศึกษาหนุ่มวัย 23 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดร่วมกับเธอ ก็รับโทษถูกโบย 5 ครั้งเช่นกัน

ทั้งนี้ อาเจะห์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา เริ่มบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์เป็นกฎหมายหลักเมื่อปี 2003 หลังได้รับสถานภาพเขตปกครองตนเองพิเศษจากรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยเป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศที่บังคับใช้กฏหมายนี้ กฎหมายชารีอะฮ์ครอบคลุมถึงการลงโทษผู้มีความผิดฐานดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เล่นการพนัน รักร่วมเพศ ผิดประเวณี และการแสดงความสนิทสนมระหว่างชายหญิงที่มิใช่คู่สมรส ทั้งมีการควบคุมความประพฤติของผู้หญิงอย่างเข้มงวด

บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.

Revolution: An Instruction Manual

Wednesday, December 30, 2015

ศาลแพ่งยันคำสั่งกลาโหมปลดอภิสิทธิ์จากราชการทหารชอบแล้ว

ศาลแพ่งยันคำสั่งกลาโหมปลดอภิสิทธิ์จากราชการทหารชอบแล้ว

Tue, 2015-12-29 23:37

ศาลแพ่งยกฟ้องคดี ′อภิสิทธิ์′ ให้กลาโหมถอนคำสั่งปลดออกจากทหาร ชี้เนื่องจากขาดการตรวจเลือกทหาร แล้วใช้เอกสาร สด.9  อันเป็นเท็จยื่นสัสดี ทำให้ขาดคุณสมบัติรับราชการ ทนายเผยขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

29 ธ.ค. 2558 ศาลแพ่งมีคำพิพากษา ในคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหม ที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเหตุที่จำเลยปลดโจทก์ออกจากราชการ เนื่องจากโจทก์ขาดการตรวจเลือกทหาร แล้วนำใบสำคัญ (ใบ สด.9) แทนฉบับที่ทำชำรุดสูญหายอันเป็นเท็จมาแสดงต่อสัสดีจังหวัดนครนายก ทำให้สัสดีจังหวัดนครนายก ไม่ทราบความจริงว่าโจทก์ครบเวลาที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร จึงไม่ได้ระบุสถานะว่าเป็นผู้ขาดการเกณฑ์ทหาร เป็นเหตุให้สัสดีจังหวัดนครนายกออกใบสำคัญ (สด. 3) คือ ใบขึ้นทะเบียนกองประจำการ ให้แก่โจทก์

ทั้งโจทก์ไม่มีใบ สด.41 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงว่าได้รับการผ่อนผันกรณีศึกษา ณ ต่างประเทศ ว่า ไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร โจทก์จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติที่จะบรรจุเข้ารับราชการ กลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรได้ การสมัครและบรรจุโจทก์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร กับการแต่งตั้งโจทก์เป็นนายทหารสัญญาบัตรตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม เป็นการไม่ชอบ คำสั่งของจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย

ด้านนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย  ทีมทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้นายอภิสิทธิ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล โดยทางทีมทนายเพิ่งทราบคำพิพากษาแบบฉุกละหุก จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ต้องขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป


อ่านฉบับเต็มที่ http://prachatai.org/journal/2015/12/63229

ศาลแพ่งยันคำสั่งกลาโหมปลดอภิสิทธิ์จากราชการทหารชอบแล้ว

ศาลแพ่งยันคำสั่งกลาโหมปลดอภิสิทธิ์จากราชการทหารชอบแล้ว

Tue, 2015-12-29 23:37

ศาลแพ่งยกฟ้องคดี ′อภิสิทธิ์′ ให้กลาโหมถอนคำสั่งปลดออกจากทหาร ชี้เนื่องจากขาดการตรวจเลือกทหาร แล้วใช้เอกสาร สด.9  อันเป็นเท็จยื่นสัสดี ทำให้ขาดคุณสมบัติรับราชการ ทนายเผยขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

29 ธ.ค. 2558 ศาลแพ่งมีคำพิพากษา ในคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหม ที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเหตุที่จำเลยปลดโจทก์ออกจากราชการ เนื่องจากโจทก์ขาดการตรวจเลือกทหาร แล้วนำใบสำคัญ (ใบ สด.9) แทนฉบับที่ทำชำรุดสูญหายอันเป็นเท็จมาแสดงต่อสัสดีจังหวัดนครนายก ทำให้สัสดีจังหวัดนครนายก ไม่ทราบความจริงว่าโจทก์ครบเวลาที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร จึงไม่ได้ระบุสถานะว่าเป็นผู้ขาดการเกณฑ์ทหาร เป็นเหตุให้สัสดีจังหวัดนครนายกออกใบสำคัญ (สด. 3) คือ ใบขึ้นทะเบียนกองประจำการ ให้แก่โจทก์

ทั้งโจทก์ไม่มีใบ สด.41 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงว่าได้รับการผ่อนผันกรณีศึกษา ณ ต่างประเทศ ว่า ไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร โจทก์จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติที่จะบรรจุเข้ารับราชการ กลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรได้ การสมัครและบรรจุโจทก์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร กับการแต่งตั้งโจทก์เป็นนายทหารสัญญาบัตรตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม เป็นการไม่ชอบ คำสั่งของจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย

ด้านนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย  ทีมทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้นายอภิสิทธิ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล โดยทางทีมทนายเพิ่งทราบคำพิพากษาแบบฉุกละหุก จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ต้องขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป


อ่านฉบับเต็มที่ http://prachatai.org/journal/2015/12/63229

เรื่อง การตั้งกลุ่มการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

เรื่อง การตั้งกลุ่มการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

เรียน  ปวงชนชาวไทยทุกท่าน

เรื่อง   การตั้งองค์การการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

การกดไลค์ของท่าน ณ เพจเฟสบุ๊ค http://tinyurl.com/nql9qjl (คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม) ถือว่าเป็นไปเพื่อการรับรู้ข่าวสารเท่านั้น ท่านไม่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเพจนี้ และไม่ได้ถือว่าท่านเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้ หรือเห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของกลุ่มนี้โดยชื่อกลุ่มนี้ ถูกโหวตโดยสมาชิกของกลุ่มจากทั่วโลก ในนามปวงชนชาวไทย เจ้าของอำนาจและเจ้าของประเทศไทยอย่างแท้จริง

ส่วนวัตถุประสงค์ของกลุ่มในเบื้องต้น มีการรับรองวัตถุประสงค์ของกลุ่มดังนี้

1. เพื่อประกาศจุดยืนว่า รัฐบาลคสช. และเครือข่ายอำนาจที่ล้มรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2540 ไม่ใช่ตัวแทนของปวงชนชาวไทย และไม่มีความชอบธรรมในการใช้อำนาจของปวงชนชาวไทย

2. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการสื่อสารกับนานาชาติ

3. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการวางเป้าหมายรัฐไทยใหม่

4. เพื่อผลักดันประเทศไทยพ้นจากระบอบราชาธิปไตย ก้าวสู่ระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์

5. เพื่อประกาศไม่ยอมรับอำนาจใด ๆ จากการสืบทอดอำนาจโดยคสช.และกลไกที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร 2557

6. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการกำหนดการเคลื่อนไหว เพื่อสานพลังปวงชนปฏิวัติในไทยและทั่วโลก

7. เพื่อยกระดับปวงชนชาวไทย ให้ตาสว่าง ตื่นรู้เท่าทัน และเป็นพลเมืองผู้นำการสร้างประชาธิปไตย

8. เพื่อยึดอำนาจ กลไก และผลประโยชน์ที่ถูกปล้นไป กลับเป็นของปวงชนชาวไทย

9. เพื่อสนับสนุนหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสากล โดยเน้นสันติวิธีในการดำเนินการทุกรูปแบบ

อนึ่ง ก้าวต่อไปของกลุ่มนี้ คือ จะมีการตั้งอัศวินโต๊ะกลมในฐานะผู้อำนวยการ (Steering Committee) เพื่อตัดสินใจร่วมกันในการผลักดันกิจกรรม การจัดการ การขยายเครือข่าย และการประสานงานกันเพื่อเป้าหมายขององค์การต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ดร.เพียงดิน รักไทย 

ภารโรงและผู้ประสานงานการก่อตั้ง
22 สิงหาคม 2558

เรื่อง การตั้งกลุ่มการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

เรื่อง การตั้งกลุ่มการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

เรียน  ปวงชนชาวไทยทุกท่าน

เรื่อง   การตั้งองค์การการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

การกดไลค์ของท่าน ณ เพจเฟสบุ๊ค http://tinyurl.com/nql9qjl (คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม) ถือว่าเป็นไปเพื่อการรับรู้ข่าวสารเท่านั้น ท่านไม่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเพจนี้ และไม่ได้ถือว่าท่านเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้ หรือเห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของกลุ่มนี้โดยชื่อกลุ่มนี้ ถูกโหวตโดยสมาชิกของกลุ่มจากทั่วโลก ในนามปวงชนชาวไทย เจ้าของอำนาจและเจ้าของประเทศไทยอย่างแท้จริง

ส่วนวัตถุประสงค์ของกลุ่มในเบื้องต้น มีการรับรองวัตถุประสงค์ของกลุ่มดังนี้

1. เพื่อประกาศจุดยืนว่า รัฐบาลคสช. และเครือข่ายอำนาจที่ล้มรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2540 ไม่ใช่ตัวแทนของปวงชนชาวไทย และไม่มีความชอบธรรมในการใช้อำนาจของปวงชนชาวไทย

2. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการสื่อสารกับนานาชาติ

3. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการวางเป้าหมายรัฐไทยใหม่

4. เพื่อผลักดันประเทศไทยพ้นจากระบอบราชาธิปไตย ก้าวสู่ระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์

5. เพื่อประกาศไม่ยอมรับอำนาจใด ๆ จากการสืบทอดอำนาจโดยคสช.และกลไกที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร 2557

6. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการกำหนดการเคลื่อนไหว เพื่อสานพลังปวงชนปฏิวัติในไทยและทั่วโลก

7. เพื่อยกระดับปวงชนชาวไทย ให้ตาสว่าง ตื่นรู้เท่าทัน และเป็นพลเมืองผู้นำการสร้างประชาธิปไตย

8. เพื่อยึดอำนาจ กลไก และผลประโยชน์ที่ถูกปล้นไป กลับเป็นของปวงชนชาวไทย

9. เพื่อสนับสนุนหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสากล โดยเน้นสันติวิธีในการดำเนินการทุกรูปแบบ

อนึ่ง ก้าวต่อไปของกลุ่มนี้ คือ จะมีการตั้งอัศวินโต๊ะกลมในฐานะผู้อำนวยการ (Steering Committee) เพื่อตัดสินใจร่วมกันในการผลักดันกิจกรรม การจัดการ การขยายเครือข่าย และการประสานงานกันเพื่อเป้าหมายขององค์การต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ดร.เพียงดิน รักไทย 

ภารโรงและผู้ประสานงานการก่อตั้ง
22 สิงหาคม 2558