PPD's Official Website

Friday, September 9, 2016

ข่าวลับข่าวรั่ว เรื่องวุ่น ๆ ของเครือข่ายนางขี้ปาก ของวังสามานย์

เอาไปกรองต่อกันนะจ๊ะ

ข่าวว่าท่านผู้หญิงจรุงจิต, ท่านผู้หญิงดารา, ท่านผู้หญิงตะวัน, ท่านผู้หญิงสมศรี, นายจิรายุ, ให้หยุดทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์
และหน้าที่ในสำนักทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์ เหมือนกับนายดิศธร ที่ถูกปลดจากรองเลขาธิการสำนักพระราชวังให้มาขึ้นกับพระบรม
ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงในวังมากมายdsi ก็กำลังถูกเล่นงาน สนธิ ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ต่อไปจะถึงคิวสุเทพ และพุทธอิสะ รอฟังแบบเงียบๆในความสงบไม่ต้องกระโตกกระตากใดๆ
ทางวัดก็ต้องเงียบลูกศิษย์ก็ต้องนิ่งมากๆ "ทักษิณ" ท่านก็นิ่งเงียบมาก เราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบและสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีให้อยู่เงียบๆ นิ่งๆไว้ อย่าไปยั่วยุหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาอย่าไปทำอะไรให้เสียเปรียบ
ตอนทุ่มหนึ่งเมื่อคืนมีท่านผู้หญิงอีกหลายท่านที่รับใช้ในวังแต่ต้น จุ้นๆวุ่นวายจนทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤตจะถูกปลดออกจากหน้าที่การงานนางสนองพระโอษฐ์ และได้ข่าวว่า ส ด วัดบวร(ที่อยากเป็นพระสังฆราช และเป็นฝ่ายจรุงจิต จะลาออกจากกรรมการมหาเถรสมาคม
ท่านผู้หญิงอังกาบท่านผู้หญิงอรนุช (ภรรยานายจิรายุ)
ถูกปลดเมื่อคืน



ข่าวลับข่าวรั่ว เรื่องวุ่น ๆ ของเครือข่ายนางขี้ปาก ของวังสามานย์

เอาไปกรองต่อกันนะจ๊ะ

ข่าวว่าท่านผู้หญิงจรุงจิต, ท่านผู้หญิงดารา, ท่านผู้หญิงตะวัน, ท่านผู้หญิงสมศรี, นายจิรายุ, ให้หยุดทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์
และหน้าที่ในสำนักทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์ เหมือนกับนายดิศธร ที่ถูกปลดจากรองเลขาธิการสำนักพระราชวังให้มาขึ้นกับพระบรม
ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงในวังมากมายdsi ก็กำลังถูกเล่นงาน สนธิ ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ต่อไปจะถึงคิวสุเทพ และพุทธอิสะ รอฟังแบบเงียบๆในความสงบไม่ต้องกระโตกกระตากใดๆ
ทางวัดก็ต้องเงียบลูกศิษย์ก็ต้องนิ่งมากๆ "ทักษิณ" ท่านก็นิ่งเงียบมาก เราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบและสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีให้อยู่เงียบๆ นิ่งๆไว้ อย่าไปยั่วยุหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาอย่าไปทำอะไรให้เสียเปรียบ
ตอนทุ่มหนึ่งเมื่อคืนมีท่านผู้หญิงอีกหลายท่านที่รับใช้ในวังแต่ต้น จุ้นๆวุ่นวายจนทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤตจะถูกปลดออกจากหน้าที่การงานนางสนองพระโอษฐ์ และได้ข่าวว่า ส ด วัดบวร(ที่อยากเป็นพระสังฆราช และเป็นฝ่ายจรุงจิต จะลาออกจากกรรมการมหาเถรสมาคม
ท่านผู้หญิงอังกาบท่านผู้หญิงอรนุช (ภรรยานายจิรายุ)
ถูกปลดเมื่อคืน



ในหลวงไม่เคยโผล่หน้า แต่...***โปรดเกล้าฯแล้ว”เฉลิมชัย”ขึ้นผบ.ทบ.-อภิรัชต์ มทภ.1 “2นาควานิช”คว้ามทภ.4-ผบ.พล.ร.9***

***โปรดเกล้าฯแล้ว"เฉลิมชัย"ขึ้นผบ.ทบ.-อภิรัชต์ มทภ.1 "2นาควานิช"คว้ามทภ.4-ผบ.พล.ร.9***


วันที่: 9 ก.ย. 59 เวลา:19:41 น.
มติชนOnline

    ☆●☆โปรดเกล้าฯ 798 นายทหาร "เฉลิมชัย"ขึ้นผบ.ทบ.-อภิรัชต์ เป็นมทภ.1 น้องธีรชัย คว้ามทภ.4 ตามโผ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้นายทหารรับราชการ รายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 ทั้งนี้ผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ส่วน พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)

ขณะที่ พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อัตราพลโท พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช ที่ปรึกษากองทัพบก (น้องพล.อ.ธีรชัย) เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 พันเอก วุฒิชัย นาควานิช (น้องพล.อ.ธีรชัย) เป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๙

ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจปรากฏว่ากระทรวงกลาโหม "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาด "บิ๊กปุย" พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส., "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหาร

ขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่งคือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รอง เสธ.ทร. (ตท.17) เป็น เสธ.ทร. และขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทน

ด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) เป็น ผบ.ทอ. โดยมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อจะได้วางยุทธศาสตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดย พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ.☆●☆//sm.rp.

ในหลวงไม่เคยโผล่หน้า แต่...***โปรดเกล้าฯแล้ว”เฉลิมชัย”ขึ้นผบ.ทบ.-อภิรัชต์ มทภ.1 “2นาควานิช”คว้ามทภ.4-ผบ.พล.ร.9***

***โปรดเกล้าฯแล้ว"เฉลิมชัย"ขึ้นผบ.ทบ.-อภิรัชต์ มทภ.1 "2นาควานิช"คว้ามทภ.4-ผบ.พล.ร.9***


วันที่: 9 ก.ย. 59 เวลา:19:41 น.
มติชนOnline

    ☆●☆โปรดเกล้าฯ 798 นายทหาร "เฉลิมชัย"ขึ้นผบ.ทบ.-อภิรัชต์ เป็นมทภ.1 น้องธีรชัย คว้ามทภ.4 ตามโผ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้นายทหารรับราชการ รายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 ทั้งนี้ผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ส่วน พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)

ขณะที่ พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อัตราพลโท พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช ที่ปรึกษากองทัพบก (น้องพล.อ.ธีรชัย) เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 พันเอก วุฒิชัย นาควานิช (น้องพล.อ.ธีรชัย) เป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๙

ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจปรากฏว่ากระทรวงกลาโหม "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาด "บิ๊กปุย" พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส., "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหาร

ขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่งคือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รอง เสธ.ทร. (ตท.17) เป็น เสธ.ทร. และขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทน

ด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) เป็น ผบ.ทอ. โดยมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อจะได้วางยุทธศาสตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดย พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ.☆●☆//sm.rp.

อย่าขายชาติด้วยการให้เช่าที่ดิน 99 ปี

อย่าขายชาติด้วยการให้เช่าที่ดิน 99 ปี
 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้เคยเขียนประกาศไว้ดังนี้:
 ตามข่าวในกรุงเทพธุรกิจเช้าวันนี้ (9 กันยายน 2559) และก่อนหน้านี้ 12 มกราคม 2559 ว่า "'สมคิด' สั่งธนารักษ์เร่งสรุปแก้กม.เช่าที่ 99 ปี" (http://bit.ly/1P5tx1p)  ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เห็นว่าแนวคิดของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นเท็จ และอาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่ารัฐบาลเพียงหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นผลงานของรัฐบาล ก็พร้อมจะ "ขายชาติ" เสียแล้ว
ความเท็จข้อที่ 1: อ้างการลงทุนต่างชาติ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "เนื่องจากระยะเวลาการเช่า 50 ปี ยังเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ไม่จูงใจการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลาการคืนทุนที่ยาวนาน ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่กล้าตัดสินใจลงทุน"
 ดร.โสภณ เห็นว่า
 1. ที่ผ่านมาในการลงทุนสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นโฮปเวลล์ ทางด่วนขั้นที่ 2 (กูมาไกกูมิ) หรือดอนเมืองโทลเวย์ ก็ล้วนใช้เงื่อนไข 30 ปีทั้งสิ้น  ต่างชาติก็ยินดีมาลงทุน
 2. ในการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ต่างชาติก็สามารถซื้อดินในนิคมอุตสาหกรรมไทยได้อยู่แล้ว และมีกำไรได้ในเวลาไม่กี่ปี  โครงการใดที่รอกำไรถึง 30 ปีก็คงไม่รอดอยู่แล้ว  ปกติแล้วในการลงทุน ต้นทุนหลักคงเป็นเครื่องจักร และบุคลากร ที่ดินคงมีสัดส่วนเพียง 10-15% ของการลงทุนแบบนี้
 3. แม้การลงทุนของไทยเอง เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว เช่าที่การรถไฟฯ 30 ปีก็กำไรมหาศาลแล้ว
 ข้ออ้างของ ดร.สมคิดจึงเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง  การให้เช่าถึง 50 ปี หรือ 99 ปี จึงเป็นการ "ปล้นชาติ" เช่นเดียวกับระยะเวลาการเช่าเกาะฮ่องกงนั่นเอง
ความเท็จข้อที่ 2: อ้างระเบียบต่างชาติ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "ให้เอกชนเข้ามาทำประโยชน์เป็นระยะเวลา 99 ปี เหมือนกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศเออีซี"
 ดร.โสภณ เห็นว่า นี่เป็นการอ้างเท็จ  แม้แต่ในการเปิดเสรีทางการค้า ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขนี้ไว้ให้ใครมา "ขายชาติ"  ในความเป็นจริง ถ้าจะให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือเช่า 99 ปีนั้น จะต้องมีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยในประเทศตะวันตกเก็บภาษีนี้ราว 1-3% ของมูลค่า  แต่ในไทยผู้มีอำนาจไม่ต้องการเสียภาษีนี้ จึงไม่มีการเก็บ  หากให้ต่างชาติมาซื้อหรือเช่าระยะยาว ก็เท่ากับพวกนายทุนใหญ่และข้าราชการใหญ่ "ขายชาติ" เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองโปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://goo.gl/lDDeZD (Download ฟรี)
ความเท็จข้อที่ 3: อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "สั่งการให้กรมธนารักษ์หารือกับหน่วยงานดังกล่าว และสรุปการเช่าที่ 99 ปี ให้ได้ภายในเดือนนี้ เพื่อส่งให้ ครม. เห็นชอบและดำเนินการแก้ไขกฎหมาย จะได้ดำเนินโครงการลงทุนต่างๆ ขนาดใหญ่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะปานกลางและระยะยาว"
 ดร.โสภณ ให้ข้อมูลที่แท้จริงว่า ในยามวิกฤติเศรษฐกิจ รัฐบาลสมัยนั้นก็มีมาตรการให้ต่างชาติซื้อห้องชุด 100% ในช่วงปี 2542-5 แต่ปรากฏว่ามีต่างชาติมาซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพียง 5,465 ล้านบาท หรือประมาณ 1.2% ของอาคารชุดทั้งหมด  จนสุดท้ายเมื่อปี 2547 จึงยกเลิกมาตรการนี้ (http://goo.gl/SQ960j)  แต่ในปัจจุบัน สิงคโปร์เก็บค่าธรรมเนียม 15% ในกรณีที่ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ คล้ายกรณีคนไทยส่งลูกไปเรียนในประเทศตะวันตก ก็ต้องเสียค่าเล่าเรียนแพงกว่าคนท้องถิ่น เป็นต้น
 ที่สำคัญ การลงทุนของต่างชาติหรือไม่ขึ้นอยู่กับบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่  ดูเมียนมาเป็นตัวอย่าง เมื่อเปิดประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น การลงทุนก็หลั่งไหลมาเอง  ในขณะนี้เศรษฐกิจไทยเสื่อมทรุดลงทุกวัน  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาก็ตกต่ำลงเป็นอย่างมาก 
 โดยสรุปแล้ว การให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีจึงเป็นแนวคิดที่ไม่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และจะเป็นภัยร้ายต่อประเทศชาติในอนาคต ให้ต่างชาติได้ครอบครองที่ดินชั่วกัลปาวสานในราคาซื้อขายเท่ากับคนไทยและไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่นเช่นในนานาอารยประเทศ  แนวทางที่ดีที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือสร้างบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยแบบอารยะ  และการส่งเสริมการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศโดยไม่ต้องยกที่ดินให้ต่างชาติเลย
===================
ผมมาแจกหนังสือฟรีครับ
"วิชาชีพ ประเมินค่าทรัพย์สิน" 150 หน้า
ผมเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่าวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สิน มีคุณูปการต่อสังคมอย่างไร ไม่เฉพาะนักวิชาชีพที่พึงรู้ แม้แต่ผู้บริโภค ก็พึงรู้เช่นกันครับ ขอเชิญ download ได้ที่นี่ครับ: http://bit.ly/1VUpDjn

อย่าขายชาติด้วยการให้เช่าที่ดิน 99 ปี

อย่าขายชาติด้วยการให้เช่าที่ดิน 99 ปี
 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้เคยเขียนประกาศไว้ดังนี้:
 ตามข่าวในกรุงเทพธุรกิจเช้าวันนี้ (9 กันยายน 2559) และก่อนหน้านี้ 12 มกราคม 2559 ว่า "'สมคิด' สั่งธนารักษ์เร่งสรุปแก้กม.เช่าที่ 99 ปี" (http://bit.ly/1P5tx1p)  ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เห็นว่าแนวคิดของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นเท็จ และอาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่ารัฐบาลเพียงหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นผลงานของรัฐบาล ก็พร้อมจะ "ขายชาติ" เสียแล้ว
ความเท็จข้อที่ 1: อ้างการลงทุนต่างชาติ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "เนื่องจากระยะเวลาการเช่า 50 ปี ยังเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ไม่จูงใจการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลาการคืนทุนที่ยาวนาน ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่กล้าตัดสินใจลงทุน"
 ดร.โสภณ เห็นว่า
 1. ที่ผ่านมาในการลงทุนสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นโฮปเวลล์ ทางด่วนขั้นที่ 2 (กูมาไกกูมิ) หรือดอนเมืองโทลเวย์ ก็ล้วนใช้เงื่อนไข 30 ปีทั้งสิ้น  ต่างชาติก็ยินดีมาลงทุน
 2. ในการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ต่างชาติก็สามารถซื้อดินในนิคมอุตสาหกรรมไทยได้อยู่แล้ว และมีกำไรได้ในเวลาไม่กี่ปี  โครงการใดที่รอกำไรถึง 30 ปีก็คงไม่รอดอยู่แล้ว  ปกติแล้วในการลงทุน ต้นทุนหลักคงเป็นเครื่องจักร และบุคลากร ที่ดินคงมีสัดส่วนเพียง 10-15% ของการลงทุนแบบนี้
 3. แม้การลงทุนของไทยเอง เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว เช่าที่การรถไฟฯ 30 ปีก็กำไรมหาศาลแล้ว
 ข้ออ้างของ ดร.สมคิดจึงเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง  การให้เช่าถึง 50 ปี หรือ 99 ปี จึงเป็นการ "ปล้นชาติ" เช่นเดียวกับระยะเวลาการเช่าเกาะฮ่องกงนั่นเอง
ความเท็จข้อที่ 2: อ้างระเบียบต่างชาติ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "ให้เอกชนเข้ามาทำประโยชน์เป็นระยะเวลา 99 ปี เหมือนกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศเออีซี"
 ดร.โสภณ เห็นว่า นี่เป็นการอ้างเท็จ  แม้แต่ในการเปิดเสรีทางการค้า ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขนี้ไว้ให้ใครมา "ขายชาติ"  ในความเป็นจริง ถ้าจะให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือเช่า 99 ปีนั้น จะต้องมีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยในประเทศตะวันตกเก็บภาษีนี้ราว 1-3% ของมูลค่า  แต่ในไทยผู้มีอำนาจไม่ต้องการเสียภาษีนี้ จึงไม่มีการเก็บ  หากให้ต่างชาติมาซื้อหรือเช่าระยะยาว ก็เท่ากับพวกนายทุนใหญ่และข้าราชการใหญ่ "ขายชาติ" เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองโปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://goo.gl/lDDeZD (Download ฟรี)
ความเท็จข้อที่ 3: อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "สั่งการให้กรมธนารักษ์หารือกับหน่วยงานดังกล่าว และสรุปการเช่าที่ 99 ปี ให้ได้ภายในเดือนนี้ เพื่อส่งให้ ครม. เห็นชอบและดำเนินการแก้ไขกฎหมาย จะได้ดำเนินโครงการลงทุนต่างๆ ขนาดใหญ่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะปานกลางและระยะยาว"
 ดร.โสภณ ให้ข้อมูลที่แท้จริงว่า ในยามวิกฤติเศรษฐกิจ รัฐบาลสมัยนั้นก็มีมาตรการให้ต่างชาติซื้อห้องชุด 100% ในช่วงปี 2542-5 แต่ปรากฏว่ามีต่างชาติมาซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพียง 5,465 ล้านบาท หรือประมาณ 1.2% ของอาคารชุดทั้งหมด  จนสุดท้ายเมื่อปี 2547 จึงยกเลิกมาตรการนี้ (http://goo.gl/SQ960j)  แต่ในปัจจุบัน สิงคโปร์เก็บค่าธรรมเนียม 15% ในกรณีที่ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ คล้ายกรณีคนไทยส่งลูกไปเรียนในประเทศตะวันตก ก็ต้องเสียค่าเล่าเรียนแพงกว่าคนท้องถิ่น เป็นต้น
 ที่สำคัญ การลงทุนของต่างชาติหรือไม่ขึ้นอยู่กับบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่  ดูเมียนมาเป็นตัวอย่าง เมื่อเปิดประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น การลงทุนก็หลั่งไหลมาเอง  ในขณะนี้เศรษฐกิจไทยเสื่อมทรุดลงทุกวัน  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาก็ตกต่ำลงเป็นอย่างมาก 
 โดยสรุปแล้ว การให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีจึงเป็นแนวคิดที่ไม่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และจะเป็นภัยร้ายต่อประเทศชาติในอนาคต ให้ต่างชาติได้ครอบครองที่ดินชั่วกัลปาวสานในราคาซื้อขายเท่ากับคนไทยและไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่นเช่นในนานาอารยประเทศ  แนวทางที่ดีที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือสร้างบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยแบบอารยะ  และการส่งเสริมการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศโดยไม่ต้องยกที่ดินให้ต่างชาติเลย
===================
ผมมาแจกหนังสือฟรีครับ
"วิชาชีพ ประเมินค่าทรัพย์สิน" 150 หน้า
ผมเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่าวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สิน มีคุณูปการต่อสังคมอย่างไร ไม่เฉพาะนักวิชาชีพที่พึงรู้ แม้แต่ผู้บริโภค ก็พึงรู้เช่นกันครับ ขอเชิญ download ได้ที่นี่ครับ: http://bit.ly/1VUpDjn

เปิดงบปี 2560 กลาโหมแตะ 2 แสนล้าน

เปิดงบปี 2560 พบกระทรวงศึกษาใช้เยอะสุด-กลาโหมแตะ 2 แสนล้าน
ข่าว  ข่าวการเมือง  เปิดงบปี 2560 พบกระทรวงศึกษาใช้เยอะสุด-กลาโหมแตะ 2 แสนล้าน
ดูบทความทั้งหมดของ Lheam-Thong  Lheam-Thong  Jun 24, 2016  0  3,471
162 Retweet 1 
163
shares
ผ่างบประมาณกระทรวงกลาโหมปี 2560 วงเงิน 2,733,000 ล้านบาท พบกระทรวงศึกษาธิการใช้เยอะสุด 519,292.5 ล้านบาท ขณะที่ กระทรวงกลาโหม เสนอ 214,347.4 ล้านบาท หวังเสริมสร้างความมั่นคงชาติ

หลังจากที่วานนี้ (23 มิ.ย. 59) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการอภิปรายชี้แจงถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ก่อนที่ สนช. จะมีการพิจารณาและเห็นชอบรับหลักการในวาระที่ 1 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี

งบประมาณแผ่นดิน, กระทรวงกลาโหม, กองทัพบก 

โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า การจัดทำกรอบงบประมาณดังกล่าว เพื่อผลักดันให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ มีวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2560 อยู่ที่ 2,733,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้จะอยู่ที่ 2.343 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นงบประมาณขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท และยืนยันว่าการเบิกจ่ายของภาครัฐจะต้องมีประสิทธิภาพ ส่วนการจัดเก็บรายได้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ภายใต้การประมาณการเศรษฐกิจในปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.7 – 4.2 นั้น

วันนี้ (24 มิ.ย. 59) ได้มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดของงบประมาณดังกล่าว ที่นำไปใช้พัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ด้วยการวางยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณไว้ 6 ด้าน คือ

1.ความมั่นคงและการต่างประเทศ 157,155.5 ล้านบาท
2.การสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 323,656.4 ล้านบาท
3.การพัฒนาคนและส่งเสริมศักยภาพคน 231,894.4 ล้านบาท
4.การแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างการเติบโตจากภายใน 241,149.1 ล้านบาท
5.การจัดการน้ำ และสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 110,156.6 ล้านบาท
6.การปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ 330,410.6 ล้านบาท

โดยกระทรวงที่เสนอใช้งบประมาณสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
-กระทรวงศึกษาธิการ 519,292.5 ล้านบาท
-กระทรวงมหาดไทย 324,012 ล้านบาท
-กระทรวงการคลัง 218,633.1
-กระทรวงกลาโหม 214,347.4 ล้านบาท
และกระทรวงคมนาคม 152,726.4 ล้านบาท

ซึ่งในส่วนการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 214,347.4 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นดังนี้

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 9,150 ล้านบาท
-แผนงานบุคลากรของภาครัฐ 4,744 ล้านบาท
-แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ 4,186 ล้านบาท
-แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้าง ได้แก่ ความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านความมั่นคง และการป้องกันประเทศ รวม 219.5 ล้านบาท

กองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 16,292 ล้านบาท
-เสริมสร้างศักยภาพกองทัพและระบบป้องกันประเทศ 5,790 ล้านบาท
-เงินราชการลับ 54,822,000 บาท

กองทัพบก จำนวน 104,411 ล้านบาท
-เสริมสร้างศักยภาพกองทัพและระบบป้องกันประเทศ 43,635 ล้านบาท
-เงินราชการลับ 290 ล้านบาท
-พัฒนาความสามารถของกองทัพ ให้มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ 1,973 ล้านบาท

กองทัพเรือ จำนวน 41,321 ล้านบาท
-ให้ประเทศมีความมั่นคงปลอดภัยจากภัยคุกคาม จำนวน 19,774 ล้านบาท
-เสริมสร้างยุทโธปกรณ์ 838.5 ล้านบาท
-เสริมสร้างกำลังกองทัพผูกพันข้ามปีงบประมาณ 6,627 ล้านบาท
-ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการตามแผนป้องกันประเทศ 1,870 ล้านบาท

กองทัพอากาศ จำนวน 39,165 ล้านบาท
-เสริมสร้างศักยภาพกองทัพและระบบป้องกันประเทศหวังให้เป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน 22,265 ล้านบาท
-เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน 247.7 ล้านบาท

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า งบประมาณกระทรวงกลาโหมในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2559 จำนวน 7,886.1 ล้านบาทหรือ 3.8%

ข้อมูลจาก posttoday.com

ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com

MThai News