PPD's Official Website

Friday, November 18, 2016

บิ๊กตู่ (หน้าด้าน) ลั่นเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย ...ถามว่าหลักประชาธิปไตย มีอะไรบ้าง?

บิ๊กตู่ ชี้ไทยประเทศแห่งความสุข ขอแค่ไม่ตีกัน ลั่นเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย

นายกฯลงพื้นที่บริหารน้ำปทุมธานี ยันน้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 เหตุรบ.ไม่ได้ปล่อยปะละเลย ย้ำไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมต้องปลูกข้าว พร้อมระบุไทยเป็นปท.มีความสุข แค่อย่าตีกัน

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารนิเทศน้ำแลการเกษตร(สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิผู้ว่าฯกทม. และนายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่คลองระพีพัฒน์แยกตก บริเวณประตูน้ำที่ 8 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตร พร้อมพบปะประชาชนและรับฟังปัญหา โดยมีนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯ จ.ปทุมธานี ให้การต้อนรับ

นายกฯได้กล่าวกับประชาชน โดยคำถามชาวบ้านซึ่งถามว่าน้ำจะท่วมเหมือนปี 2554 หรือไม่ โดยนายกฯกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลง ในหลวงได้สร้างเขื่อนด้านบนไว้แล้ว ฝนตกเหนือเขื่อนจำนวนมาก ทำให้น้ำไหลลงข้างล้าง แต่ตอนบนแล้ง ซึ่งรัฐบาลกำลังจะแก้ปัญหาจะทำอย่างไรให้สามารถเก็บน้ำไว้ตอนกลางของประเทศได้ ขณะนี้แต่ละพื้นที่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดี สามารถเชื่อมต่อน้ำจากคลองต่างๆ รวมถึงการใช้น้ำในการปลูกพืช

นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม อย่างไรก็ต้องทำนาปลูกข้าว แต่ต้องทำอย่างไรไม่ให้ปลูกกันตอนน้ำท่วม ซึ่งพื้นที่ตรงไหนที่เป็นแก้มลิง ต้องมีการเสียสละกันได้หรือไม่ รัฐบาลจะชดเชยให้ แต่ถ้าทุกคนต้องการปลูก พอน้ำท่วมรัฐบาลก็ต้อง มันก็จะท่วมอยู่แบบนี้ แต่รัฐบาลเสียเงิน ท่านก็ต้องเสีย แล้วคุ้มกันหรือไม่ ถ้าไม่ปลูกข้าว หรือปลูกพืชอื่น ถ้าน้ำท่วมก็เสียหายน้อยลง รัฐบาลก็ยังดูแลให้ อย่างนี้เรียกว่าช่วยกันทั้งสองฝ่าย เราเข้าใจทุกคนมีปัญหาหมด ทั้งปัญหาหนี้สิน ที่เฉพาะชาวนามีมากกว่างบประมาณแผ่นดินอีก ซึ่งรัฐบาลก็กำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ แล้วมีใครเคยมาทำให้ท่านหรือไม่ ไม่มี เพราะเขาไม่คิดหรอก เขาไม่รบกับใคร แต่ตนรบกับทุกคน รบเพื่อใคร ก็เพื่อคนทุกคน เพื่อเด็กๆที่วันหน้าจะเป็นผู้ใหญ่ จะให้เขาลำบากยากจนอย่างเราหรือ ตนกำลังคิดวิธีทำให้คนรุ่นหลังสบายขึ้น

@ ชี้ 80 ปี ประชาธิปไตย ระบบยังไม่เกิด

"ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก จำไว้ ไม่ต้องตีกันแค่นั้นแหละ มีความสุขแล้ว อย่างมากบอกว่ายากจน เพราะระบบมันไม่เกิด ผ่านมากี่ปีแล้วประชาธิปไตย 80 กว่าปี ระบบมันยังไม่เกิด แต่มันต้องเกิด และมันต้องมีประชาธิปไตย เข้าใจไหม ผมเข้ามาทำการเปลี่ยนผ่านตรงนี้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ว่าจะเอาอย่างที่ผมพูด หรือจะเอาแบบเดิม ว่ายังไง จะเอาแบบไหน" นายกฯ กล่าว

จากนั้น นายกฯได้ เดินข้ามสะพานไปเพื่อตรวจดูระดับน้ำในคลองรพีพัฒน์ ก่อนที่จะเดินไปทักทาย เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล จากโรงเรียนลำพระยา ที่มารอต้อนรับประมาณ 20 คน โดยนายกฯได้พูดคุยหยอกล้อกันเด็กอย่างเป็นกันเอง ซึ่งนายกฯ แกล้งถามเด็กๆว่า"รู้จักผมมั้ย" ซึ่งเด็กๆได้ตอบกลับมาว่า"รู้จัก นายกรัฐมนตรี " นายกฯจึงสอนเด็กๆว่าต้องพูด"ครับ ค่ะด้วย เป็นคนไทยต้องพูดให้ไพเราะ ครับ ค่ะ ขอโทษ ขอบคุณ และการไหว้ นี่คือความเป็นไทย และขอให้เป็นคนดีด้วย"

บิ๊กตู่ (หน้าด้าน) ลั่นเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย ...ถามว่าหลักประชาธิปไตย มีอะไรบ้าง?

บิ๊กตู่ ชี้ไทยประเทศแห่งความสุข ขอแค่ไม่ตีกัน ลั่นเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย

นายกฯลงพื้นที่บริหารน้ำปทุมธานี ยันน้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 เหตุรบ.ไม่ได้ปล่อยปะละเลย ย้ำไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมต้องปลูกข้าว พร้อมระบุไทยเป็นปท.มีความสุข แค่อย่าตีกัน

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารนิเทศน้ำแลการเกษตร(สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิผู้ว่าฯกทม. และนายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่คลองระพีพัฒน์แยกตก บริเวณประตูน้ำที่ 8 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตร พร้อมพบปะประชาชนและรับฟังปัญหา โดยมีนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯ จ.ปทุมธานี ให้การต้อนรับ

นายกฯได้กล่าวกับประชาชน โดยคำถามชาวบ้านซึ่งถามว่าน้ำจะท่วมเหมือนปี 2554 หรือไม่ โดยนายกฯกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลง ในหลวงได้สร้างเขื่อนด้านบนไว้แล้ว ฝนตกเหนือเขื่อนจำนวนมาก ทำให้น้ำไหลลงข้างล้าง แต่ตอนบนแล้ง ซึ่งรัฐบาลกำลังจะแก้ปัญหาจะทำอย่างไรให้สามารถเก็บน้ำไว้ตอนกลางของประเทศได้ ขณะนี้แต่ละพื้นที่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดี สามารถเชื่อมต่อน้ำจากคลองต่างๆ รวมถึงการใช้น้ำในการปลูกพืช

นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม อย่างไรก็ต้องทำนาปลูกข้าว แต่ต้องทำอย่างไรไม่ให้ปลูกกันตอนน้ำท่วม ซึ่งพื้นที่ตรงไหนที่เป็นแก้มลิง ต้องมีการเสียสละกันได้หรือไม่ รัฐบาลจะชดเชยให้ แต่ถ้าทุกคนต้องการปลูก พอน้ำท่วมรัฐบาลก็ต้อง มันก็จะท่วมอยู่แบบนี้ แต่รัฐบาลเสียเงิน ท่านก็ต้องเสีย แล้วคุ้มกันหรือไม่ ถ้าไม่ปลูกข้าว หรือปลูกพืชอื่น ถ้าน้ำท่วมก็เสียหายน้อยลง รัฐบาลก็ยังดูแลให้ อย่างนี้เรียกว่าช่วยกันทั้งสองฝ่าย เราเข้าใจทุกคนมีปัญหาหมด ทั้งปัญหาหนี้สิน ที่เฉพาะชาวนามีมากกว่างบประมาณแผ่นดินอีก ซึ่งรัฐบาลก็กำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ แล้วมีใครเคยมาทำให้ท่านหรือไม่ ไม่มี เพราะเขาไม่คิดหรอก เขาไม่รบกับใคร แต่ตนรบกับทุกคน รบเพื่อใคร ก็เพื่อคนทุกคน เพื่อเด็กๆที่วันหน้าจะเป็นผู้ใหญ่ จะให้เขาลำบากยากจนอย่างเราหรือ ตนกำลังคิดวิธีทำให้คนรุ่นหลังสบายขึ้น

@ ชี้ 80 ปี ประชาธิปไตย ระบบยังไม่เกิด

"ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก จำไว้ ไม่ต้องตีกันแค่นั้นแหละ มีความสุขแล้ว อย่างมากบอกว่ายากจน เพราะระบบมันไม่เกิด ผ่านมากี่ปีแล้วประชาธิปไตย 80 กว่าปี ระบบมันยังไม่เกิด แต่มันต้องเกิด และมันต้องมีประชาธิปไตย เข้าใจไหม ผมเข้ามาทำการเปลี่ยนผ่านตรงนี้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ว่าจะเอาอย่างที่ผมพูด หรือจะเอาแบบเดิม ว่ายังไง จะเอาแบบไหน" นายกฯ กล่าว

จากนั้น นายกฯได้ เดินข้ามสะพานไปเพื่อตรวจดูระดับน้ำในคลองรพีพัฒน์ ก่อนที่จะเดินไปทักทาย เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล จากโรงเรียนลำพระยา ที่มารอต้อนรับประมาณ 20 คน โดยนายกฯได้พูดคุยหยอกล้อกันเด็กอย่างเป็นกันเอง ซึ่งนายกฯ แกล้งถามเด็กๆว่า"รู้จักผมมั้ย" ซึ่งเด็กๆได้ตอบกลับมาว่า"รู้จัก นายกรัฐมนตรี " นายกฯจึงสอนเด็กๆว่าต้องพูด"ครับ ค่ะด้วย เป็นคนไทยต้องพูดให้ไพเราะ ครับ ค่ะ ขอโทษ ขอบคุณ และการไหว้ นี่คือความเป็นไทย และขอให้เป็นคนดีด้วย"

Thursday, November 17, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 18 พย 59 นายกรัฐมนตรีไทย กับ กิจของราชวัง และยุคประชาพาไปมาถึงแล้ว

ดร. เพียงดิน รักไทย 18 พย 59 นายกรัฐมนตรีไทย กับ กิจของราชวัง และยุคประชาพาไปมาถึงแล้ว

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก

๙๙๙๙๙๙๙๙==============๙๙๙๙๙๙๙
คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง
ดาวน์โหลดไฟล์นี้ได้ที่ 

ด้วยความปรารถนาดีเสมอ
ดร. เพียงดิน รักไทย

ดร. เพียงดิน รักไทย 18 พย 59 นายกรัฐมนตรีไทย กับ กิจของราชวัง และยุคประชาพาไปมาถึงแล้ว

ดร. เพียงดิน รักไทย 18 พย 59 นายกรัฐมนตรีไทย กับ กิจของราชวัง และยุคประชาพาไปมาถึงแล้ว

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก

๙๙๙๙๙๙๙๙==============๙๙๙๙๙๙๙
คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง
ดาวน์โหลดไฟล์นี้ได้ที่ 

ด้วยความปรารถนาดีเสมอ
ดร. เพียงดิน รักไทย

คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง

คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง
ดาวน์โหลดไฟล์นี้ได้ที่ 

ด้วยความปรารถนาดีเสมอ
ดร. เพียงดิน รักไทย



คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง

คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง
ดาวน์โหลดไฟล์นี้ได้ที่ 

ด้วยความปรารถนาดีเสมอ
ดร. เพียงดิน รักไทย



Wednesday, November 16, 2016

บัณฑิต อาณีญาญ์ ท่านผู้นี้ เป็นใครกันแน่?? อ่านบทความนี้แล้ว ท่านอยากสืบค้นต่อหรือไม่?

ความฝันภายใต้ดวงอาทิตย์ของบัณฑิต อาร์ณีญาญ์

ขอบคุณ เครดิต https://freedom.ilaw.or.th/112theseriesBandit
1.
ฉันรู้จักลุงครั้งแรกผ่านตัวหนังสือ "ความฝันภายใต้ดวงอาทิตย์" หนังสือกึ่งชีวประวัติของลุง ความยาว 562 หน้า ตอนนั้นฉันอยากทำหนังสารคดีที่เกี่ยวกับมาตรา 112 คิดแค่ว่าอยากทำในแบบที่เล่าเรื่องราวชีวิตมนุษย์ ไม่ใช่แค่ให้ข้อเท็จจริงและข้อมูลเชิงวิชาการ พี่ที่ไอลอว์เป็นคนแนะนำให้ฉันรู้จักคดีของลุง แล้วให้หนังสือเล่มนั้นมา ฉันตะลุยอ่านด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด ตอนนั้นฉันรู้แค่ว่าลุงถูกศาลตัดสินว่ามีอาการทางจิต แต่ในหนังสือหากไม่นับส่วนที่มีข้อความซ้ำหลายตอน บางตอนทำให้ฉันเศร้า บางตอนทำให้ฉันหัวเราะ และตอนจบทำให้ฉันร้องไห้
 
หนังสือเผยให้เห็นชีวิตของลุงที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ถูกกดขี่ ถูกเอารัดเอาเปรียบ แฝงด้วยลีลาการเล่าเรื่องเสียดสีประชดประชันแกมขบขัน และบางตอนก็ทำให้หลุดลอยเข้าไปในจินตนาการเหนือจริงของลุง  ขณะเดียวกันก็เห็นความจริงที่ลุงต่อสู้ดิ้นรน แสวงหาความรู้ ใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์เท่าที่สภาพแวดล้อมจะเอื้ออำนวย แม้บางครั้งต้องทำชั่วเพื่อเอาชีวิตรอดลุงก็ยอมรับและเปิดเผยออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ
 
ที่น่าสนใจคือมุมมองของลุงที่มีต่อโลก ลุงมองลึกลงไปในใจของผู้คน กระชากหน้ากากภายนอกของพวกเขาออก เปลื้องให้เห็นถึงความจริงภายใน ลุงปฏิเสธสิ่งที่คนในสังคมปฏิบัติ นั่นคือการไม่ตั้งคำถามหรือวิพากษ์วิจารณ์กับหลายๆสิ่ง ลุงตั้งคำถามถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมและการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม
ฉันรู้ในทันทีว่าอยากทำสารคดีเกี่ยวกับลุง และไม่สำคัญเลยว่าใครจะตัดสินลุงว่าอย่างไร
 
520

บัณฑิตที่เชียงดาว 
2.
ฉันพบลุงครั้งแรกในศาลทหาร ชายชราผมสีดอกเลาตัดสั้นเรียบแปล้ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงขากระบอกสีดำ และสะพายย่ามสีขาว ย่ามวิเศษที่ล้วงออกมาเมื่อไหร่มักเจอหนังสือยกชุดสี่เล่มของลุงที่ลดจาก 900 บาทเหลือ 200 บาทก็ยังไม่มีใครซื้อ
 
วันนั้นฉันและเพื่อนได้รับหนังสือมาฟรีคนละชุด เราไปนั่งคุยกันต่อที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ลุงตัวจริงก็มีส่วนคล้ายกับหนังสือที่ฉันอ่าน แต่วันนั้นฉันได้เห็นความดื้อดึงบางอย่างในตัวลุง ฉันไม่ได้มองว่าเป็นข้อเสียไปทั้งหมด แต่คิดว่าถ้าลุงไม่ดื้อลุงก็คงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ อาจจะไม่โดนข้อหา 112 อาจจะไม่ต้องแยกทางกับครอบครัว แล้วก็อาจจะไม่ได้เขียนหนังสือ และถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงรู้สึกเสียดาย
 
ครั้งแรกที่ฉันไปบ้านลุงพร้อมแบกกล้องวิดีโอและขาตั้งกล้องไปอย่างพะรุงพะรัง ลุงลุกจากเก้าอี้ไม้ตัวโปรดข้างชั้นวางของ คะยั้นคะยอให้ฉันดื่มกาแฟที่ลุงชงให้
ห้องของลุงเรียบง่าย โล่งตา ดูสะอาด และไม่มีเตียงนอน แต่มีหนังสือกองโตที่ลุงเขียน เอกสารเกี่ยวกับคดีและเรื่องสั้นที่ลุงแปลบ้างแต่งบ้าง วางอยู่ในกล่องอย่างเรียบร้อย แต่ลุงมักบ่นว่าหาอะไรก็ไม่ค่อยเจอ ที่โต๊ะทำงานมีเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่าแก่แต่ยังใช้การได้ดีวางอยู่ ข้างๆ เป็นดิกชันนารี่อังกฤษ-ไทยเล่มใหญ่ และปึกกระดาษเรื่อง Father and son ของ Ivan Turgenev นักเขียนชาวรัสเซีย ฉันถามว่าทำไมลุงถึงแปลเล่มนี้
 
"มันก็มีส่วนคล้ายชีวิตผมเหมือนกันมั้ง เรื่องนี้พ่อกับลูกก็ขัดแย้งกัน คล้ายๆ เตี่ยกับผม" ลุงเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่ในอดีตความขัดแย้งระหว่างลุงกับพ่อของลุงคงไม่อาจใช้คำบรรยายว่าราบเรียบได้
 
"ผมมาเมืองไทยตอน 6 ขวบ มาพร้อมแม่กับย่า มาอยู่โคราช เตี่ยผมมีเมียน้อยอยู่ที่นี่ ตอนเด็กๆ ผมเห็นเตี่ยตีแม่ผมด้วยด้ามไม้กวาดบ้าง ไม้ขัดหม้อบ้าง บางทีก็รองเท้ายางหนาๆ แม่เลี้ยงก็ใช้ให้แม่ผมทำงานหนัก สุดท้ายแม่ผมโดนคนข่มขืนจนท้อง ถูกเตี่ยส่งไปอยู่ที่โรงพยาบาลโรคจิตแล้วก็ตายในฐานะเป็นคนไข้อนาถา"
 
เมื่อได้คลุกคลีกับลุงนานเข้า ฉันจึงเข้าใจถึงความเจ็บปวดคับแค้นแสนสาหัสของลุงในเรื่องนี้ และเข้าใจได้ว่าทำไมงานเขียน ความคิด และการแสดงออกของลุง จึงมักอยู่กับเรื่องความไม่เป็นธรรมในสังคม และการกดขี่จากผู้มีอำนาจสูงกว่า
 
ผลงานการเขียนและการแปลของลุงมีเกือบ 50 เล่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้นของ บี.ทราเวน นักเขียนชาวเยอรมัน หรือนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น ผลงานขอ
งลุงส่วนใหญ่จัดพิมพ์โดยเพื่อนสนิทที่คบหากันมานานหลายปี บางเล่มก็พิมพ์เอง น่าเสียที่ผลงานของลุงมักขายไม่ออกและต้องเอามาขายเลหลังเล่มละไม่กี่บาท
"หนังสือผมมันไม่มีคนอ่าน พิมพ์ไปก็ขายไม่ออก" ลุงพูดเปรยๆ ขึ้นมาในบางครั้ง นอกจากเรื่องนี้ลุงก็ตัดพ้อด้วยความน้อยใจว่าผลงานของแกถูกคนอื่นขโมยไปใส่ชื่อแล้วตีพิมพ์ 
 
แต่ความท้อใจก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไฟในการผลิตผลงานของลุงได้ พอฉันเจอลุงในวันต่อมา ลุงก็ยื่นเรื่องสั้นเรื่องใหม่ที่เพิ่งแต่งจบให้ฉันอ่าน แล้วถามอย่างกระตือรือร้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง บางโอกาสเราถกเถียงกันเรื่องการเมือง สังคม ศาสนา ไปจนถึงชีวิตและวิธีคิดในบางประเด็น ความคิดเห็นของเราขัดแย้งกันบางเรื่อง แม้ลุงจะยึดมั่นในความคิดของตัวเองอย่างแน่วแน่ แต่ลุงก็ฟังความคิดเห็นของฉันเสมอ
 
ตอนนี้ลุงอายุ 75 ปี อาศัยอยู่คนเดียวบนชั้นสามของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านหนองแขม ลุงเคยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ต้องตัดไตออกข้างหนึ่งรวมทั้งกระเพาะปัสสาวะด้วย แทนที่ด้วยถุงปัสสาวะที่ต้องใส่ติดตัวตลอดเวลา แต่ภายนอกลุงยังดูแข็งแรงเดินเหินปกติ ทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว เดินทางไปตามงานเสวนาที่ต่างๆ เป็นประจำ สะพายย่ามคู่ใจที่ภายในมีหนังสือ เรื่องสั้น หรือเอกสารเกี่ยวกับคดีของแก บ้างก็แจกจ่าย บางทีโชคดีก็ขายได้
 
3.
"ผมสงสัยมากเลยนะว่าพวกดวงดาว จักรวาลมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง"
ลุงตั้งคำถามขึ้นมาอย่างที่ชอบทำ ตอนนั้นเราสี่คนนอนดูดาวกันที่เชียงดาวระหว่างที่ไปถ่ายทำสารคดี คืนนั้นเป็นคืนฟ้าเปิด เห็นดาววาววับมากมาย เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
"ทฤษฎีบิ๊กแบงไงคะ" ฉันตอบ "ไอ้หนังสือพวกนั้นผมก็อ่านมาบ้าง แต่เข้าใจยากเกินไป  ผมอยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้นะ เหมือนที่ผมสงสัยว่าพืชมันเจริญเติบโตขึ้นมาจากใต้ดินได้ยังไง คิดดูสิ ดินมันก็เป็นแค่ดิน แต่ดินเป็นที่มาของพืชทุกชนิด มันเป็นความมหัศจรรย์นะ"
คำถามซื่อๆ กระตุ้นให้ฉันคิดถึงหนังสือเล่มแรกของลุงที่ฉันอ่าน ในตอนจบลุงก็ลงท้ายด้วยคำถามแบบนี้เช่นกัน
 
ความมหัศจรรย์ของลุงนั้นเรียบง่ายเหลือเกิน
 
ลุงดำรงอยู่ด้วยความคิดและความสงสัยต่อชีวิตและจุดกำเนิดของมัน เช่นที่ลุงเฝ้าสงสัยเกี่ยวกับการกำเนิดดวงดาวจักรวาลและพรรณพืช เช่นที่ลุงชอบนั่งดูคลิปเกี่ยวกับดาวอังคารในมือถือ เช่นที่ลุงเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะมีจริง เช่นที่ลุงชอบเลี้ยงนกและเฝ้ามองพวกมันหากิน ขณะเดียวกันชีวิตลุงก็มีปมปัญหาที่ไม่อาจสลัดหลุด ลุงยึดติดอยู่กับอดีตบางอย่างอันน่าขมขื่นที่ชั่วชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งคงไม่อาจลืมได้ ลุงทำให้ฉันเข้าใจว่าชีวิตมนุษย์มีความซับซ้อนและลึกลับเกินกว่าที่ใครคนหนึ่งจะไปตัดสินการกระทำของเขาหรือบอกให้เขาปล่อยวางได้
 
ฉันจะไม่ตัดสินและไม่บอกให้ลุงปล่อยวาง ถ้าลุงจะเขียนหนังสือหรือขึ้นไปพูดในวงเสวนาไหนๆ ฉันจะเป็นคนรับฟัง เพราะความฝันอย่างหนึ่งที่ลุงต้องการคงเป็นการได้แสดงความเห็นอย่างซื่อตรงและเปิดเผยโดยไม่ถูกปิดกั้นหรือตัดสินจากใคร