PPD's Official Website

Showing posts with label ผลงาน คสช.. Show all posts
Showing posts with label ผลงาน คสช.. Show all posts

Tuesday, June 23, 2015

ประยุทธ์ สารภาพบาป ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง ฯลฯ (รู้แล้วน่ะ)

นายกฯ พูดถึงปัญหาภัยแล้งแก้ไม่ได้ รัฐบาลไหนก็แก้ไม่ได้ ผมก็ยอมรับว่าแก้ไม่ได้ " ถ้าทุกคนมาเอาทุกอย่างในเวลาเดียวกันทั้...

Posted by Smart SME on Friday, June 19, 2015

Monday, June 8, 2015

คอร์รัปชั่น ในเหล่รัฐบาลทรราช (ความเห็นจากนักสู้นิรนาม ผ่านทางอีเมล์กลุ่ม)


คอร์รัปชั่น ในเหล่รัฐบาลทรราช


การประชาสัมพันธ์ที่ทุกวันนี้เปรียบเสมือนหอยเน่า ไข่เน่า
หมาเน่า เพราะมีแต่การทุจริตเชิงนโยบายชัดเจน
เอาพวกตัวเองเข้านั่งพิจารณาอนุมัติงบประมาณต่างๆ กินกันเป็นล่ำเป็นสัน
แล้วให้สมุนทรราชไปจัดรายการสำรวจแบบนั่งเทียน
โดยคิดว่าเรตติ้งจะดีแต่กลับเจ๊งไม่มีโฆษณาเข้า
มีแต่เสียงบ่นด่าระงมทั้งประเทศ แถมเด็กๆ
ร้องไห้กันระงมว่าอยากดูช่องอื่นไม่อยากดูช่องนี้
ยิ่งสร้างความปวดร้าวลึกให้ผู้พบเห็นอย่างน่าเวทนาและนายกเหล่ทรราชยังเสนอแต่เรื่องที่ห่วยแตก
หลอกลวง เพ้อเจ้อ ในรายการ คืนความทุกข์ให้ประชาชนในวันศุกร์ที่แล้วมา
ส่วนนายกเหล่ทรราชที่ได้ตั้งธงไว้สูงกับการโกหกตอแหลในครั้งนี้
เพราะปัญหาระดมมาทั้งทั่วภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นภาคใต้เรื่องยาง
ภาคเหนือเรื่องน้ำท่วม ภาคกลางเรื่องความลุแก่อำนาจของทหารในขณะนี้
ส่วนภาคอีสานก็ไม่น้อยหน้ายังค้างคาใจเรื่องหมายจับต่างๆ ที่ออกมาให้น้องๆ
นักศึกษาและพี่น้องเสื้อแดงไปรายงานตัว
ต้องยอมรับว่านายกเหล่ทรราชหวังไว้สูงเกินไปแต่ไม่สามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้
ถึงแม้ว่าจะใช้อักษรที่สวยหรู
ระรื่นหูน้ำเสียงราบเรียบอย่างกับการแถลงการณ์นโยบายในการเปิดประชุมสภาวันแรกก็ไม่ปาน
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อนายกเหล่ทรราชตัดสินใจพูดเรื่องคอร์รัปชั่นทำเอาชาวประชาร้านตลาดทั่วหล้าถึงกับขากถุยใส่จอ
TV ในขณะที่นายกเหล่ทรราชออกอากาศกันทั่วหน้า


หัวข้อ "คอร์รัปชั่น"
ที่กล่าวถึงเรื่องการตรวจสอบค่าใช้จ่ายงบประมาณรัฐให้มีความคุ้มค้าโปร่งใส
โดยนายกเหล่ทรราชจะตั้งคณะกรรมการร่วมโกงกินขึ้นเพื่อติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ
(คตร.) และฝ่ายต่างๆ
ของคสช.เพื่อทำให้ในหลายโครงการสามารถลดงบประมาณลงได้จำนวนหนึ่งเพื่อสร้างภาพแท้จริงคือ
ต้องการให้คณะกรรมการร่วมโกงกิน
เว้นการกระทำในเนื้องานและคุณภาพงานให้แย่กว่าเดิมอันนี้เป็นตัวอย่างสำคัญประการหนึ่งที่คณะกรรมการร่วมโกงกินทุกคนต้องช่วยกันโกงกิน
รัฐทหารทรราชจะคอยช่วยกันดูแลให้การทุจริตเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรก็แล้วแต่
จะเข้ากระเป๋าคสช.ถ้าหากประชาชนที่เฝ้าระวัง หน่วยตรวจสอบก็เข้าไปตรวจสอบ
จับคุมหรือแม้กระทั่งไม่จำเป็นต้องออกหมายจับเอาเข้ากรมกองอบรมปรับทัศนวิสัย
และก็ให้มันเซ็นชื่อตาม TOR ที่ทำไว้ก็จะลดการลุกฮือลงได้หมด
เพราะฉะนั้นนายกเหล่ทรราชจึงฝากเรื่องนี้ไปแล้ว
และเคยมีนโยบายเรื่องนี้ไปแล้วให้ถือว่าเป็นวาระความมั่นคงของชาติ
ก็ไม่รู้ว่าชาติในทัศนะคติของนายกเหล่ทรราชคืออะไร? ...ชาติคือความสุข
ความมั่นคงในฐานะทางการเงิน ของ นายกเหล่ฯ ทรราช และสมุนเท่านั้นหรือ?


เมื่อปีที่ผ่านมางบกระทรวงกลาโหมกว่า 170,285,022,900 บาท
ยังไม่ทำให้ ประเทศไทยเจ๊งไม่พออีกหรือที่มุ่งสะสมอาวุธราคาแพง
ไม่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สวนทางกับทั่วโลกที่พยายามลดการสะสมอาวุธ
ที่ผ่านมากองทัพอนุมัติงบประมาณนำไปซื้อยุทโธปกรณ์ไร้คุณภาพ เช่น GT200
เรือเหาะ โครงการเรือดำน้ำ รถยานเกราะล้อยางเซียงกง
ที่ผ่านมาการจัดซื้อยุทโธปกรณ์มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเอื้อประโยชน์ให้ทหารเองและพวกพ้อง
ที่ทหารระบุว่าจะสร้างความมั่นคงให้คนในชาติแต่กลับนำไปสร้างความมั่นคงต่อรัฐทหารเสียเอง
รวมถึงการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วออกมาแก้ตัวแบบคนที่นุ่งผ้าถุงยังอายแทนเลยถึงข้อกล่าวอ้างต่างๆ นาๆ
ประกอบกับอดีต ผบ.ทบ.ในสมัยนั้นหรือ
นายกเหล่ทรราชสมัยนี้ออกมาพูดว่าการที่ทหารติดกล้องที่ปืนเป็นกล้องส่องนกเพื่อยิงนกก็คงใช่ครับ
เพราะการฆ่าประชาชนในครั้งนั้นคือยุทธการยิงนกในกรงมีการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธ์ร่วมร้อยศพ
บาดเจ็บ พิการ อีกสองพันคนในปี 52-53


การไม่เชื่อใจคนบางคน อย่างนายกเหล่ทรราชที่พูดโกหก
หลอกลวงตอแหลมาตลอดนั้น
และเชื่อว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นการจัดซื้ออาวุธของกองทัพหลายเรื่อง
โดยเฉพาะของกองทัพบกซึ่งกองทัพต้องติดร่างแหไปกับคนเหล่านั้นหลายครั้งหลายหนเพราะการอนุมัติแบบลับๆ
เปิดเผยไม่ได้ ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศขอเอกสารก็ไม่ให้
ขณะที่เอกสารข้อเท็จจริงเปิดให้ดูแค่ 5 นาทีจากนั้นมีนายทหารโทรไปหา
กำชับให้กรรมาธิการฯในสมัยนั้นพยายามปิดบังข้อมูลไม่ให้หลุดรอดออกไป
ทั้งที่มีการเร่งรีบอนุมัติงบตามที่กองทัพร้องขอ ทั้งที่ขอแขวนงบไว้อาทิ ปืน
50,000 กระบอก รถสรรพาวุธรถถัง 7,200 ล้าน เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน 1,800 ล้าน
รถบรรทุกขนาดใหญ่
ซึ่งติดใจเพราะมีราคาแพงกว่าและไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในกองทัพ
จึงเป็นรายการคุณขอมาจากกรมทหารราบที่ 11 รอ. ที่ได้ร่วมกันเข่นฆ่าประชาชนในปี
52 – 53 ที่แล้วมา


สมัยบัง 3 จิ๋ม
มีการโกงกินในการจัดซื้อรถหุ้มเกราะมีความผิดปกติในการจัดซื้อรถยานเกราะล้อยาง
96 คันของกองทัพบก มีการใช้อภิสิทธิ์ของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
อดีตผบ.ทบ.และประธานคมช.
อีกทั้งสเป๊กรถทางสตง.คัดค้านว่าไม่ได้มาตรฐานโดยเฟสสองในปี 52-54
ใช้งบผูกพันอีก 121 คัน ราคา 5,000 ล้านบาท ใช้วิธีพิเศษคัดเลือกแก๊ง 3
ป.ออฟกลาโหม
สร้างความร่ำรวยมีเงินเข้ากระเป๋ากันแบบทั่วหน้าไม่ว่าจะเป็นประวิทย์ ประยุทธ
และอนุพงษ์ โดยการสั่งซื้อแต่ละอย่างแพงเกินจริง
ถึงแม้พรรคเพื่อไทยในสมัยนั้นจะอภิปรายในการจัดซื้ออาวุธของกองทัพที่ไม่ชอบมาพากล
แต่กรรมาธิการงบประมาณไม่สนใจ เช่น การจัดซื้อเรือเหาะมูลค่า 304 ล้านบาท
เบิกจ่ายงบไปแล้ว 100%
ทั้งที่สินค้าไม่มีคุณภาพอุปกรณ์ควบคู่ไม่สามารถใช้งานได้ที่สุดจอดทิ้งไว้จนผ้าใบเสื่อมสภาพและกำลังจัดซื้อผ้าใบมาปะผุ
กองทัพระบุราคาเรือเหาะกับเครื่องไม่รวมกล้อง 102 ล้านบาท
แต่ตรวจสอบกับศุลกากรราคา 50
ล้านบาทและต้องสั่งจำหน่ายออกในนามนายกเหล่ทรราชในเวลานี้
เนื่องจากทนเสียงสาปแช่งด่าของประชาชนที่เห็นกองทัพทรราชโกงกินไม่ไหว
เช่นเดียวกับการจัดซื้อเครื่องบินกริฟเพนจากสวีเดนมูลค่า 1.9
หมื่นล้านบาทไม่รวมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ควบคู่ เช่น จรวดราคา 20 ล้านบาทต่อชิ้น
กระสุนซ้อมยิงมูลค่า 4 พันบาทต่อนัด ซึ่งทอ.ต้องใช้ปีละ 5 หมื่นนัด
ส่วนการซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครนจ่ายเงินไปแล้วกว่า 500
ล้านบาทแต่ยังไม่เห็นรถสักคัน การจัดซื้อชุดปราบจลาจล 66
ล้านบาทจากอินโดนีเซีย ราคาต่อชุด 1.3-1.6 หมื่นบาท ทั้งๆ
ที่ไทยผลิตได้เองในราคา 9 พันบาทต่อชุดเท่านั้น
นั่นคือความอัปยศอดสูของกองทัพที่ได้โกงกินจากรุ่นสู่รุ่นไว้กับแผ่นดิน


ให้จับตา "บิ๊กป้อม" ถึงแม้จะมีข่าวว่าเป็น รมต.กระทรวงกลาโหม
เพราะยังค้างคาเรื่องการโกงกินในการจัดซื้อรถเกราะล้อยางจากยูเครนเกรงว่าพล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม
ต้องติดคุกตอนแก่หรือไม่ก็ถูกประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศกระทืบตาย



Tuesday, May 26, 2015

ผลงานของ ประยุทธ์ และ คสช.​ที่ต้องบันทึกไว้... (ภาคภาษาอีสาน)

ประยุทธ์ ชนะ ทักษิณ แน่นอนฟันธง โดย ต้าร์ เสรีชนคนอีสาน (ภาษาอีสาน)***ประยุทธ์สวนทักษิณ ยังไงผมก็ชนะเขาอยู่แล้วตอนนี...

Posted by Wanchalearm Satsaksit on Tuesday, May 26, 2015

Sunday, May 3, 2015

หลักฐานชัด!! ประยุทธ์​ คสช.​และแก็งค์สามานย์ มาเพื่องาบประเทศจริง!!

หลักฐานชัด!! ประยุทธ์​ คสช.​และแก็งค์สามานย์ มาเพื่องาบประเทศจริง!!
มีการบรรยายไว้ชัดเจนแล้ว ลองพิจารณาครับ



6 hrs · 
Thaiboggynews's photo.
หลังจากที่ประยุทธบริหารประเทศชาติ
1. ทำให้ส่งออกถดถอยจนอาจติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์
2. ทำให้เม็ดเงินโครงการใหม่ๆของ BOI เหลือน้อยเพราะไม่มีต่างชาติมาขอการส่งเสริมการลงทุน
3. ทำให้รัฐบาลถังแตกอย่างที่ไม่เคยเกิดมานานแสนนาน
4. ทำให้ต้องรีดภาษีเดือดร้อนประชาชนทุกหย่อมหญ้า
สรุปได้ว่า รัฐบาลถังแตกไม่มีคนคบค้าสมาคมเลยหาเงินด้วยการขึ้นภาษี
แต่ความจังไรไม่จบเพียงแค่นี้!! เราดูงบประมาณปี 59 ที่ตั้งไว้กัน!!
=========================================
ล่าสุดมีข่าวว่างบประมาณปี 59 จะทำแบบ "ขาดดุล"
โดยให้งบจัดซื้ออาวุธสูงสุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย!!
หรืออย่างน้อยก็ 1 ทศวรรต (เราเคยซื้อเกิน 2แสนล้านด้วยหรอ?)
"ระดับ 2 แสนล้านกว่าบาท!!!"
เชรดเข้!!!! ไม่ซื้ออาวุธสักปีนึงจะตายไหมวะครับ !!
ถ้าจะซื้ออาวุธขนาดนี้มารบกับเพื่อนบ้านก็ไม่ต้องนะครับ
เดียวนี้เค้ารบกันด้วยเงินทองกันแล้ว
ถ้าจะซื้อมายิงประชาชนคนไทยด้วยกันเอง
ก็ไม่ต้องซื้อของแพงๆ ยิงไม่กี่นัด กระทืบสักสองสามทีพวกผมก็ตายแล้ว
========================================
"และงบฯกองทัพ ซึ่งแฝงตัวอยู่ในงบฯกระทรวงกลาโหมก็ถูกประทับตราให้ผ่าน และได้รับวงเงินสูงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยมากถึง 207,718.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี′58 จำนวน 14,769 ล้านบาท "
หยุดดัดจริตประเทศไทย
======================================

คำต่อคำ ผู้นำโจรกบฏ 1 พฤษภาคม 2558



คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 1 พฤษภาคม 2558
       
       สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน ก่อนอื่นในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทยทุกคน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเพื่อนชาวเนปาล และผู้ได้รับการสูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วันที่ 25 เมษายน 2558 เวลาประมาณ 13.11 น. ตามเวลาในประเทศไทย เป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี ของเนปาล ทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินประเมินค่ามิได้
       
       ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว โดยพระราชทานเงินจำนวน 10 ล้านบาท ในการช่วยเหลือดังกล่าวนั้น ในเบื้องต้นทางรัฐบาลก็ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่รัฐบาลเนปาลไปแล้ว ภายหลังจากทราบข่าว เราได้ช่วยครั้งแรกเป็นจำนวน 2 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 ล้านบาท ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 26 หนังสือแสดงความเสียใจก็ทำไปแล้ว และขณะนี้กำลังรวบรวมความช่วยเหลือต่างๆ บางอย่างก็ส่งไปบ้างแล้ว กำลังรวบรวมที่ประชาชนคนไทยได้ร่วมมือกันเสียสละ เพื่อจะช่วยเหลือเนปาลในระยะต่อไป และเป็นสิ่งที่น่ายินดี เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานความช่วยเหลือดังกล่าวให้กับรัฐบาลมอบให้กับรัฐบาลเนปาล
       
       ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจากงบกลาง เป็นเงิน 100 ล้านบาท ไว้ก่อน ก้อนนี้เป็นสำหรับในเรื่องของการขนส่ง การจัดส่งหมอ อะไรต่างๆ ในระยะแรกไป ที่เราไปแล้ว 1 เที่ยว และกำลังจะไปด้วยสายการบินปกติ และจะไปด้วย ซี-130 ด้วย เตรียมของให้พร้อมมากขึ้น อาหารการกิน ที่หลับที่นอน น้ำ อาหารสำเร็จรูป เพราะปัญหามากขณะนี้ ทุกคนระดมกันเต็มที่
       
       สำหรับการช่วยเหลือของเราอาจจะไม่มากนัก แต่ก็เป็นความจริงใจของรัฐบาลไทยและพี่น้องประชาชนคนไทย ที่ร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือกับประเทศเนปาล เพราะเราก็คือครอบครัวเดียวกัน บ้านเมืองก็ไม่ได้ห่างไกลกันมากนัก และหลายอย่างก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว และผมได้มีโอกาสพบกับท่านรัฐมนตรีเนปาลเมื่อการประชุมที่ผ่านมา ที่อินโดนีเซีย ก็ยังคุยกันอยู่เลยว่าเราจะมาร่วมมืออะไรกันให้มากขึ้นมั้ย อะไร ยังไง ก็กะว่าจะมาคุยกัน แต่เกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน ก็ไม่เป็นไร ผมได้บอกกับทูตเนปาลไว้แล้วว่า เราในฐานะเป็นอาเซียน ฐานะเป็นประเทศที่อยู่ทางด้านซีกนี้ด้วยกัน เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนะครับ และเราเป็นพันธมิตรที่ดีกันมาโดยตลอด ในด้านอื่นๆ นั้น ผมจะเพิ่มเติมให้ไปเป็นระยะที่มันต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม อาหาร เต็นท์ที่พักอาศัย ยารักษาโรค อุปกรณ์ปฐมพยาบาล น้ำดื่ม อุปกรณ์ทางการแพทย์ พยาบาล ช่างเทคนิค เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ทีมพิสูจน์หลักฐาน ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และทีมสุนัขค้นหาอีกด้วย จะได้ค้นหาผู้รอดชีวิต หรือพิสูจน์อะไรก็แล้วแต่ ก็เร่งดำเนินการเพราะเราเป็นแกนนำในการบรรเทาภัยพิบัติอยู่แล้ว เราได้มีการฝึกมาอย่างต่อเนื่อง หลายประเทศก็ฝึกกับเรานะครับ
       
       เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ก็ได้นำทีมแพทย์ของเราไปตั้งโรงพยาบาลสนาม และศูนย์ประสานงานทางด้านการแพทย์ รัฐบาลกำลังเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ไปเพิ่มเติมในการพิสูจน์เอกลักษณ์ การช่วยเหลือชาวเนปาลนั้น ส่วนหนึ่งและคนไทยที่อยู่ในเนปาลอีกส่วนหนึ่ง ตั้งแต่วันแรกจะตั้งศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือ สถานทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุในศูนย์นี้ช่วยเหลือคนไทยในเนปาล บูรณาการให้ที่พักอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ เพื่อจะบูรณาการให้ได้ ในขณะนี้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด จนกระทั่งสามารถเอาคนไทยกลับมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว เหลือบางส่วนที่จะทยอยออกมา อันนี้เป็นสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมการไว้พร้อม ขอชื่นชมด้วยกับกระทรวงอื่นๆ พอสั่งไปอนุมัติใน ครม.ทุกอย่างก็เดินหน้าได้เลย ผมก็ไม่อยู่ด้วยซ้ำไป ผมไปประชุมที่ต่างประเทศ ในวันนั้นโทรศัพท์คุยกันกับท่านรองนายกฯ หรือคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ทุกคนพร้อมหมด ผมก็อนุมัติในหลักการ จนสามารถดำเนินการได้โดยทันที
       
       การบริจาคมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเราให้ไปแล้วใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะเพิ่มเติมขณะนี้มีของกระทรวงมหาดไทย ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศทุกจังหวัด หน่วยทหารต่างๆ ก็ได้นะครับ ระบุให้ชัดเจน ลงนามหลักฐานให้ชัดเจน จะได้ไม่รั่วไหล อันที่ 2 คือบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ บัญชีหัวใจไทยส่งไปเนปาล รัฐบาลได้เปิดบัญชีไว้แล้วกับธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล หมายเลขบัญชี 067-0-10330-6
       
       ทั้งนี้ ผู้บริจาคสามารถนำหนังสือการรับเงินบริจาคที่ออกให้ หรือใบโอนเงินสลิปของธนาคารที่บริจาคมาเป็นหลักฐาน ในการลดหย่อนภาษีเงินได้ ในบัญชีนี้เท่านั้นที่จะลดให้ของรัฐบาลช่องทางนี้
       
       นอกจากนั้น ทางเอกชน เช่น เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา ให้ความร่วมมือรับบริจาคเงิน เพื่อส่งต่อไปทางรัฐบาล ล่าสุด ทราบว่ามียอดเงินบริจาคทั้ง 2 ช่องทาง วันที่ 18 เมษาฯ จำนวน 55,950,000 บาท ที่เหลือจะมีอีกมากมาย ยังไม่สามารถรวม อันนี้เฉพาะเท่าที่มีตัวเงิน ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ - เอกชน ที่ร่วมแสดงน้ำใจ คนไทยเราไม่เคยแพ้ชาติใดในโลก วันนี้เพื่อนเราลำบากมา เราต้องดูแลเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข เป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จริงใจต่อกันอย่างแท้จริงนะครับ
       
       สำหรับในเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธานการประชุม เป็นการประสานความร่วมมือกับประชาคมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความร่วมมือของอาเซียนในด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ให้เกิดขึ้นให้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่านับวันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีความสำคัญมากขึ้นบนเวทีโลก เสียงเราจะดังขึ้น ถ้าเรารวมกันได้ มันจะเสียงดังเพราะคนเยอะ ประมาณการค้าการลงทุนจะเยอะมาก เศรษฐกิจจะดีขึ้น วันนี้เราต้องเร่งทั้งการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน
       
       ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร เศรษฐกิจประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ยังอ่อนแออยู่พอสมควร ถึงแม้จะดีขึ้นก็อย่างช้าๆ เราต้องหันหน้ากระชับและสร้างความสำคัญให้กับการค้าระหว่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน มิตรประเทศใกล้ก่อน ต่างประเทศไกลๆ ก็คงทำต่อ จากตลาดบนที่มันอาจเกิดความต้องการเขาแล้ว เราต้องมาเจาะตลาดล่างหรือประเทศอื่นๆ ประเทศเล็กๆ อะไรต่างๆ ก็ต้องเจาะหมดเลย ความร่วมมือต่างๆ มีหมดทุกภูมิภาค ให้ทุกกระทรวงเดินหน้าไปแล้ว กระทรวงการต่างประเทศก็วันนี้ก็ต้องไปเป็นเชิงรุก ต้องรู้ทุกเรื่องเหมือนกัน ไปบอกเขาว่าเรามีอะไร เขามีอะไร จะเชื่อมกันตรงไหนได้ ถ้าเรารวมกันได้ในอาเซียน 625 ล้านนะครับ วันนี้ประเทศไทยส่งออกไปขายประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ ในสัดส่วนร้อยละ 26 นะ ถือว่าเยอะนะ 26 ใน 9 ประเทศ เพราะฉะนั้นมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของเราถ้าเราสามารถเพิ่มสัดส่วนการส่งออกระหว่างกันได้มากขึ้น ให้เขาด้วย ไม่งั้นมันเกิดการขาดดุลการค้าระหว่างกันมากมันก็ทำให้ประเทศที่จะต้องพัฒนามากต้องถอยหลังอีก
       
       วันนี้เราบอกกติกาแล้วว่าเราต้องเดินไปพร้อมๆ กัน สนับสนุนเพื่อนให้แข็งแกร่งด้วยกัน ถ้าเราแข็งแกร่ง ทุกประเทศในอาเซียนเรา จะทำให้อาเซียนเข้มแข็งไปด้วย เราจะได้มีเสียงดัง เพราะฉะนั้นในสัปดาห์นี้ วันที่ 26 และ 28 เมษายนนี้ ผมได้ประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย เป็นการแสดงของคณะมีเป้าหมายเพื่อเชิดชูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในทุกมิติ ภายใต้หัวข้อ ประชาชนของเรา ประชาคมของเรา วิสัยทัศน์ของเรา (คือของอาเซียน) หารือหลายเรื่อง เช่น การทบทวนพัฒนาการการสร้างประชาคมอาเซียน เร่งรัดการจัดตั้งให้ได้โดยเร็ว ภายในปี 58 นี้ และจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน หลังจากปี 58 ต่อไป เท่าที่เราเดินก็ 20 ปีแล้ว ก็ต้องวาง 10 ปี 20 ปีต่อไป หลังปี 58 และเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลไกอาเซียน คณะทำงานต่างๆ ทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำต่อผู้นำ ผมได้มีการพบปะพูดคุยกับหลายท่าน ทุกประเทศก็พร้อมจะร่วมมือกับไทยทุกประเทศ ยืนยัน
       
       ในเรื่องของการสร้างความใกล้ชิดระหว่างอาเซียนกับประชาชน อันนี้ก็มีความสำคัญ ให้ประชาชนได้รู้ว่าประโยชน์ของการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน หรือการก้าวเข้าสู่การเป็นเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นอย่างไร เขาจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ต้องให้เขารู้ เข้าใจ ทั้งธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ การค้า การลงทุน ความเป็นอยู่อะไรต่างๆ เขาจะดีขึ้นมาด้วยตรงนี้ ตัวเองก็ต้องพัฒนา รัฐก็ต้องอำนวยความสะดวก ในระยะแรก รัฐก็ต้องมากหน่อย วันหน้าเอกชนก็ร่วมมากๆ เข้า ทุกคนก็จะเร็วขึ้น
       
       การประชุมครั้งนี้ได้พบปะ อย่างที่เรียนไปแล้ว ทั้งผู้นำประเทศสมาชิกทุกประเทศ ผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนเยาวชนอาเซียน ได้มีการแลกเปลี่ยนแนวคิด มุมมองหลายเรื่อง ผมได้พูดถึงการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งได้โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ประชาชนเป็นศูนย์กลางก็คือ ให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด รัฐก็ต้องอำนวยความสะดวก หาวิถีทางต่างๆ ทำให้ได้ บางอย่างเราก็จำเป็นต้องให้เอกชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด วันนี้เราก็ต้องแก้ไขเรื่องกฎกติกาที่ยังไม่ทันสมัย ไม่เป็นธรรม รวมความไปถึงเรื่องการให้ประชาคมอาเซียนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้มีรายได้น้อยด้วย ผู้ด้อยโอกาส ผมได้เสนอไปในที่ประชุมด้วย เราต้องดูแลคนเหล่านี้ด้วย ให้ได้รับประโยชน์ อย่ามองเรื่องการค้าขายกลางหรือใหญ่อย่างเดียว เพราะมันอยู่ได้ด้วยประชาชนข้างล่าง ประเทศเราเป็นประเทศที่รายได้ไม่มากนัก กลุ่มอาเซียนด้วยกัน
       
       การเป็นประชาคมอาเซียนนั้น เราได้หารือกันถึงแนวทางต่างๆ กับผู้แทนภาคธุรกิจด้วย แนวทางจะทำอย่างไรให้เรามีบทบาทสำคัญในเวทีโลกมากขึ้น รัฐบาลก็จะสนับสนุนให้ภาคประชาชนใช้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มที่ รัฐบาลไทยก็พร้อมจะอำนวยความสะดวก การค้าการลงทุน ดำเนินการไปหลายเรื่องแล้ว การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน การปรับปรุงด่านศุลกากรต่างๆ ลดขั้นตอนพิธีการศุลกากร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ก็เป็นระยะที่เราทำต่อเนื่องมา วันนี้ก็ต้องเร่งให้เร็ว เพราะสิ้นปีนี้ก็ต้องเริ่มแล้ว เรามีความพร้อมสัก 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ แล้ว ตั้งแต่เราเข้ามา ก็เร่งเต็มที่เลย วันนี้ก็ต้องเพิ่มขีดความสามารถให้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันกับการแข่งขัน จริงๆ แล้วผมไม่อยากใช้คำว่าแข่งขันอย่างเดียวนะ น่าจะเป็น Partnership คือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกันดีกว่า ในอาเซียน ถ้าเราเอาประโยชน์มากๆ เขาก็อาจจะไม่ร่วมมือมากนัก ก็แข่งกันไป ราคาสินค้ามันก็ถูกลงไป ตัดราคากันเองไม่ได้ ผมคุยกับทุกประเทศไปแล้ว ก็เห็นด้วยกัน ว่าประเทศไหนถนัดทางไหน อะไรทางไหน ถ้ามันเหมือนกันก็จะปรับสัดส่วนกันได้มั้ย อย่าไปลดราคากันเลย อะไรที่จะร่วมทุนกันได้ก็ร่วมกันไป แบ่งปันผลประโยชน์
       
       อีกอันหนึ่งก็คือว่า ผมเสนอว่าเราควรจะต้องพัฒนาตราสินค้าอาเซียน (ASEAN Brand) สำคัญนะครับ มันจะได้เป็นหน้าเป็นตา และทำให้เราถูกมองเห็นในสังคมโลก ที่ผ่านมาเขาหาว่าเราไม่พัฒนา ไม่เข้มแข็ง เทคโนโลยีไม่พอ อะไรต่างๆ ถ้าเราทำมาตรฐานนี้ได้ ในเรื่องของอาหารเป็นหลักเสียก่อน เราจะได้รับการยอมรับมากขึ้น วันนี้หลายอย่างเราจะส่งไปต่างประเทศก็มีปัญหาอีก นี่ผมกำลังเร่งรัดสมาคมต่างๆ ผู้ตรวจ ผู้รับรองต่างๆ ในเรื่องของการรับรองมาตรฐาน ต้องเร่งรัด วันนี้หลายประเทศสนใจผลไม้ ปรากฏว่าใบรับรองมาตรฐานยังไม่เรียบร้อย ผมขอเขาแทบตาย เร่งนะครับ ผมบอกทางโทรทัศน์นี่ล่ะ ทำให้เร็วนะครับ ผลไม้ หรือผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ อะไรก็แล้วแต่ ที่เราขายเพิ่มได้ ทดแทนข้าวบ้าง ทดแทนยางบ้าง เขาพร้อมซื้อเรา แต่มาตรฐานเรารับรองยังไม่ได้ รีบไปทำนะ เร็วๆ ด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องส่งเสริมให้ได้ ให้อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของเรา ส่วนหนึ่ง คงไม่ใช่ทั้งหมด ทั้งประเทศไม่ได้ แต่เราจะต้องสร้างทายาท หรือสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า Smart Farmer ส่งเสริม สร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ด้วย ที่มีส่วนร่วมในการบริหารกิจการต่างๆ ของครอบครัว คนรุ่นต่อไป เพราะฉะนั้นผมคิดว่าต้องเจอกันตั้งแต่วันนี้ การพบปะของประชาชนคงไม่ใช่เฉพาะมาคุยกันทั่วไป ไม่ใช่ อาจจะจัดเป็นกลุ่มก็ได้ เป็นอาชีพก็ได้ หรือให้มันเป็นภาคก็ได้ ภาคธุรกิจ ภาคเกษตร เพื่อจะรู้จักในวันนี้ เถ้าแก่วันนี้ก็คือพ่อแม่ วันหน้าก็คือลูกหลาน โตมาก็ต้องเป็นเถ้าแก่ตามกันนั่นล่ะ เรียกว่าสร้างเถ้าแก่ใหม่ตั้งแต่วันนี้ แล้ววันหน้าจะได้รู้จักกัน จะได้ไม่แข่งขันกตัดราคากัน ถือว่าเป็นสมาชิกร่วมกัน ในครอบครัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นจะทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
       
       ในส่วนของการเจริญเติบโตไปด้วยกันนั้น ผมได้หารือทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศ เช่น ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ก็มีความเห็นตรงกันว่าเราจะต้องผลักดันความร่วมมือระหว่างกันให้เป็นรูปธรรมให้มากขึ้น ผมได้เรียนกับผู้นำว่า ผมจะสั่งของผม ท่านก็ไปสั่งของท่าน รัฐบาลก็ต้องไปอำนวยความสะดวก เอกชนก็ไปเดินหน้า ตกลงกันอย่างนี้ ของเราผมเร่งให้ทุกวัน บางอันเรายังไม่ค่อยพร้อมเท่าไร แต่ผมเร่งให้พร้อมด้วย เราต้องพร้อมด้วย และต่างชาติเขาต้องพร้อมด้วย มันจะได้เจอกันได้ และขายให้ได้กันซักทีพูดกันมานานแล้ว

       
       ด้านการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน การร่วมมือแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ได้เชิญชวนมา ต่างคนต่างชวนนะครับ มาร่วมลงทุนในแต่ละประเทศ โครงการพัฒนาต่างๆ เราไปเขา เขามาเรา คงสร้างพื้นฐานของประเทศ เราต้องบูรณาการการเชื่อมโยง โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ก่อนกลับมาเมืองไทยนั้น ผมได้ร่วมการประชุมระดับผู้นำนะครับ กรอบความร่วมมือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย IMT - GT ครั้งที่ 9 ได้พูดคุยกันถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ 5 ปี 55 - 58 เช่น ในเรื่องของการเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งระหว่าง 3 ประเทศ ทางบก ทางทะเล ทางอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการค้าระหว่างกัน
       
       2. คือ การพัฒนาพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 ประเทศ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน หรืออื่นๆ ด้วย และประสานความร่วมมือในเรื่องของการสร้างตลาดยางพาราร่วมกัน พัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันให้ทัดเทียม และมีเรื่องรับเบอร์ซิตีด้วย ของเราก็สงขลา ของเขาก็ในฝั่งตรงข้ามเรานั่นแหละ
       
       เพราะฉะนั้นความร่วมมือในด้านการตรวจรับรอง กำหนดมาตรฐานสินค้าฮาลาล อันนี้สำคัญสินค้าฮาลาลเรามีขีดความสามารถสูง แต่เราก็ไปร่วมมือกับประเทศที่เขามีเศรษฐกิจด้านนี้ที่เขาเข้มแข็งกว่าเรา ในลักษณะเป็นพันธมิตรแล้วกัน จะได้นำพาให้เศรษฐกิจประเทศไทยดีด้วย ทั้งคนไทย ทุกสิ่งก็ดีไปด้วยกันทั้งหมด
       
       เพราะฉะนั้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาคมโลก เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ตั้งแต่เราเข้ามา เราตระหนักดีว่า เราไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เราพยายามแสดงจุดยืนให้สังคมโลกเขาเห็นว่า เราจะใช้สติปัญญาของเราในขณะนี้เข้ามาบริหารประเทศด้วยความจำเป็น และสร้างความสงบเรียบร้อย สร้างความมีเสถียรภาพให้ได้เสียก่อน จากนั้นเราจะเอาแนวทางการปฏิบัติงานที่เคยปฏิบัติกันมาแล้วมาปรับปรุง มาประยุกต์ มาปฏิรูปมาทำใหม่ บูรณาการประสานงาน มันจะได้เร็วขึ้นเป็นรูปธรรมเสียที เราตั้งใจทำนะครับ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ครบจบหมด แต่ผมถือว่า ผมได้เริ่มทุกอย่างให้แล้ว บางอย่างก็เร็ว บางอย่างก็ช้า บางอย่างก็อยู่ระหว่างตัดสินใจกันอยู่ ที่เข้ามานี่ก็ปัญหาเยอะ เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก โลกก็แย่ ในไทยก็แย่ และรายได้เราก็ตกลง ตกลง 2 อย่างหลักๆ ก็คือ เรื่องสินค้าการเกษตร ส่งไป ราคามันตก สองก็คือ น้ำมันลด ลดแล้วภาษีน้ำมันเราก็ได้น้อยลงไง คือที่หนักที่สุดก็คือน้ำมัน เพราะน้ำมันเรานำเข้า ส่งออก มันเยอะทั้งคู่ คำว่าส่งออกคือน้ำมันที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งใช้ได้น้อย ที่เรากลั่น มันแยกไปหลายส่วนด้วยกัน อันไหนไม่ใช้ก็ส่งออก ที่ต้องใช้ในประเทศ ใช้หมด แล้วต้องซื้อมาเพิ่มอีก ฉะนั้นทั้งซื้อทั้งขาย มันเก็บภาษีไม่ได้ทั้งคู่ เพราะว่าราคามันลดลง ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย
       
       ในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ก็ยังมีเรื่องความมั่นคง การจัดระเบียบ ป่าไม้ อะไรต่างๆ มาตรฐานการบิน การค้ามนุษย์ การประมงผิดกฎหมาย การร่างรัฐธรรมนูญด้วย ทุกอย่างมันตีกันหมดตอนนี้ เพราะมันรื้อทั้งหมดไง ก็อย่าเอามาเป็นอารมณ์กันมากนักก็แล้วกัน สิ่งสำคัญวันนี้ผมอยากให้มองดูด้านเศรษฐกิจก่อนเป็นหลักนะ กับความมั่นคง อันนี้ต้องแก้ให้ได้ วันนี้ก็ได้มาเยอะพอสมควร แต่เศรษฐกิจ แน่นอนมันไม่เร็วนักหรอกครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับในประเทศ ต่างประเทศด้วย ภูมิภาคเราก็ด้วย ถ้าเข้มแข็งทั้งหมดมันแก้ได้หมดนะ ราคาน้ำมันก็สำคัญ ถ้าแพงไป สินค้าก็แพงขึ้น แต่มันก็เก็บเงินได้เยอะขึ้นนะ แต่ถ้ามันลดลง ประชาชนก็พอใจ แต่เศรษฐกิจมันตกลง ทำยังไง ก็กำลังหาทางอยู่ ไม่เคยหนีปัญหานะ รับฟังทุกที่ แล้วก็จัดการแก้ไข เร่งดำเนินการ ผมคิดว่าวิธีการแก้ปัญหาของเรานั้น มันคงไม่แตกต่างกับคนอื่นมากนักหรอกนะ เพียงแต่ว่าเราจะต้องทำให้มันเร็วขึ้น เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สร้างโครงสร้างต่างๆ ให้มันแข็งแรง พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ให้มันดีขึ้น ทันสมัยมากขึ้น สื่อสารอย่างต่อเนื่อง ลดความระแวง สงสัย การหวาดระแวงระหว่างกันของแต่ละประเทศให้มากที่สุด วันนี้ต่างไว้วางใจซึ่งกันและกัน และลดความหวาดระแวงของประชาชนของเรา กับรัฐบาลเราด้วย ขอให้มั่นใจว่าเราจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความจริงใจ โปร่งใส และเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ
       
       ในเรื่องของการรับวัฒนธรรมอันดีของไทยนั้น ยินดี ดีใจ พี่น้องให้ความสำคัญ ประเพณีวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ก็ไม่อยากให้เป็นกระแส ต้องการเห็นการรักความเป็นไทยสืบเนื่องต่อไปอีกนานเท่านั้น และมีความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์เฉพาะของชาติเหล่านั้น อาจจะมีการประยุกต์บ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไทยแท้ ต้องอย่าทิ้ง พื้นฐานของเรา ไม่ใช่เปลี่ยนไปจนหมดเลย มันไม่ใช่อ่ะ มองยังไงมันก็ไม่ใช่ไทย มันไปคล้ายๆ ผสมผเสยังไงพิกล ระมัดระวังหน่อยแล้วกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยๆ ทบทวนกันนิดหนึ่งว่าอะไรที่มันประยุกต์ไปมากๆ มันก็ไม่ใช่นะ เดี๋ยวมันจะไปเหมือนๆ กับคนโน้นคนนี้ มันก็จะทำให้การท่องเที่ยว ความประทับใจ ความน่าสนใจของเรา มันหายไป ก็อยากให้ซึมซับ โดยเฉพาะเด็กๆ เยาวชน ให้เขาภูมิใจในความเป็นคนไทย อย่าไปเลียนแบบมากนัก ตามโซเชียลมีเดีย ตามการสื่อสารทันสมัย เทคโนโลยีที่เราควบคุมไม่ได้ เขาพร้อมที่จะทำให้เราดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนของเรา ว่าจะใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์ยังไง ไม่ให้เกิดผลเสียกับตัวเอง กับครอบครัว กับประเทศชาติอย่างไร ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ทั้งหมดนะ จะทำให้การบริโภค การมาพักผ่อนท่องเที่ยวในประเทศเรา มากขึ้น มันก็จะช่วยให้มีธุรกิจที่มันต่อเนื่องกันมากขึ้น การค้า การบริการ ที่พักแรม อาหารการกิน ก็ดีหมด ต้องช่วยกันนะครับ เป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วย จะทำให้ทุกคนมีรายได้ในชุมชนต่างๆ และเผยแพร่สิ่งดีๆ ของเราไปทั่วโลกด้วย
       
       
ที่ผ่านมานั้น ผมคงไม่กล่าวว่าเป็นผลงานของรัฐบาลฝ่ายเดียว ทุกคนมีส่วนร่วม รัฐบาล ข้าราชการ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และประชาชน ทุกภาคส่วน ช่วยเรามาตลอดระยะเวลาของรัฐบาล 6 เดือนกว่าๆ แล้วก็รวมกับ คสช.มาเกือบปีแล้ว ทุกคนก็ช่วยกันเต็มที่ หยุด เลือดไม่ไหลอีก แล้วก็เติมน้ำเกลือ เติมอะไรกันอยู่ มันก็เริ่มแข็งแรงขึ้นมาเรื่อยๆ แต่จะให้ทันใจไปวิ่งเลยทันที มันไม่ได้ เพราะมันนอนซมมานานแล้ว เพราะฉะนั้นช่วยกันบอกต่อเรื่องดีๆ นะครับ ฟังบ้างว่ามีอะไรพัฒนาไปบ้าง อะไรที่เหมาะสม ถูกต้อง ท่านก็สนับสนุนเรา อะไรที่คิดว่ามันยังไม่ครบถ้วน ท่านก็เสนอมา บางอย่างมันต้องฟังเหตุฟังผลกัน ผมก็ไม่สามารถจะอธิบายทีละคนๆ ได้ ถ้าถามมาที่สำนักงานปลัดฯ ก็ถามมา มีปัญหาอะไรก็แจ้งมา ที่ศูนย์ดำรงธรรมก็เหมือนกัน ส่วนราชการทุกส่วนพร้อมตอบคำถามท่าน ไม่ได้ก็มาถามผมนี่ ตรงถึงผม วันนี้ก็รายงานทุกอาทิตย์ ทุกสัปดาห์

       
       อีกอันหนึ่งโครงการดีๆ สัปดาห์นี้ ก็คือโครงการ ณ สยาม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นให้เด็กๆ เยาวชน ได้มีพื้นที่แสดงความคิดสร้างสรรค์ แสดงความรู้ความสามารถ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเล่นดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรม ได้มีการเชิญศิลปินแห่งชาติมาบรรยายให้ความรู้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่สนใจ มีการจัดโครงการขึ้นที่ศูนย์การค้าสยามแสควร์ ในทุกวันอาทิตย์ ที่ 1 และที่ 3 ของเดือน และจะมีไปจนถึงเดือนมิถุนายน ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในสื่อออนไลน์ แล้วก็พาลูกหลานของท่านไปร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์กันเยอะๆ
       
       ลำดับต่อไป ก่อนที่ผมจะได้เชิญ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาพูดคุยกันทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนนั้น ผมก็อยากจะให้ทุกคนร่วมแสดงความยินดีให้กับน้องรัชนก หรือน้องเมย์ ที่เป็นแชมป์แบดมินตันเอเชีย อันนี้ต้องให้กำลังใจ ผมก็บอก พูดคุยกับทั้งผู้สนับสนุนและรัฐมนตรีด้วย ว่า เรามักจะ พอเด็กเราได้รางวัล ได้อะไรขึ้นมา ทุกคนก็คาดหวัง ทุกคนก็กดดัน จนเด็กเขาเรียกอะไร ทีมชาติมันเยอะๆ มันทำให้การเล่นกีฬาก็ดร็อปลง เพราะฉะนั้นต้องให้กำลังใจเขา เล่นให้เต็มที่อย่ากังวล ชนะก็ได้ แพ้ก็ไม่เป็นไร ซ้อมใหม่ ถ้าไปกดดันมากๆ คนไม่อยากเข้ามา เข้ามาถูกกดดัน หลายอย่างที่เราเสียหายไปบ้างแล้วเหมือนกัน กีฬาอื่นๆ ก็มี พอชนะโอ๋กันไปโอ๋กันมา พอแพ้ทิ้งเลย อย่างนี้ไม่ได้ แต่แก้เขาด้วยทักษะการกีฬาไหม ต้องเอาโค้ชมาเพิ่มเติมไหม นี่ต้องทำให้หมด วันนี้ต้องมีนักกีฬา 2 ประเภท ประเภทหนึ่งคือ สมาคมไปคัดมา
       
       อันที่ 2 ช้างเผือกไปส่งเขามาจากต่างจังหวัด มาแล้วแข่งข้างในกันอีกที มันถึงจะได้นักกีฬาตัวจริง ตัวสำรอง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวกลายเป็นเอาแต่พวกๆ อีก ผมสั่งรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาไปแล้วนะครับ ในต่อไปนี้คงเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ เดี๋ยวท่านรองคงมีอะไรเล่าให้ฟังเยอะแยะไป ท่านก็ทำหลายอย่าง ทุกรองนายกฯ ท่านทำทุกฝ่าย 5 ฝ่ายด้วยกัน ช่วยผมมาทุกคนทุกท่าน ไปดูการขับเคลื่อนในรัฐมนตรีทุกกระทรวง และข้าราชการทุกกระทรวง แน่นอนมันยังไม่ 100% แน่นอนมันมีปัญหา แน่นอนต้องมีคนไม่เห็นด้วย แต่ให้ท่านดูความตั้งใจของผมแล้วกัน ตั้งใจของรัฐบาลเราว่า ตั้งใจแค่ไหน แล้วเราพูดมันเกี่ยวข้องกับคนใดบ้าง
       
       เพราะฉะนั้นเกี่ยวข้องกับคนทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ไม่ว่าจะรวยมากรวยน้อย มีส่วนร่วมทั้งสิ้นในตรงนี้ ที่จะขับเคลื่อนประเทศชาตินะครับ รวมไปถึงเอกชนที่อยู่ต่างประเทศ คนไทยต่างประเทศด้วย ผมไปต่างประเทศชื่นใจ ทุกคนมาทักทาย ทุกคนมาให้กำลังใจผมหมด ฝากประเทศไทยไว้กับผม ผมน้ำตาจะไหลเหมือนกันนะบางที กดดันผมเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร ผมจะทำให้ทุกคน ขอให้รักกันนะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
       
       พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
       
       สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน รัฐบาลโดยฝ่ายต่างประเทศ และกิจการอื่นๆ โดยมีผมเป็นรัฐมนตรีว่าการ นะครับ และมีท่านรัฐมนตรีช่วยฯ ดอน ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วย และอีกตำแหน่งหนึ่งของท่านเป็นประธานอนุกรรมการด้านกฎหมายและประชาสัมพันธ์ในเรื่องการต่อต้านการค้ามนุษย์ และประมงผิดกฎหมาย สำหรับด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ท่านรัฐมนตรีกอบกาญจน์ ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการนะครับ สำหรับด้านวัฒนธรรม มีท่านรัฐมนตรีวีระ เป็นรัฐมนตรีว่าการ
       
       สำหรับในงานของกระทรวงต่างประเทศ แนวทางในการดำเนินงานของกระทรวงฯ เรายึดนโยบายรัฐบาล โดยถือหลักว่า การดำเนินการของเราจะต้องเป็นไปอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของประเทศไทย และประชาชนไทย เหตุผลของความสำเร็จ เรามาจาก 3 เหตุผล เหตุผลแรกคือ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ท่านให้นโยบายที่ชัดเจน และท่านให้การสนับสนุน รวมทั้งตัวท่านเองไปช่วยเราในการพบปะหารือ และร่วมแสดงกิจกรรมต่างๆ ในเวทีนานาชาติ ซึ่งเป็นที่ยอมรับ และสำหรับผมถือว่า ท่านโดดเด่น
       
       สำหรับเรื่องที่ 2 ความเป็นหนึ่งเดียวของกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคส่วน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ถือว่าทำงานให้ประเทศไทย
       
       อันที่ 3 คือความมุ่งมั่น ความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ทำงานอย่างไม่เห็นกับเหน็ดเหนื่อย ไม่คำนึงถึงวันหยุด และเวลา เพราะฉะนั้นทุกคนทำงานอย่างต่อเนื่อง
       
       สำหรับที่สำคัญในความคิดผม และงานของกระทรวงการต่างประเทศสำเร็จ อันนี้ได้มาจากพี่น้องประชาชน และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ร่วมปฏิบัติจนทำให้เราสามารถทำงานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพ
       
       สำหรับงานในหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ จริงๆ เราเกี่ยวพันกับทุกกระทรวง เราเป็นด่านหน้าจะต้องไปพบปะคุยแลกเปลี่ยน และสร้างความเข้าใจ ในจุดนี้ถ้าจะเรียนเพื่อทราบจริงๆ อาจจะใช้เวลามากนะครับ ซึ่งกระผมอาจจะขอสรุปสั้นๆ ในประเด็นที่น่าจะคิดว่า ทุกท่านน่าจะสนใจในขณะนี้
       
       ประเด็นแรกเรื่อง การดำเนินการด้านการทูตเพื่อประชาชน การช่วยเหลือประชาชนในต่างแดนถือว่าเป็นความเร่งด่วนลำดับหนึ่ง ไม่ว่าคนไทยจะตกทุกข์ได้ยากอยู่ที่ไหน เราถือว่าทุกท่านเป็นคนไทย เราต้องช่วยเหลือให้ดีที่สุด ฉะนั้นเพื่อให้งานเราสะดวก ถ้าใครมีเบาะแสแจ้งมาที่เรา เรายินดีที่จะทำเลย ในที่ผ่านมายกตัวอย่างเช่น ลูกเรือประมงถูกจับที่อินโดเซีย โดนจับไปแล้วเกือบ 5 ปีนะครับ 5 คน สุดท้ายที่มีอยู่เราเอากลับมาได้อย่างเรียบร้อยปลอดภัย และรัฐบาลยังตามช่วยเหลือหาอาชีพจนกว่าเขาจะช่วยตัวเองได้ ลูกเรือที่ ต.เบนจินา ขณะนี้ปัจจุบันเราเอากลับมาได้ 200 กว่าคน และข่าวดีที่มีความคืบหน้ามากขึ้น เรามีความร่วมมือที่ดีกับอินโดนีเซีย
       
       เพราะฉะนั้นคนที่เหลือเราจะดำเนินการเอากลับมา รวมทั้งเรือที่ยังอยู่ที่นั่นด้วย แต่ตรงนี้เราจะขออนุญาตดำเนินการในลักษณะที่ไม่ประชาสัมพันธ์นะครับ
       
       สำหรับเรื่องการอพยพคนไทยในพื้นที่สู้รบในลิเบีย ในเยเมน เราดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็ว และอยากเรียนด้วยว่า เราร่วมมือกับเพื่อนเราในอาเซียน ของใครอยู่ตรงไหนช่วยกันเอากลับมา และมีการติดต่อกันถือว่าเป็นปึกแผ่น เราก็เอากลับมาได้ ทุกคน เว้นท่านที่ยังสมัครใจไม่ยอมกลับ เราก็พยายามชักชวนให้กลับ ในขณะนี้มีการติดต่อและพร้อมที่จะอพยพ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่มันเลวร้ายไปกว่านี้
       
       สำหรับเรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในขั้นต้นเราได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อแก้ปัญหาไปจำนวน 6 ล้านบาท ในนามของรัฐบาล และเราได้ส่งชุดกู้ภัย ชุดแพทย์สนาม สิ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นผ้า เต็นท์ อาหาร ยารักษาโรค และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สถานทูตที่กาฐมาณฑุได้เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่ต้นนะครับ โดยมีศูนย์ควบคุมบัญชาการอยู่ที่กรุงเทพฯ และการดำเนินการต่างๆ เป็นไปด้วยดี รวมทั้งเครื่องบินที่ไปส่งเจ้าหน้าที่ เราเอาคนไทยกลับมาด้วย รวมทั้งการบินไทยได้ไปลงรับคนไทยด้วย ตอนนี้เรารับคนไทยมาทั้งสิ้น 161 คนแล้ว ส่วนที่เหลือยังอยู่ในสถานทูตก็ดูแล มาพักพิงที่ในสถานทูต ส่วนใหญ่ที่ยังไม่กลับ เนื่องจากว่าเป็นทูต คนที่พักอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ว่าเรายังพยายามสืบหาอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะส่งความช่วยเหลือไป ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ ซึ่งไม่อย่างนั้นจะเป็นการซ้ำซ้อน ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
       
       สำหรับการประชุมที่สำคัญ เช่น เอเชีย - แอฟริกา ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นการประชุมครบรอบ 60 ปี ถือว่ามีความสำคัญ ประเทศไทยเราไปร่วมประชุมตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งตรงนี้มีผู้เกี่ยวข้องถึง 115 ประเทศ รวมทั้งการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ ตรงนี้ต้องชื่นชมท่านนายกฯ ว่าท่านแสดงบทบาทได้โดดเด่น และเป็นที่ยอมรับ หลายอย่างที่ท่านได้ให้ปาฐกถา ให้แนวคิดในการบรรยาย ขอเอาไปใช้ เช่น การให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง การดูแลเกษตรกร การไม่ให้มีความเหลื่อมล้ำ ขจัดความยากจน ซึ่งเป็นแนว เป็นนโยบายที่ประเทศไทย รัฐบาลไทยทำอยู่
       
       สำหรับอีกเรื่องที่เป็นที่น่ายินดี ก็คือ มิตรประเทศและผู้นำ ทั้งในระดับผู้นำ ระดับรัฐมนตรี มาเยือนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อจากนี้ไปก็จะมีเป็นสเตป เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ถือว่า เป็นทางอ้อม คือเห็นว่าเรามั่นคง ผู้นำทุกคนท่านมา สิ่งหนึ่งที่เรายืนยันในเวทีโลกได้ก็คือการประชุมเรื่องการลดภัยพิบัติ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย กับผู้แทนของฟินแลนด์ ที่เจนีวา เราเป็นประธานร่วม เพื่อเตรียมการประชุมนี้มาปีกว่าแล้ว แล้วก็ไปจัดการประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ เป็นที่ยอมรับ และได้เชื่อถือ เพราะเลือกเราเป็นประธาน เราก็ได้รับคำชมเชยมา มีท่านนายกฯ มีท่านรัฐมนตรี มหาดไทย มีผมและผู้เกี่ยวข้องไปร่วม
       
       และในการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ และทีมประเทศไทย เป็นไปหนึ่งเดียว ร้องเพลงเดียวกัน ปัจจุบันนี้กำลังดำเนินการอยู่ เชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลก พร้อมกงสุลใหญ่ มาร่วมประชุม พร้อมหน่วยเกี่ยวข้อง จำนวน 150 ท่าน ซึ่งความรับผิดชอบที่เรามีความสัมพันธ์กับต่างประเทศ คือ 179 ประเทศ ตรงนี้เป็นประโยชน์ และท่านนายกฯ กรุณามาเปิดการประชุม มอบนโยบาย มีการแลกเปลี่ยน และในขณะเดียวกันมีท่านรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกท่านมาบรรยาย และนำสิ่งต่างๆ เพื่อเราจะเป็นทีมไทยแลนด์ที่ไปมุ่งสู่ต่างประเทศ รวมทั้งในอนาคต ซึ่งขณะนี้เริ่มทำแล้ว กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตเรา ก็คือ One Stop Service ในต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้เราก็จะทำไปในทางเดียวกัน ก็ขอกราบเรียน รวมทั้งยืนยันด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะคนใน กต. และคนที่อยู่ภายใต้การกำกับของผม ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมที่จะปฏิบัติงานทุ่มเทเพื่อประโยชน์ เพื่อสิ่งที่ดี และเพื่อชื่อเสียงของประเทศชาติของเรา
       
       ต่อไป ขออนุญาตเรื่องค้ามนุษย์และประมงผิดกฎหมาย ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ ดอน ท่านเพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกา ท่านเดินทางไปพบปะคนหลายคน แลกเปลี่ยนหารือ สร้างความเข้าใจ สร้างความมั่นใจ เพื่อให้ทุกท่านได้กรุณาทราบ ก็ขออนุญาตให้ท่านได้เล่าให้ฟัง เชิญครับ
       
       ดอน ปรมัตถ์วินัย 
       
       สวัสดีครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้รับมอบหมายจากท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหนึ่งในภารกิจที่สำคัญ คือการชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในบ้านเรา ซึ่งโอกาสนั้นกลุ่มต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นทางภาคกระทรวงการต่างประเทศ ภาคสำนักงานสิทธิ หรือทางด้าน ส.ว. ส.ส. สหรัฐฯ รวมไปถึงภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ด้านนักวิชาการ และนักธุรกิจ ล้วนแล้วแต่ได้รับการชี้แจงในเรื่องที่เป็นพัฒนาการที่สำคัญในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญเป็นที่ยิ่งเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานี้ มีการปรับโครงสร้างโดยท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจอย่างยิ่งยวดกับการแก้ปัญหานี้ โดยถือว่าเป็นปัญหาการค้าทาส ที่ควรจะได้รับการกำจัดออกไปจากสังคมไทย จึงได้ทำหน้าที่เป็นประธานของคณะอำนวยการนโยบายแห่งชาติ โดยตัวท่านเอง และมีรองนายกรัฐมนตรีอีก 5 ท่าน ทำหน้าที่สนับสนุนในคณะกรรมการดังกล่าว กับทั้งมีอีก 5 คณะกรรมการ 5 อนุกรรมการ ที่ท่านรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่เป็นประธาน
       
       งานดังกล่าวนั้นได้รับความเอาใจใส่เป็นที่ยิ่ง จนกระทั่งถึงขั้นออกกฎหมายใหม่ และแก้ไขกฎหมายบางฉบับ เพื่อให้มีการดูแลเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างจริงจังกว่าทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา เช่น การออกกฎหมายประมง การแก้กฎหมายแรงงาน ที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ประมงและเกษตร การแก้ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งทำให้เกิดมาตรการใหม่ๆ ที่มีความหมายที่สะท้อนไปถึงความจริงจังของการปฏิบัติงานของภาคราชการของรัฐบาลนี้ เป็นต้นว่าการกำหนดโทษที่ชัดเจนรุนแรงมากขึ้น การควบคุมดูแลการเข้า - ออกของเรือประมง การดูแลสวัสดิการของชาวประมง สิ่งที่สำคัญที่สุดเรื่องการเอาใจใส่การดำเนินคดี การจับกุม และการป้องกัน ปกป้อง คุ้มครองเหยื่อ ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งเรื่องอย่างนี้ เมื่อได้รับการชี้แจงให้กับทางฝ่ายสหรัฐฯในทุกกลุ่ม ที่สนใจในเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าได้รับการตอบรับพอสมควรในที่นี้หมายความว่าเขาไม่ติดใจกับเรื่องความพยายามความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่สิ่งที่ยังอยู่ในข้อกังวลหลายๆ ฝ่าย ทั้งทางฝ่ายประชาสังคม คือ การดำเนินคดีกับคดีใหญ่ที่มีความสำคัญ เท่าที่ผ่านมายังมองเห็นว่าประเมินโดยทางฝ่ายสหรัฐฯ ว่าคดียังน้อยไปในแง่ของจำนวน
       
       ขณะเดียวกัน ปลาใหญ่ๆ คือผู้บงการที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายสำคัญ ไม่ได้รับการจับกุมและดำเนินคดีได้เพียงพอ และเป็นส่วนที่ฝากไว้ขอให้ประเทศไทยดำเนินการเรื่องนี้ให้ยิ่งยวดขึ้น ให้มีผลที่สามารถจะบอกต่อให้ทุกฝ่ายได้รับทราบถึงความตั้งใจจริง และการปฏิบัติที่บังเกิดผลได้อย่างจริงจัง เราได้เสริมให้ทางฝ่ายภาครัฐเข้าใจด้วย ว่าเป็นความตั้งใจอย่างยิ่งคนไทยที่ต้องการกำลังใจจากฝ่ายสหรัฐฯ ในการแก้ปัญหานี้ด้วยเช่นกัน และขอให้พิจารณาเรื่องความตั้งใจจริงเหล่านี้ในกรอบของการเป็นมิตรที่ดีที่มีมายาวนาน ประเทศไทยไม่ควรได้อยู่ในเทียร์ 3 ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ได้ส่งเป็นสัญญาณให้กับสหรัฐฯ ให้คำนึงถึงมิตรภาพกับประเทศไทยที่มีมายาวนาน สำหรับประชาชนชาวไทยหากร่วมมือกันได้ก็มีฮอตไลน์ 1300ที่สามารถติดต่อโทรได้ตลอดเวลา ที่จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ขอขอบคุณครับ
       
       พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
       
       สำหรับด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ถือว่าเรามีนโยบาย มีบทบาท มีแคมเปญใหม่ๆ ที่ทำให้ทุกคนเข้าใจและถือว่าเราก็เป็นจุดท่องเที่ยว ที่ทุกคนอยากมา และการท่องเที่ยวไม่ได้ลดลงเงินเพิ่มขึ้น รายละเอียดต่างๆ ก็ขออนุญาตให้ท่าน รัฐมนตรีกอบกาญจน์ชี้แจงนะครับ
       
       กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
       
       ด้านการท่องเที่ยว เป็นการท่องเที่ยววิถีไทย จากการเปิดตัวปีท่องเที่ยววิถีไทยไปตั้งแต่เมื่อต้นปี 2558 นี้เพื่อชักจูงให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และมีระยะเวลาการพำนักในประเทศที่นานขึ้น จนถึงทุกวันนี้จะเห็นความสำเร็จได้จากการที่นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในเดือนพฤษภาคมก็จะเป็นเทศกาลไทยแลนด์มิวสิคเฟสติวัล ณ หาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 22 - 23 พฤษภาคม 2558 โดยจะมีศิลปินเอกทางดนตรีที่มีชื่อเสียง ทั้งไทยและต่างประเทศหลากหลายแนวมาสร้างสีสันให้ชายหาดของไทย มีทั้งความสนุกสนานและความสวยงามยิ่งขึ้น และโครงการประชาสัมพันธ์เตือนภัยนักท่องเที่ยวจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เนปาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเราตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการเตืนภัยและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น กระทรวงได้จัดทำโครงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลและประชาสัมพันธ์เรื่องการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2555 - 2558 เราจะได้ตระเวนจัดกิจกรรมรณรงค์ สร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ เพื่อแจ้งช่องทางการช่วยเหลือ ขณะที่พักผ่อนอยู่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่ 7 จังหวัด ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่ได้รับความยอดนิยม ให้สามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึงตามกำหนดการ ตามตารางที่ขึ้นอยู่ในจอ
       
       สำหรับศูนย์แก้ไขปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยวในปัจจุบันเรามีถึง 12 แห่งทั่วประเทศ คือ กรุงเทพมหานคร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ชลบุรี เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา อุบลราชธานี เชียงราย กาญจนบุรี สุโขทัย และกระบี่ โดยจะมีเบอร์คอลเซ็นเตอร์ 02- 134-4077 และในปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนศูนย์ในแหล่งที่จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น ที่ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา ตราดที่เกาะช้าง และแม่ฮ่องสอน การดำเนินโครงการนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้การท่องเที่ยวในประเทศไทย นักท่องเที่ยวทั้งด้านการป้องกันการเกิดเหตุ แก้ไข และการให้การช่วยเหลือ หากนักท่องเที่ยวประสบเหตุจากการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมีความได้เปรียบในแหล่งสถานที่ท่องเที่ยว แต่ยังมีจุดอ่อน ในเรื่องของความปลอดภัย หากทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือในการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ย่อมมั่นใจได้ว่า จะสามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชีย และนำไปสู่เป้าหมาย รายได้การท่องเที่ยว 2.2 ล้านล้านบาท ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน

       
       ส่วนทางด้านการกีฬา การส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ แต่ความคาดหวังของนักกีฬาไทย ในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5 - 16 มิถุนายนนี้ ขณะนี้นักกีฬามีความพร้อมเกือบ 100% ทุกสมาคมกีฬาที่มีการแข่งขัน ได้เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาตามแผนงานที่ส่งมายังคณะกรรมการเตรียมนักกีฬา ซึ่งได้มีการติดตามการฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด สภาพความคิดของนักกีฬาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เชื่อว่าเมื่อถึงช่วงการแข่งขันจริงทุกคนจะสมบูรณ์เต็มร้อย
       
       นอกจากนี้ การได้รับเงินอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีวงเงิน 308 ล้านบาทว่า จะส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของทัพนักกีฬาโดยภาพรวม ซึ่งเวลานี้กำลังเร่งให้ทุกสมาคมกีฬามาเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนที่ว่าไว้ เป้าหมายที่ทุกสมาคมกำหนดร่วมกันไว้ในกีฬาซีเกมส์ครั้ง 28 นี้ ได้แก่ 120 เหรียญทอง โดยเฉพาะการรักษาแชมป์ประเภทกีฬาสากลที่ไทยเคยครองแชมป์มาก่อน และสามารถสร้างความสุขให้กับคนทั้งชาติ คือ ฟุตบอล วอลเลย์บอล และแบดมินตัน เชื่อมั่นว่านักกีฬาไทยจะต้องได้เหรียญทองได้อีกสมัยแน่นอน และจะคว้าได้อย่างต่ำ 100 - 110 เหรียญทอง ส่วนคู่แข่งเจ้าเหรียญทองในครั้งนี้ได้แก่ เวียดนาม และ อินโดนีเซีย
       
       สำหรับผลงานของนักกีฬาไทยในกีฬาซีเกมส์ 2 ครั้งที่ผ่านมา กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย อันดับ 1 ได้แก่ อินโดนีเซีย 182 เหรียญทอง 151 เหรียญเงิน 143 เหรียญทองแดง อันดับ 2 ได้แก่ ประเทศไทย 109 เหรียญทอง 100 เหรียญเงิน และ 120 เหรียญทองแดง
       
       กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่ประเทศพม่า เราได้เป็นอันดับหนึ่ง 107 เหรียญทอง 94 เหรียญเงิน และ 81 เหรียญทองแดง
       
       อีกกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญคือ การจัดทำเส้นทางจักรยาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสนับสนุนการนำยางพารา มาเป็นวัสดุจัดทำเส้นทางจักรยาน โดยกำหนดเป็น 3 รูปแบบพื้นที่ คือ ในพื้นที่เขตเมือง หรือชุมชน ส่งเสริมการใช้จักรยานเป็นวิถีชีวิตของเด็ก เยาวชน และประชาชนจำนวน 30 แห่ง
       
       ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมการใช้จักรยาน เพื่อการออกกำลังกาย และการพักผ่อนหย่อนใจจำนวน 35 แห่ง และใช้พื้นที่แหล่งถนน ส่งเสริมการใช้จักรยาน เพื่อการฝึกซ้อมแข่งขันทำกิจกรรม เดินทางไกลเป็นหมู่คณะจำนวน 15 แห่ง รวมทั้งสิ้น 80 แห่ง
       
       กีฬาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสามัคคีคนในชาติ และเพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจจากสื่อมวลชน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราทุกคนจะได้ร่วมกันลงมือทำในสิ่งที่ดี เพื่ออนาคตของประเทศ ร่วมกันพัฒนาเพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามต่อไป
       
       พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
       
       ทางด้านวัฒนธรรมไม่ใช่ทำเฉพาะวัฒนธรรมในประเทศ เราทำวัฒนธรรมในอาเซียน ในต่างประเทศ ฉะนั้นความสัมพันธ์ของผม 3 กระทรวง ต่างประเทศ ท่องเที่ยว และวัฒนธรรม เราทำด้วยกัน และมีความโดดเด่นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หรือว่าหลายๆ เรื่อง เช่น เราได้วัตถุโบราณกลับมาจากสหรัฐฯ 500 กว่าชิ้น การเอาชุดวัฒนธรรมไปแสดงที่ประเทศจีน หรือประเทศอื่นๆ ที่จะแลกกัน หรือว่าในต่อไปเราจะไปที่ยุโรป ไปตามประเทศต่างๆ ซึ่งตรงนี้เป็นไปที่ยอมรับ และชื่นชม มีคนสนใจมาดูขออนุญาตให้ท่านรัฐมนตรีวีระเป็นผู้เรียนชี้แจงด้วยครับ
       
       ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมมีภารกิจ และมีกิจกรรมและโครงการ ขอรายงานว่า ในต้นเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมที่กรุงปักกิ่ง เป็นโขน การแสดงนาฏศิลป์ดนตรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนฯ ในโอกาสที่เจริญพระชนมายุครบ 5 ปี และในเมืองไทยเราก็มีกิจกรรม 2 กิจกรรม ที่สมเด็จพระเทพรัตนฯ ได้เสด็จทรงเปิด คือ การจัดแสดงนิทรรศการผลงานของ ศ.ปรีชา เถาทอง เรื่องแสงสุวรรณภูมิสู่วัฒนธรรมอาเซียน ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยถนนราชดำเนิน และนิทรรศการนี้จะอยู่จนถึงเดือน 31 พฤษภาคมนี้
       
       อีกที่หนึ่งเป็นนิทรรศการพิเศษ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทยคือ นิทรรศการเรื่อง เทวสตรี : คติพุทธ พราหมณ์ และความเชื่อในประเทศไทย ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคมนี้
       
       นอกจากนั้น ในเดือนเมษายนจะมีกิจกรรมในเรื่องของวันสงกรานต์ กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมวันสงกรานต์ เป็นแบบสงกรานต์ดั่งเดิม เป็นสงกรานต์วิถีไทย สงกรานต์สืบสานประเพณีไทย สุขใจไทยทั่วหล้า กิจกรรมทำทั่วประเทศ 76 จังหวัด ในวัดสำคัญของแต่ละจังหวัด ในส่วนกลางเราจัดทั้งหมด 7 วัด และมีการจัดร่วมกับภาคเอกชนที่สยามพารากอนด้วยนะครับ และที่นี่เราได้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปมงคลโบราณให้ประชาชนได้สักการบูชาด้วย ใกล้กันนี่มีที่วัดปทุมวนาราม และเป็นครั้งแรกที่กระทรวงวัฒนธรรมได้เชิญทูตานุทูตเข้าร่วมงานสงกรานต์ เพื่อให้เรียนรู้ประเพณีไทย และใกล้กันที่สยามแควร์ กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดกิจกรรมเช่นเดียวกัน เป็นการจัดสงกรานต์เมษา ผ้าขาวม้าครองโลก ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
       
       ในต่างจังหวัด นอกจากจัดทุกจังหวัดแล้ว เราได้จัดร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย เป็นเมืองหน้าด่าน 4 เมือง คือ เมืองแม่สอดกับพม่า เชียงของจัดร่วมกับลาว อรัญประเทศจัดร่วมกับกัมพูชา และภาคใต้ที่สะเดา จัดร่วมกับมาเลเซีย
       
       233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 17 - 21 เมษายน ก็อยากจะกราบเรียนว่า เมื่อ 233 ปี ในวันที่ 21 เมษายน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงฝังเสาหลักเมือง และสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานีของสยามประเทศ และ 233 ปีนี้ก็มีเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ได้ทรงทำนุบำรุงพัฒนาบ้านเมือง มีการพัฒนาศิลปวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง เราก็ได้ดำเนินการในเรื่องของการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ มีกิจกรรมที่ทำไป ก็คือ การจัดขบวนเหตุการณ์สำคัญ พระราชกรณียกิจสำคัญของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์แต่ละรัชกาล รวมทั้งหมด 9 ขบวนด้วยกัน
       
       ณ เวทีกลางท้องสนามหลวง มีการจัดการแสดงต่างๆ ทุกคืน 5 คืน เช่น การแสดงโขน การแสดงดนตรีลีลาศสุนทราภรณ์ ดนตรีลูกทุ่ง ลิเก และการแสดงของศิลปินแห่งชาติ และศิลปินสาขาต่างๆ มีการแสดงรำวงย้อนยุค ภาพยนตร์ย้อนยุค มีนิทรรศการภาพถ่ายเก่าเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นนิทรรศการที่ได้รับความสนใจมาก และมีการละเล่นและกีฬาแบบไทย ที่สำคัญคือ เราไม่ละเว้นงานวิชาการ มีการสัมมนาเรื่อง "อมตะนคร อมรรัตนโกสินทร์" และมีการแสดงสินค้า ผู้เข้าชมงานทั้งหมดประมาณ 450,000 คน และมีการจัดลำดับความสำเร็จของแต่ละกิจกรรมด้วย
       
       สุดท้ายสำหรับวันนี้ก็จะเป็นเรื่องของการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ของกระทรวง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ ขณะนี้เราได้นำระบบเทคโนโลยีมาสนับสนุนการนำชม ปรากฏว่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมถึง 4.2 ล้านคน คาดว่าทั้งปีจะมีผู้เข้าชมประมาณ 8 ล้านคน ซึ่งจะเพิ่มจากปีที่ผ่านมาประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
       
       สุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง คือในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ทุกภูมิภาคของไทยจะมีจัดมหกรรมพื้นบ้านในแต่ละภูมิภาค มหกรรมพื้นบ้านก็จะประกอบด้วย ลิเก ลำตัด หมอลำ โนราห์ หนังตะลุง เพลงซอ และ งิ้ว นี่ก็จะเป็นกิจกรรมที่เราส่งเสริมให้ศิลปินพื้นบ้านได้มีเวทีการแสดง และส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้งานศิลปวัฒนธรรมของตัวเอง
       
       พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
       
       กราบขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่กรุณาสละเวลามาฟังพวกเราเล่าสิ่งที่เราได้ทำ จริงๆ มีสิ่งที่เราทำมากมาย เยอะกว่านี้ เพื่อเป็นความสะดวก หรืออยากทราบรายละเอียด ขอความกรุณาถามตรงมาที่ผม ที่ท่านรัฐมนตรีทุกท่านได้ เราก็จะให้รายละเอียดได้อย่างเต็มที่ และถ้าท่านมีความเห็นที่จะสนับสนุน หรือช่วยเหลือให้ความคิด ก็ยินดีที่จะรับฟัง สุดท้ายก็ขอยืนยันว่าพวกเราทุกคน รวมทั้งข้าราชการทุกคน ในกระทรวงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จะมุ่งมั่นตั้งใจเสียสละในการทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติอย่างจริงจัง และด้วยความจริงใจ ขอบคุณครับ

ขอบคุณ manager online

Friday, April 17, 2015

หัวหน้าโจรกบฏ ประยุทธ์ แถลงผลงานการกลืนประเทศ 6 เดือน ชูกำลังตัวเอง “ยิ่งว่ายิ่งสู้!”

หัวหน้าโจรกบฏ ประยุทธ์ แถลงผลงานการกลืนประเทศ 6 เดือน ชูกำลังตัวเอง “ยิ่งว่ายิ่งสู้!”

Friday, April 10, 2015

"ประยุทธ์" ลั่นมือฆ่า กปปส.ชุดเดียวกับที่ยิงม็อบแดงปี 53 เหน็บเป็นฝ่ายค้านหรือ รบ.ก็ยังทำแบบเดิม (Credit Manager Online)


ขอบันทึกคำพูดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไว้สำหรับการวิเคราะห์เชิงวิชาการในอนาคตนะครับ


ขอบคุณเมเนเจอร์ออนไลน์ ที่บันทึกถ้อยคำที่เป็นประวัติศาสตร์ที่ลูกหลานควรเอาไปศึกษาในอนาคตครับ




"ประยุทธ์" ลั่นมือฆ่า กปปส.ชุดเดียวกับที่ยิงม็อบแดงปี 53 เหน็บเป็นฝ่ายค้านหรือ รบ.ก็ยังทำแบบเดิม 
10 เมษายน 2558 21:26 น.
       “ประยุทธ์” ลั่นมือฆ่าม็อบ กปปส. ชุดเดียวกันกับที่ทำร้ายเสื้อแดงปี 53 เหน็บไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ทำแบบเดิม จวกสื่อเลือกข้างหมดแล้ว เผยเรียกมาเตือน 2 - 3 แห่ง ฐานบิดเบือนข้อเท็จจริง แจงไม่ได้ให้ฝรั่งมาจุ้นเขียนรัฐธรรมนูญ แค่ขอข้อมูลเพิ่มเติม ย้ำคนไทยต้องอดทนหากต้องการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
     
       วันนี้ (9 เม.ย.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ว่า ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทย ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ กลับไปหาพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย รดน้ำดำหัวขอพรจากผู้มีพระคุณ สวดมนต์ไหว้พระขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต และยังวันที่สำคัญต่อสถาบันครอบครัว ทั้งวันผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 13 เม.ย. และวันครอบครัวในวันที่ 14 เม.ย.ด้วย รัฐบาลมีความห่วงใยในเรื่องของการเดินทาง ทั้งในส่วนของทางบก ทางเรือ ทางอากาศ โดยมีการรณรงค์ผ่านโครงการ “แล้งนี้ ไม่แล้งน้ำใจ ขับขี่ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ลดการใช้โลหิต” เพื่อให้เราท่องเที่ยวกันโดยไม่มีการสูญเสียเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการรณรงค์ให้ประชาชนเล่นน้ำในประเพณีสงกรานต์ตามวิถีปฏิบัติอย่างเหมาะสม เช่น การแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ล่อแหลม กริยาไม่สุภาพ และร่วมกันทำให้ต่างชาติประทับใจ
     
       พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารับบาลไทยได้มีโอกาสชต้อนรับนายกรัฐมนตรี ดมิทรี เมดเวเดฟ แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และคณะ ในการเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 25 ปีของนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยถึงการยกระดับความร่วมมือกันในทุกมิติ โดยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจภาครัฐจำนวน 5 ฉบับ และของภาคเอกชนอีก 5 ฉบับ ทั้งเรื่องการลงทุน พลังงาน วัฒนธรรม ท่องเที่ยว และเรื่องการต่อต้านยาเสพติด นอกจากนี้ยังได้พูดคุยถึงการผลักดันการค้าทวิภาคีเติบโตขึ้นจาก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี เป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปีหน้า ด้วยการเปิดตลาดสินค้าระหว่างกัน และอำนวยความสะดวกทางการค้า ก็ได้เสนอให้ทางรัสเซียพิจารณานำเข้ายางพารา และสินค้าเกษตรอื่นๆ รวมทั้งได้เชิญชวนรัสเซียให้เข้ามาร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยด้วย
     
       “สำหรับข้อตกลงอื่นๆ กับประเทศอื่นๆ เราก็จะเร่งรัดขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม แล้วก็ให้ความเป็นธรรมกับประเทศ มิตรประเทศเหล่านั้นด้วย เราพร้อมจะเป็นมิตรกับทุกประเทศในโลกนี้ เราใช้หลักการคือพื้นฐานแห่งความไว้วางใจ ลดความหวาดระแวง และมีผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน ทุกประเทศมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ประเทศเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
     
       นายกฯยังได้กล่าวถึงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรด้วยว่า ปัจจุบันกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น จึงไม่อยากให้ไปตำหนิติเตียนกันหรือสร้างความขัดแย้งกัน แต่ก็เป็นเรื่องน่าดีใจที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจติดตามอย่างใกล้ชิด สิ่งที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงก็มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งการเข้าสู่อำนาจ หรือที่มาของรัฐบาล ซึ่งก็มีการนำรัฐธรรมนูญของต่างประเทศมาพิจารณา เพื่อแก้ไขปัญหาของเรา และทำให้เกิดการปฏิรูป ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นจากประชาคมโลก ให้เกิดการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ก็ได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญของต่างประเทศที่เคยเกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การรัฐประหาร มาให้ข้อมูลเพื่อศึกาว่าเขาใช้ระยะเวลานานขนาดไหนในการแก้ไขปัญหา
     
       “มีหลายคนมาต่อว่าผม ว่าไปเอาคนอื่นมายุ่ง ท่านน่ะไปเอามายุ่งมากกว่าผม ท่านเอามาวิจารณ์มาว่าประเทศมาใช้กฎหมาย ใช้อะไรต่างประเทศมาใช้กำลัง ไอ้นั่นน่ะหนักยิ่งกว่าผมนะจะบอกให้ ผมเอามาเพื่อศึกษาเขาเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญของเรา บ้านเราคือบ้านเรา แต่เราจะถามเหตุผลของเขาว่าทำไมเขามีอย่างนั้น จะได้รู้ว่าทำไมเขาถึงมี แล้วเราจะมีบ้างได้ไหม” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
     
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการเดินหน้าประเทศ โดยรัฐบาล และ คสช.ก็ได้เข้ามาทำหน้าที่เกือบครบ 1 ปี มีความก้าวหน้าตามลำดับระยะต้น และระยะกลาง ในช่วง 1 ปีแรก กับช่วงของรัฐบาลอีก 1 ปี รวมกันแล้วก็ 2 ปีเท่านั้น เราต้องเดินหน้าประเทศไปสู่การปฏิรูปให้ได้ วางแผนการปฏิรูปพื้นฐานให้ได้ มีกลไกทำให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง เป็นรูปธรรม การร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรให้เป็นเช่นนั้นได้ หรือกฎหมายลูก หรือว่าบทเฉพาะกาลต่างๆ โดยประชาชนจะต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับกัน ประเทศก็ถอยหลังกลับที่เดิม ส่วนการเลือกตั้งต้องให้เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส มีนักการเมืองที่ดี มีธรรมาภิบาล มีคุณธรรมจริยธรรม
     
       “วันนี้ทุกคน ทุกหน่วยงาน ทุกคนเขามีความตั้งใจ มีความกระตือรือร้นอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ได้อย่างที่ผมพูดนี่ แต่แน่นอนต้องมีความขัดแย้งมีคนไม่เห็นด้วยต่างๆ ผมต้องใช้เวลาในการสร้างความรับรู้ให้ได้ ให้เร็วที่สุดนะ เพื่อประเทศชาติ และประชาชน” นายกฯกล่าว
     
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์นั้นไม่ได้มาเปล่าๆ ทุกคนต้องอดทน ต้องช่วยเหลือกัน แล้วมีมาตรการที่ทำให้เกิดเอื้ออำนวยต่อการปฏิรูปให้ได้อย่างแท้จริง ทุกภาคส่วนต้องเข้มแข็ง ไม่มีความเหลื่อมล้ำ เข้าถึงกฎหมายความยุติธรรมทุกคน แต่มาวันนี้พอตนใช้อำนาจทางกฎหมาย ก็ออกมาบอกว่า ไปปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ โดยไม่ได้ดูว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีการประท้วงจนบริหารประเทศไม่ได้ แล้วเมื่อมีการประท้วง แล้วใครใช้อาวุธสงครามยิงใส่คนที่มาประท้วง ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 53 พอปี 56-57 ก็เป็นฝีมือของกลุ่มเดิมอีก
     
       “เมื่อมีการประท้วงแล้วใครใช้อาวุธสงครามยิงตอบคนที่เขามาประท้วง มันก็เกิดอย่างนี้ ปี 53 ก็ชุดเดิมพอปี 56-57 ก็ชุดเก่าอีกแหละ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้านก็ทำแบบเดิม นี่สังคมเข้าใจซะบ้างนะ ฟังอยู่ได้ อย่าไปฟังเขา ตามสื่อวิทยุโทรทัศน์ วันนี้ผมต้องปิดสถานีวิทยุ 6 พันกว่าแห่ง ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่เคยปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะสนับสนุนฝ่ายนักการเมือง เป็นของนักการเมืองซะส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยดี ไอ้ที่ดีอย่าไปพูด ผมไม่ได้ว่าทุกคน คนดีๆเยอะแยะไป นะ ผมไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น ใครรู้ตัวว่าดี ผมไม่ได้ว่าท่าน ถ้าใครรู้ตัวว่าไม่ดี ผมว่าท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
     
       นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลนี้ประชานิยมมากกว่าในอดีต ซึ่งตนไม่เข้าใจว่ามากกว่าตรงไหน ที่นำเงินไปให้สวนยาง ชาวไร่ ก็เป็นการช่วยปัจจัยการผลิต แต่ไม่ได้ไปรับซื้อของ ปล่อยให้เป็นเรื่องของระบบสหกรณ์ แล้วใช้งบประมาณน้อยกว่ามหาศาล ส่วนการขึ้นเงินเดือนข้าราชการก็เพราะไม่ได้ขึ้นมานาน และก็ขึ้นจำนวนไม่มาก ขณะที่เกษตรกรก็มีการใช้งบประมาณเป็นแสนล้าน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกภาคส่วน ดูแลทุกคนให้ทั่วถึง ปัญหาที่ผ่านมาคือ การเมืองเข้าไปบิดเบือนทุกอย่าง ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยไปโต้แย้งกับรัฐบาลเลย สั่งการสิ่งใดก็ปฏิบัติ
     
       “ในเรื่องของการดูแลพี่น้องเกษตรกร บอกว่าการประชานิยมในสมัยที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องของให้ความเป็นธรรมแก่ราษฎร ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมถามว่ามีดีขึ้นไหม ตอนนี้ชาวนาเป็นหนี้อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือยังมากเหมือนเดิมหรือเปล่า วันนี้ชาวนาเป็นหนี้มากขึ้น ไหนบอกว่าดีขึ้นไง ดีขึ้นต้องหนี้ลดลง” หัวหน้า คสช.กล่าว
     
       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วยว่า สื่อต่างๆเลือกข้างทั้งหมด สัปดาห์ที่ผ่านมามีเตือนกัน 2-3 สถานี เพราะพูดในสิ่งที่โกหก ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งก็เคยเตือนไปแล้ว จึงอยากให้ระมัดระวัง เดี๋ยวจะหาว่าไปละเมิดสิทธิสื่อด้วย ทุกคนรู้ดีแก่ใจ ว่าใครถูกใครผิด อย่ามาโกหก บิดเบือนกันอีกต่อไป
     
       คำต่อคำ : รายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" วันที่ 10 เมษายน 2558
     
       สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันหยุดของเทศกาลสงกรานต์ของคนไทย และเป็นวันที่สำคัญต่อสถาบันครอบครัวด้วย วันผู้สูงอายุแห่งชาติ 13 เมษายน และวันครอบครัวไทย 14 เมษายน ผมขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยได้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ กลับไปหาพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย รดน้ำดำหัวขอพรจากผู้มีพระคุณ สวดมนต์ไหว้พระ ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตด้วย
     
       รัฐบาลมีความห่วงใยในเรื่องของการสัญจรไปมา การเดินทาง ทั้งในส่วนของทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ก็ตาม ก็เป็นห่วง เราได้มีการรณรงค์ผ่านโครงการ แล้งนี้ไม่แล้งน้ำใจ ขับขี่ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ลดการใช้โลหิต คือหมายความว่าอย่าให้ต้องมีการท่องเที่ยวกันแล้วเสียเลือดเนื้อ ต้องมีการใช้การบริการเลือดเป็นจำนวนมาก เหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา ก็อยากให้เป็นเทศกาลแห่งความสุขทั่วหน้า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พนักงานส่วนท้องถิ่น อปพร. อาสาสมัคร ตำรวจ ทหารที่เสียสละเวลาทุ่มเทแรงกายในห้วงวันหยุดยาว เพื่อจะดูแลความปลอดภัย ดูแลบ้านให้กับประชาชน การบริการจัดจุดพักรถพักสายตา จุดบริการประชาชน ซ่อมยานพาหนะ มีการบริการทางการแพทย์ การตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ ตั้งป้ายจราจร ป้ายบอกทาง และเส้นทางลัดอื่นๆ จะช่วยให้ทุกคนกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย บรรดาคนขับรถสิบล้อ พนักงานขับรถสาธารณะพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ ไม่ดื่มสุรา เพราะว่าชีวิตทุกคนนั้นฝากไว้กับท่าน ลองดูว่าเราจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย มีความสุข ลดอันตรายต่อชีวิตตนเองและผู้อื่น ท่านจะต้องทำให้เรารู้สึกว่า ประเทศชาติของเรานั้น น่าอยู่ขนาดไหน นอกจากนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมดีงามของไทย รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการรณรงค์โครงการให้ประชาชนเล่นน้ำในประเพณีสงกรานต์ตามวิถีปฏิบัติอย่างเหมาะสม เช่นการแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ล่อแหลม กิริยาไม่สุภาพ ไม่ใช่วัฒนธรรมของเรา และก็ให้ต่างชาติประทับใจ พร้อมทั้งรณรงค์การแต่งกายด้วยผ้าไหมผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง เสื้อลายดอก ต้องขอความร่วมมือในการงดจำหน่ายสุราด้วยนะครับ งดดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ในบริเวณที่จัดกิจกรรมงานสงกรานต์ ก็ขอความร่วมมือกับประชาชนที่เล่นน้ำว่าต้องไม่ให้มีสิ่งเจือปน แป้ง น้ำแข็ง รวมทั้งงดการใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง อย่าให้ผิดกฎหมาย หรืออุปกรณ์เล่นน้ำอื่นที่ทำให้เกิดอันตราย รวมถึงไม่ขับรถกระบะบรรทุกน้ำไปในที่ชุมชนหรือบริเวณจัดงานนะครับ โดยรณรงค์ให้ใช้ขันน้ำตามประเพณีดั้งเดิม การส่งเสริมภาพลักษณ์เรื่องการแสดงกิจกรรมที่เหมาะสม ในการเล่นน้ำงกรานต์ งดการแสดงหรือการต้นที่ไม่เหมาะต่อวัฒนธรรมไทย อย่างเช่นที่ผ่านมาทุกครั้ง ก็จะมีบุคคลเหล่านี้อยู่ เพราะฉะนั้นขอให้มีการกำหนดเวลาการเล่นน้ำที่ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาการจราจร และป้องกันการเกิดอาชญากรรมในยามวิกาลด้วย
     
       ช่วงนี้อากาศร้อน เรามีความเสี่ยงในเรื่องพายุฤดูร้อน 2-3 ครั้งที่ผ่านมา ก็มีอันตรายเกิดขึ้น เราก็ได้เตือนไปแล้วแต่ยังมีจุดบกพร่องอยู่ เพราะฉะนั้นหลายพื้นที่ของประเทศจะประสบปัญหาฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตก ผมขอให้พี่น้องทุกคนรักษาสุขภาพ ในส่วนของรัฐบาลผมได้สั่งการให้ทุกกระทรวงตรวจสอบความเสี่ยง ดำเนินมาตรการป้องกันเชิงรุก เช่น การตรวจสอบ แก้ไขโครงสร้างของป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า ต้นไม้ใหญ่ริมทาง ไม่ให้เกิดความเสียหาย โค่นล้มลงมา มีผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งเตรียมคนและเครื่องมือให้พร้อมสำหรับความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เยียวยา เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วอย่างทันที ช่วยกันดูแลนะครับ
     
       รวมความไปถึงเรื่องขยะ ขณะนี้ก็มีปัญหาในเรื่องการระบายน้ำ ท่อระบายน้ำเต็มไปด้วยขยะ ซึ่งเราก็คงโทษเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดียวไม่ได้ ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกัน ผมได้รับรายงานว่า ในแต่ละวันคลองบางคลองที่มีเครื่องมือในการกำจัดขยะรวบรวมขยะในแต่ละวันมีขยะที่เป็นถุงพลาสติก หรือของที่มันทำให้ท่ออุดตันเป็นจำนวนมาก วันละประมาณ 30 ตัน อุดตันทำให้ระบายน้ำไม่ออก ส่วนใหญ่จะเป็นคลองที่มีประชาชนอยู่อาศัยตามแนวคลองทั้งสิ้น จะทิ้งลงไปในคลองบ้าง หรือแม้แต่ขยะตามบ้านเรือนก็ตาม ทิ้งลงไปไหลไปอุดท่อที่น้ำจะลงไปในท่อใหญ่ มันก็เกิดปัญหาหมด น้ำก็ท่วม ถ้าไม่ช่วยกันแบบนี้ก็ไปไม่ไหว รัฐบาลก็ทำไม่ไหว ก็อย่าโทษกันไปมาแล้วกัน มาร่วมมือกันทำ
     
       สำหรับในเรื่องของความร่วมมือระหว่างประเทศ เมื่อวันพุธที่ 8 เมษายนที่ผ่านมานั้น มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรี นายดมิทรี เมดเวเดฟ แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และคณะ ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล นับเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 25 ปี ของนายกรัฐมนตรีรัสเซีย
     
       ทั้งนี้ รัสเซียกับไทยนั้น เป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมาอย่างยาวนานเกือบ 120 ปีแล้ว ปัจจุบันก็ประมาณ 118 ปี 2560 จะครบ 120 ปี ในการเดินทางมาไทยครั้งนี้ จะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดให้มากขึ้น ยาวนานแต่ค่อนข้างที่จะมีความสัมพันธ์กันในแต่ละมิตินั้นค่อนข้างจะน้อย วันนี้เราจะต้องเพิ่มกันให้มากขึ้น ก็จะเป็นการยกระดับความร่วมมือในทุกมิติ บนพื้นฐานของการมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยผมและท่านนายกรัฐมนตรีเมดเวเดฟ ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามในเอ็มโอยูภาครัฐ 5 ฉบับ จะครอบคลุมในเจตนารมณ์ของเรา ของผู้นำสองประเทศ และของสองประเทศนั้นด้วยเรื่องของการลงทุน เรื่องพลังงาน เรื่องวัฒนธรรม เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการต่อต้านยาเสพติด ซึ่งผมก็เรียนให้พี่น้องทราบพอสังเขปไปบ้างแล้ว ก็จะเพิ่มเติมในเรื่องด้านเศรษฐกิจดังนี้ เราจะร่วมกันผลักดันให้การค้าทวิภาคีเติบโตขึ้นจาก 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ให้เป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปีหน้า โดยการเปิดตลาดสินค้าระหว่างกัน การลดอุปสรรค และอำนวยความสะดวกทางการค้า ผมได้ขอให้นายกรัฐมนตรีรัสเซียได้พิจารณานำเข้ายางพารา สินค้าเกษตรอื่น ๆ และอาหาร เช่น ข้าว เนื้อหมูแช่แข็ง ผักและผลไม้สด รวมทั้งได้เชิญชวนรัสเซียให้เข้ามาร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ของไทย ตามยุทธศาสตร์แผนการลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนผู้ประกอบการของไทยก็มีความสนใจจะไปลงทุนในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอาหารในรัสเซียเพิ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายจะอำนวยความสะดวกให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ แก่นักลงทุน ภาคเอกชนอย่างเต็มที่
     
       ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รัสเซียปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าในด้านนี้สูงกว่าเรามากนะครับ ?ทั้งในด้านการศึกษาและการวิจัย และการนำผลวิจัยมาผลิตเป็นสินค้า เราจะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กับ ศูนย์นวัตกรรสโคลโกโว อินโนเวชั่น เซนเตอร์ (Skolkovo Innovation Center) นอกจากนั้นยังเห็นพ้องหลายๆ เรื่องนะครับ เช่น การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ การแพทย์ และอวกาศ การสานต่อความร่มมือในด้านการส่งเสริมธุรกิจปิโตเลียมและการพัฒนาบุคลากรในด้านนี้ และการร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมนำทางอีกด้วย แนวทางในการสานต่อความร่มมือต่อไปอย่างยั่งยืน และเป็นที่หน้ายินดี คือ มอสโก รีเจียน สเตด ยูนิเวอร์ซิตี (Moscow Region State University) กับวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการพัฒนาหลักสูตรมัคคุเทศก์และภาษารัสเซีย นอกจากนี้ ยังมีการลงนามความตกลงของภาคเอกชนอีก 5 ฉบับ เกี่ยวกับความร่วมมือภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย ในด้านหนึ่ง คือ การสำรวจตลาดและกระจายสินค้ารัสเซียในไทย สอง คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจ สาม ความร่วมมือด้านการลงทุนในประเทศที่สาม สี่ ความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมนำทาง ห้า ความร่วมมือด้านการศึกษาในสาขาการบริหารจัดการท่องเที่ยวและการโรงแรม คือต้องเพิ่มทั้งสองด้าน ทั้งเราไปเขา และเขามาเราด้วย ทั้งหมด ทุกประเด็น
     
       ทั้งนี้ ผมได้สั่งการให้ขยายผลความร่วมมือดังกล่าวไปสู่แผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม ให้เร่งดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมทวิภาคีไทย-รัสเซีย ซึ่งเราจะมีการประชุมในกลางปีนี้ ก็ต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อน เราจะได้ก้าวหน้าโดยทันที ไม่ใช่ต้องรอประชุมกันอีกครั้ง และต้องมาสั่งกันอีกครั้ง ไม่เอา ผมได้ตกลงกันท่านแล้วว่า ในระหว่างที่ก่อนจะประชุม หาข้อมูล หาข้อยุติให้ได้เรียบร้อย แล้วจะได้ดำเนินการได้ทันที
     
       สำหรับข้อตกลงอื่นๆ กับประเทศอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เราก็จะเร่งรัดขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม และตรงความต้องการของเรา แล้วก็ให้ความเป็นธรรมกับมิตรประเทศเหล่านั้นด้วย เราพร้อมจะเป็นมิตรกับทุกประเทศในโลกนี้ เราใช้หลักการคือ พื้นฐานแห่งความไว้วางใจ ลดความหวาดระแวง และมีผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน ทุกประเทศมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ หรือประเทศเล็ก
     
       ในเรื่องของภาพรวมทางเศรษฐกิจ วันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงทรงตัวอยู่ ตลาดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะสหภาพยุโรป เศรษฐกิจยังหด อัตราการว่างงานสูง เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ค่อยๆ ฟื้นตัวนะครับ เศรษฐกิจจีนชะลอการขยายตัวลงบ้างเล็กน้อย และเศรษฐกิจญี่ปุ่นก็ชะลอตัวเช่นเดียวกัน อันนี้มันเป็นทุกประเทศนะครับ ทุกประเทศก็พยายามจะแก้ไขปัญหาอยู่ ประเทศไทยอาจจะเผชิญมากหน่อย เพราะเราต้องพึ่งพาต่างประเทศ อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำไป วันนี้เราต้องผลิตเองใช้เอง และเพิ่มมูลค่าของสินค้าต่างๆ เหล่านั้น ให้มีราคาสูงขึ้นเพื่อเป็นรายได้ของประเทศ หากเราไม่แข็งแรงพอ เราก็ต้องนำเข้าสินค้าอื่นๆ เขาเข้ามา ก็ทำให้มูลค่าของสินค้านำเข้าสูงขึ้น ขณะเดียวกันสินค้าส่งออกของเราก็ส่งได้น้อยลง ราคามันตกต่ำ โดยเฉพาะสินค้าด้านเกษตรกรรรม อันนี้ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย มันไม่สามารถจะถ่วงดุลกันได้
     
       เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเราซับซ้อน เราต้องสร้างความเข้มแข็งก่อน วันนี้เศรษฐกิจของเราก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองของต่างประเทศ ในประเทศก็ต้องพยายามเข้าใจกัน ต่างประเทศเขามองเราอย่างไร ขณะนี้ก็มีบริษัทจัดลำดับของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อาทิเช่น บริษัท เจแปน เครดิต เรทติ้ง เอเยนซี่ (JCR) ของญี่ปุ่น ได้ประกาศความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาลไทย โดยปรับมุมมองจากลบเป็นมีเสถียรภาพ
     
       สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค กระทรวงพาณิชย์ รายงานเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมว่า ราคาสินค้าในภาพรวมลดลงร้อยละ 0.57 บางอย่างมันก็ลดมากลดน้อยก็ถัวเฉลี่ยกันไป หรือต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี 6 เดือน ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่งถูกลง เราก็เข้าไปควบคุมดูแลด้วย ถ้าต้นทุนมันไม่ได้เพิ่มขึ้นมันไม่สมควรที่จะขึ้นราคา ถ้าขึ้นราคามันต้องดำเนินการต่อไปในทางกฎหมายบ้าง ต้องขอร้องกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าราคาเชื้อเพลิงจะถูกลง ก็ต้องประหยัดกัน ประหยัดการใช้พลังงานบ้าง ก็จะช่วยลดการทำให้โลกร้อนด้วย
     
       ในภาคอุตสาหกรรม ล่าสุดผมได้รับรายงานว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ ระดับที่สูงที่สุดในรอบ 23 เดือน เนื่องจากการผลิตในอุตสาหกรรมอาหาร การกลั่นน้ำมัน รถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวดี อุตสาหกรรมรถยนต์ก็ส่งสัญญาณที่ดี ดูจากการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวกว่าร้อยละ 11.3
     
       นอกจากนี้ ยอดการจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งจะผ่านไปจำนวน 37,000 คัน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตัวเลขจะน้อยลง แต่ก็เป็นรถยนต์ที่มีราคาสูงกว่า 1 ล้านบาท แสดงว่าคนไทยก็ยังมีสตางค์ และซื้อรถยนต์ที่มีราคาสูงขึ้น ถึงแม้ว่ารถยนต์ขนาดเล็กราคาถูกจะน้อยลง อันนี้ต้องดูว่าดีมานด์ มันเป็นดีมานด์แท้หรือเทียม ในช่วงที่ผ่านมา ฉะนั้นราคาที่ค้าขายรถยนต์ในปีนี้คนดูมากขึ้น ขายรถน้อยลง แต่เม็ดเงิน 46,000 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่ได้ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
     
       ในภาคเกษตรกรรม รัฐบาลต้องการสร้างความเข้มเเข็ง ให้เกษตรกรไทยมีความมั่นคงในอาชีพอย่างยั่งยืน เราจะเน้นฤดูกาลใหม่นี้ โดยการเข้าไปดูแลทั้งระบบให้เป็นรูปธรรม ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง จากขั้นตอนการผลิต จนถึงการตลาด การบริโภคภายในประเทศ มาตรการในการลดต้นทุนการผลิตนั้น รัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการ ให้ลดราคาปุ๋ยเคมี และเรียกบริษัทประกอบการปุ๋ยมาพบ จริงๆ แล้วเราอยากให้ใช้น้อยที่สุด ไปใช้ปุ๋ยอินทรีย์แต่มันก็จำเป็น เพราะดินบ้านเรามันใช้ปุ๋ยเคมีมานาน และวันนี้ก็ใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวมันก็ไม่ฟื้นนะ ต้องผสมไปก่อนให้มันลดลง และวันไหนไม่ต้องใช้ได้เลยยิ่งดี บางพื้นที่ไม่ต้องใช้ได้ เราต้องผลิตปุ๋ยอินทรีย์ขึ้นมาเอง ขายกันเอง ให้เกษตรกรผลิตหรือรัฐจะผลิตก็ได้ วันนี้ก็ได้สั่งให้กระทรวงเกษตรไปเพิ่มเติมเรื่องการผลิตปุ๋ยอินทรีย์แล้ว ก็เป็นรูปแบบสหกรณ์หรือชุมชน
     
       ในเรื่องสารการกำจัดศัตรูพืชได้มีการผลิตหลายอย่างออกมา ทั้งในส่วนของน้ำยาเคมี ในส่วนของแมลงกำจัดโรค เมล็ดพันธุืที่มีคุณภาพ ราคาถูก และส่งเสริมให้ประชาชน เกษตรกรได้ไปเพาะปลูกที่มันมีราคาที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตามก็ต้องควบคุมนะครับ ไม่ใช่เปลี่ยนพฤติกรรมไปปลูกที่มีราคาแพง ราคาสูง คุณภาพสูงอย่างเดียว และก็ปลูกมากเกินไป ต้องระวังเรื่องข้าวไรซ์เบอรี่เหมือนกันนะ ปลูกกันใหญ่โต มันต้องการแค่ไหน อย่างไร จนล้นตลาดอีก เพราะฉะนั้นต้องแบ่งพื้นที่ชัดเจน แบ่งกลุ่ม สร้างความเข้าใจเกษตรกร ไปดูแล ต้องให้เข้าไปดูว่าพื้นที่ไหนควรจะปลูกอะไรต่างๆ และมาดูว่าเรามีความต้องการกันอย่างไรในประเทศ ต้องการขนาดไหน ที่จะขายต่างประเทศ ที่เหลือควรจะสำรองไว้ไหม กรณีที่ขาดน้ำขาดแคลนน้ำในห้วงฤดูการต่อไป มันต้องมีสำรองไม่ใช่ผลิตอย่างเดียว แล้วก็เก็บ แล้วก็ไปอุดหนุนกันเข้ามา แล้วก็เก็บไว้ในคลัง มันไม่ใช่ความยั่งยืนนะ
     
       เราพูดไปถึงค่าบริการรถเกี่ยว รถตัด รถเกรด ทุกอย่างนะ วันนี้เราต้องใช้เทคโนโลยี แต่ปัญหาก็คือว่า เกษตรกรนั้นไม่มีความสามารถเพียงพอ เป็นแปลงนาขนาดเล็ก ก็ต้องรวมแปลงนาให้มันใหญ่ขึ้น ความหมายก็คือ เอาทุกแปลงมารวมกัน ก็เป็นของใครของมันเหมือนเดิม เพียงแต่มันใหญ่ขึ้น จะได้มีอำนาจในการต่อรองราคาในการใช้เครื่องจักร เครื่องไม้เครื่องมือ ค่าเช่าที่นาก็เหมือนกัน ต้องสำรวจให้ได้ว่ามันเป็นที่นาเช่าหรือที่นาของตัวเอง แล้วเราก็มี พ.ร.บ.การเช่า อยู่แล้ว พ.ร.บ.การทวงถามหนี้สิน อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องร่วมมือกัน ถ้ายังรักษาผลประโยชน์กันเอง นายทุนก็ไม่ยอมเปิดเผย หรือก็ไปให้เกษตรกรได้ไปแสดงตัวกับราชการ หรือกับหน่วยงานแทนตัวเอง แล้วก็รับผลประโยชน์ทั้งสิ้นไป ผมว่ามันไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นถ้าเกษตรกรคิดว่าจะแก้ปัญหาให้ยั่งยืน ท่านต้องบอกความจริง ท่านอย่าไปช่วยเขา ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่ให้ท่านเช่าที่ต่อไป เพราะเรามี พ.ร.บ.เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ต้องคุ้มครองทั้งผู้เช่า และผู้ให้เช่า การไม่ให้เช่าที่นั้นมันต้องแจ้งล่วงหน้า ไม่ใช่ไม่ให้ตั้งแต่วันนี้ พอไม่พอใจกันก็ไม่ให้ เพราะฉะนั้นเกษตรกรเขาก็ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรเลย ถ้ามีปัญหาเหล่านี้ ขอให้ไปแจ้งศูนย์ดำรงธรรมได้โดยทันที หรือว่าศูนย์การเกษตรใน 800 กว่าแห่ง รับแจ้งไว้ทั้งหมดแล้วผมจะดำเนินการแก้ไขให้โดยทันที ท่านต้องช่วยเรา ท่านอย่าปกปิดซึ่งกันและกัน เอาประโยชน์แต่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่งไม่ได้ วันนี้ต้องเผื่อแผ่แบ่งปัน
     
       เรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าว และพันธุ์อ้อย พันธุ์มันสำปะหลังอะไรต่างๆ มันต้องแก้ไขหมด เราได้มีการจัดตั้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเพิ่มเติมอีก 15 ศูนย์ ใน 15 จังหวัด เพื่อจะเพิ่มผลผลิตต่อไร่ รักษาคุณภาพข้าวไทยให้ได้ แล้วในเรื่องของมัน ของอ้อย สับปะรด ก็สั่งให้กระทรวงเกษตรฯ นั้นไปหาพันธุ์ที่เหมาะสม ไม่ใช่เฉพาะป้อนโรงงานอย่างเดียว อาจจะต้องนำไปสู่การผลิตไบโอดีเซลเพิ่ม เกี่ยวกับเรื่องการที่นำสับปะรดที่มีคุณภาพมารับประทานกัน และส่งออกเป็นผลไม้ส่งออกต่างประเทศ วันนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นสับปะรดที่ปลูกส่งโรงงานทั้งสิ้น พอโรงงานเกินความต้องการ คราวนี้ก็ขายใครไม่ได้ เพราะมันกินอร่อยไม่ได้ มันคนละอย่างกัน ก็เร่งให้ปรับพื้นที่ และจัดหาพันธุ์ใหม่ให้ดี
     
       มันสำปะหลังก็ต้องหาพันธุ์ที่มีคุณภาพ หัวใหญ่ ใช้น้ำน้อย ต้องลดพื้นที่ให้ได้ แล้วเพิ่มปริมาณการผลิตให้ได้ ต้องอยู่ในกรอบของดีมานด์ที่เรากำหนดไว้ ไม่อย่างนั้นการผลิตหรือซับพลายมันมากเกินไป ทุกอย่างเลยนะ ทั้งปาล์มน้ำมัน คงต้องสนับสนุนให้ปลูกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก่อนจะปลูกปาล์มน้ำมัน ไปดูว่าขบวนการพร้อมหรือยัง เช่น พลังงาน ต้องไปดูว่า ขบวนการในการผลิตน้ำมันพร้อมหรือยัง จะได้เปลี่ยนจากการปลูกยาง มาเป็นปลูกปาล์ม แล้วนำปาล์มมาผสมน้ำมันปาล์ม และผสมในน้ำมันดีเซล เป็นบี 5 ดี 7 ต่อไปอาจจะเป็น ดี10 ในอนาคต คือผสมถึง 10 % วันนี้ตรงนี้ยังไม่พร้อม ต้องมาเตรียมกระบวนการผลิตตรงนี้ให้ได้ ถ้าได้ราคา ปาล์มก็จะสูงขึ้น ยางก็ลดลง
     
       ฉะนั้นเมื่อเราใช้ในประเทศ เรามีการใช้น้ำมันดีเซลมาก ถ้าเราผลิตน้ำมันดีเซลได้เอง หรือเอาน้ำมันมาผสมเป็นดีเซล น้อยลง ถ้า 5% 7% 10% มันต่างกันอยู่แล้ว แต่เรายังไม่พร้อม ความต่อเนื่องมันยังไม่มี พอผลิตแล้วก็ต้องดูว่าราคาต้นทุนเท่าไหร่ มันควรจะเท่าไหร่ มันควรจะถูกกว่าน้ำมันทั่วไปไหมที่ผลิตจากปิโตรเลียม ต้องคำนวณให้หมด ไม่เช่นนั้นคนก็ไม่นิยม พอผลิตออกมาแล้วมันแพงอีก ไม่ได้ ต้องผลิตแล้วถูกกว่าเดิม ถูกกว่าน้ำมันประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นแก๊สโซฮอล์ ราคายังสูงอยู่ กำลังทบทวนอยู่ว่า จะทำอย่างไร ระบบเท่าที่ผ่านมา มันไม่ครบทั้งระบบ จะให้ใช้อะไรต่างๆ ก็ตามสนับสนุนไปมันจะไม่ขาดๆ ตอนๆ ไม่ต่อเนื่องกัน มันไม่เข้มแข็งซักที วันนี้ราคายังสูงอยู่แล้วใครจะไปใช้ พอไม่ใช้ขึ้นมาขายได้น้อยขึ้นมา ปั๊มน้ำมันอะไรก็ไม่สร้างกัน พอไม่สร้างไม่รู้จะไปเติมที่ไหน ต่อไปเป็นเรื่องอะไรอีก เรื่องของที่มาทำวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นกากอ้อย กากน้ำตาล ต้องมาทำใช้ทั้งสิ้น มันก็พันกันไปหมด อันนี้ไม่ได้ใช้ อันนี้ก็ราคาแพง อันนี้ราคาตก ทำอย่างไรระบบ เวลาแก้ปัญหาแก้ทั้งระบบมันยาก มันไม่ใช่ง่ายๆ วันนี้แก้มาตั้งแต่ 6-7 เดือนยังไปได้ไม่ถึงไหนเลย ของเก่ามันก็ติดลบอยู่ทั้งหมด
     
       เพราะฉะนั้นต้องแก้ปัญหาให้อย่างยั่งยืน เรื่องสินค้าอ้อย วันนี้ก็จะมีนโยบายในการจัดตั้งโรงงานน้ำตาลเพิ่ม อย่ามาคัดค้านกันเลย ถ้าเราตั้งโรงงานน้ำตาลเพิ่ม ไม่จำเป็นต้องขนาดใหญ่มากหรอกครับ แต่ปรับระยะห่างให้พอสมควร บางคนขอ 80 กิโลฯ บางคน 40-50 บางคน 50-60 ในขั้นนี้จะให้เกิดอุตสาหกรรมน้ำตาล และเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกพืชที่มันขาดทุนมาตลอด ชาวไร่ชาวนาทำนาแล้วราคาข้าวมันก็ตก อาจจะเปลี่ยนมาเป็นปลูกอ้อยบ้างก็ได้ แล้วก็ป้อนโรงงานน้ำตาลใหม่ขึ้นมา และเราไปดูในเรื่องของการตลาดให้มันดีขึ้น และทำน้ำตาลที่มีคุณภาพ
     
       สิ่งสำคัญก็คือ ไม่ว่าจะห่างเท่าไรก็ตาม วันนี้ห่าง 50 กิโลเมตรต่อแห่ง อย่าต่อต้าน แต่ผมจะกำชับว่า โรงงานน้ำตาลเหล่านั้นจะต้องไม่ไปแย่งสมาชิกกันที่ปลูกอ้อยอยู่เดิม ลูกอ้อย ในการป้อนโรงงานเดิมไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านจะต้องไปตั้งโรงงานใหม่ และไปสร้างสมาชิกของท่านขึ้นมาใหม่ ไม่อย่างนั้นมันจะแย่งกัน ทะเลาะกัน ตัดราคากัน มันก็เหมือนเดิม ผมไม่ยอมอยู่แล้ว ให้เข้าใจด้วย
     
       มันสำปะหลังเหมือนกัน ต้องไปดูว่า จะเพิ่มการเพาะปลูกด้วยน้ำหยดได้ไหม บางครั้งดินมันก็เสียหาย และน้ำมันไม่เพียงพอ น้ำหยดก็ต้องใช้เงินทุน เพราะฉะนั้นต้องสร้างความเข้มแข็งให้สหกรณ์ ว่าทำอย่างไรถึงจะมีเงินกองทุนให้เขากู้ไปทำน้ำหยด อย่างไรก็แล้วแต่วันนี้รัฐบาลต้องนำร่องเหมือนที่มาเลเซียเขาทำนะครับ เรื่องน้ำมันปาล์มเขาทำกัน 20 ปีแล้วนะ เรื่องการส่งเสริมให้ปลูกปาล์มน้ำมันแทนยางพาราที่ล้นตลาด ในปัจจุบันมีหลายมาตรการ ในเรื่องของการแก้ปัญหาเรื่องยางพารามันต้องลดปริมาณการผลิตลงให้มากที่สุด ให้อยู่ในกรอบในเกณฑ์ที่ใช้ในประเทศ ซึ่งเราก็ยังสร้างโรงงานไม่เท่าไหร่ โรงงานปัจจุบันต้องใช้ยางไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นต้องขายวัตถุดิบไป 90 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราเอายางมาใช้สัก 50 เปอร์เซ็นต์ ผมว่าราคามันโอเค รับได้ อยู่ได้เฉลี่ยกันไปมา เราก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้น ที่ลดลงไป เช่น จากการปลูกยางพารา มาปลูกปาล์มน้ำมันแทน ปาล์มน้ำมันก็ต้องมาเตรียมการทำไบโอดีเซล มันต้องสอดคล้องกับเรื่องที่ผมกล่าวมาสักครู่นะครับ ราคามันจะได้ถูกลง เรื่องการใช้น้ำมันดีเซลต้องสั่งซื่อต่างประเทศมา และพลังงานเราก็ลดน้อยลง
     
       ด้านการตลาดวันนี้ก็ส่งเสริมให้มีตลาดชุมชน กระทรวงมหาดไทย และศูนย์ราชการที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ 2,000 กว่าแห่งฝาก ท้องถิ่นช่วยดูด้วยนะครับ พยายามที่จะตัดกลไกพ่อค้าคนกลางนะ เขาควรจะได้รู้ว่ากำไรเท่าไหร่ รายได้เท่าไหร่ เกษตรกรเราก็จนอยู่อย่างนี้กี่ปีกี่ชาติ ก็โทษรัฐบาล เกษตรกรต้องมีความรู้นะครับ มีความเข้าใจเรื่องการตลาด มีความรู้เรื่องเกษตรสมัยใหม่ รู้ราคา รู้ว่าการขายสินค้าควรทำไง ราคาควรเป็นอย่างไร มันจะได้รู้กันซะที ไม่ทะเลาะกันต่อไป
     
       ในเรื่องของที่ดินทำกันนั้น รัฐบาลก็ได้ทยอยมอบเอกสารในการขอใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเกษตรกรที่ยังไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เราจะทำอย่างเป็นระบบ บูรณาการ 6 กระทรวงที่เกี่ยวข้อง มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร สำรวจการใช้สอยที่ดินทั่วประเทศ ทั้งจากดาวเทียม ภาพถ่ายดาวเทียม และในเรื่องของการเข้าไปสำรวจในพื้นที่โดยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล เราก็จะรู้ว่าพื้นที่ตรงไหนเป็นพื้นที่ที่บุกรุกอยู่แล้วบ้าง ถ้าบุกรุกมาเป็นเวลานานแล้ว 10 ปี 20 ปีขึ้นไป มันก็เป็นป่าที่เสื่อมโทรมอยู่แล้ว แต่มันผิดกฎหมาย ทำยังไงให้เขาอยู่ที่นั่น แล้วก็จำกัดให้เขาทำให้ได้ตรงนั้น แล้วไม่ไปขายต่อ อันนี้เราก็ใช้มาตรา 44 ดูแล ที่เราทำไป ไม่งั้นมันไปไม่ได้ เราจะยกเขาไปที่ไหนอีกล่ะ แล้วตรงนั้นมันก็บุกรุกมานานแล้วด้วย มันก็ไม่ได้เป็นป่าอยู่แล้ว ทำชัดเจน ไม่ได้ไปเลือกปฏิบัติกับใคร ขึ้นอยู่กับผู้ที่เขาสรุปขึ้นมา การโซนนิ่ง การทำข้อมูล ปัญหาของเราคือการทำข้อมูลยังไม่พร้อมเลย เราก็ต้องค่อยๆ ทำไป มีหลายระยะ แต่ข้อสำคัญคือเราจะไม่ซื้อขาย ไม่ให้มีการซื้อขายอีกต่อไป ที่ดินเหล่านั้นยังคงเป็นของรัฐอยู่ อันนี้ก็จะทำให้ทั่วประเทศ ก็มีระยะ 1 ระยะ 2 มีอยู่หลายจังหวัด ที่ต้องเอาคนส่วนที่ 1 ที่ต้องเอาออกมาทันที โดยเร็ว ด้วยความสมัครใจด้วย จากป่าต้นน้ำ ออกมาหาที่ให้เขาอยู่ ถ้าอยู่ต่อไปมันก็เป็นอย่างนี้ ชำรุดทรุดโทรมไปเรื่อง เดี๋ยวก็ต้องทำถนนหนทาง ทำไฟฟ้า ทำประปาเข้าไป แล้วก็เรียกร้องว่าทำไมไม่ได้ซะที ก็มันอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ ทำให้มันก็ขยายต่อไป มีลูกมีหลาน ป่าก็หมดอีก เหมือนเดิม ต้องเอาออกมา มาอยู่ข้างนอก มาอยู่ในพื้นที่ที่ผมกำหนดไว้แล้ว คณะกรรมการเขาเลือกมาแล้ว มีพื้นที่ที่บุกรุกอยู่แล้วเดิม มีพื้นที่ที่ว่างเปล่า เป็นที่ราชพัสดุ ที่ของราชการ เราก็จะใช้มาตรา 44 ให้สามารถอยู่ได้ อยู่ได้แล้วทำกินนะ ห้ามขาย หรือขยายพื้นที่รุกล้ำไปเหมือนเดิมอีกไม่ได้ ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อจะลดปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคม ความเป็นธรรม ยุติธรรม
     
       ระยะที่ 1 พื้นที่เป้าหมาย 6 แห่ง 4 จังหวัด 53,694 ไร่ ระยะที่ 2 พื้นที่เป้าหมายอีก 8 แห่ง ในอีก 8 จังหวัด อีก 51,929 ไร่ จะเห็นว่าพื้นที่มีไม่มากนัก ทั้งหมด 12 จังหวัด เราก็ต้องหาเอาคนที่ผิดกฎหมาย และไม่มีที่ทำกินจริงๆ เข้ามาอยู่อาศัย คนที่เดือดร้อนเยอะแยะไป ถูกเขาหลอกบ้าง อะไรบ้าง บางทีก็มีคนไปหลอกว่าให้มาทำกินที่นี่ แล้วก็จ่ายเงินให้เขา เขาก็จะไปทำให้ เสร็จแล้วก็ทำไม่ได้ วันนี้ที่รัฐเข้าไปสำรวจ ส่วนใหญ่ที่ประชาชนเข้าไป ไม่รู้เรื่องนะ มีคนชี้นำเขามา มันก็ผิดกฎหมายอยู่อย่างนี้ พอเราเข้าไปจัดการ ก็กลายเป็นว่าเราไปรังแกประชาชน คนจน นี่ไง ประเทศไทย ก็มีคนไปใช้ประโยชน์ถึงเยอะแยะ
     
       เพราะฉะนั้นวันนี้ ในเรื่องที่เราจะเร่งรัดให้มากขึ้น เพราะว่าเป็นแหล่งรายได้ของประเทศที่สำคัญในปัจจุบัน คือในภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น มีความสดใส และจะใช้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเราด้วยในขณะนี้ เพราะว่าเราลงทุนไม่มากนัก ถ้าไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ลงทุนเศรษฐกิจ เหล่านั้นมันต้องใช้เวลา ใช้เงินจำนวนมาก อันนี้เราก็สร้างให้มันปลอดภัย ให้มันสะอาด มีส้วม มีสุขา วันนี้ก็เห็นหลายที่มีการประกวดห้องน้ำ ห้องสุขา ในสถานที่ท่องเที่ยว ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ ริเริ่มอย่างนี้ดีกว่า คนที่เขามาเที่ยวจะได้พอใจ มีความสุข ถ้ามาแล้วก็ แน่นก็แน่น มองอะไรก็ไม่เห็น ส้วม ห้องน้ำ ก็สกปรกอีก แถมมีโจรผู้ร้ายอีก มีหลอกลวงเข้ามาอีก มีของปลอมเข้ามาอีก แล้วมันจะไปได้รายได้เข้าประเทศได้ยังไง ผมไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ทุกฝ่าย ก็จะเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้ อย่าทำอีกเลย ทำลายประเทศกันไป จะทำลายกันไปถึงไหน
     
       เพราะฉะนั้นกลุ่มนักท่องเที่ยวปัจจุบันนั้นมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งจีน มาเลเซีย เกาหลี รัสเซีย ญี่ปุ่น ไตรมาสแรก มกราคม-มีนาคม 58 นี้ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเรา ประมาณ 8 ล้านคนนะครับ ขยายตัวร้อยละ 23 จากปีที่แล้ว ใครบอกว่าลดลงมาหาผม อย่าไปพูดในสื่อตัวเลขที่กระทรวงเขาคุมท้องถิ่นเขารายงานกันขึ้นมา ถ้าท่านไม่ฟังทางวิทยาศาสตร์ ท่านจะไปเชื่อใคร ข้างนอกพูดมาไม่มีหลักเกณฑ์ ไม่ได้ เดือนเมษายนนี้ห้วงเทศกาล สงกรานต์ เราคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวในบ้านเราประมาณ 5 แสนคนนะครับ คนไทยเองก็จะมีการเฉลิมฉลอง พักผ่อน ท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอย เดินทางกลับภูมิลำเนาก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมีเงินมาใช้มาก มีเงินน้อยใช้น้อย ถ้ามีน้อยใช้มากก็ไม่ใช่อีก ถ้าไม่ให้ใช้เลยก็ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นต้องเผื่อแผ่ต้องมีเงินมาใช้จ่ายกัน คนไม่กล้าใช้เงินให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร เศรษฐกิจมันต่อกันมันเป็นห่วงโซ่กัน รัฐบาลเขาทำขนาดใหญ่ลงมาถึงเล็ก เล็กก็ต้องช่วยเล็กดันขึ้นไปใหม่ สร้างเถ้าแก่ใหม่ ต้องมองในภาพรวมด้วยนะครับ อย่ามุ่งแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ เศรษฐกิจท้องถิ่นตลาดชุมชนก็ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยน ค้าขาย และดูแลซึ่งกันและกัน ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้ามีมากก็ขาย ถ้าอะไรขายไม่ได้ราคาก็ไม่มีภูมิคุ้มกันว่าอย่าปลูกให้มากนัก
     
       ในเรื่องของการแข่งขันของประเทศนั้นทำให้เข้มแข็งในเวทีโลกนั้น เราต้องทำหลายอย่างนะครับ การวางระบบโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ราง ทางน้ำ ทางอากาศ เราต้องพยายามให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุน เชื่อมโยงขนถ่ายสินค้าในภูมิภาค และมีโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการจะได้ส่งเสริมภาคการผลิต ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมให้เกิดเสถียรภาพ น้ำ เพื่อการอุปโภค-บริโภค น้ำประปา ปัญหาของเราคือการบริหารจัดการน้ำมัน ไม่ได้ทำทั้งระบบมาโดนตลาดอย่างต่อเนื่องทำมาเป็นปี ๆ ไม่ได้ มันต้องมาผูกโยงกันวันนี้เริ่มต้นมาได้สมัยนี้ ระยะที่ 1 มันต้องมีกี่ระยะ มีแหล่งน้ำให้กับประปาหมู่บ้านครบ อีก 6,000 กว่าแห่ง ปี 60 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดย่อย แหล่งน้ำในที่นา ไม่ใช่มีเงิน และไปลงในพื้นที่ที่มันขุดไปแล้วไม่มีน้ำ เก็บน้ำไม่อยู่ มันก็ต้องไป ขุดที่มันมีน้ำ และจัดระบบส่งน้ำไปที่มันไปได้
     
       วันนี้มีการจดทะเบียนนวัตกรรมจากการวิจัยในประเทศ และนำไปสู่สายการผลิต ได้สั่งการแก้ไขหลายอย่าง ราชการต้องเอาไปทดลองใช้งาน ในจากงบประมาณของหน่วยงานเอง 10-30% ต้องทดลองไปใช้ก่อน เพราะต้องมีการทดลอง มีมาตรฐานในประเทศ เราต้องผ่อนผันกฎกติกาอื่นๆ ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างเยอะแยะ เราต้องทำ ไม่เช่นนั้นมันซื้อไม่ได้ เพราะกฎหมายมันเขียนไว้อย่างนั้น อีกอันคือว่า ถ้าจะไปขายต่างประเทศเราก็ต้องส่งไปทดสอบต่างประเทศให้เขายอมรับมาตรฐาน ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ขายได้หมด มันต้องผ่านมาตรการกีดกันทางการค้าเข้าไปอีก ข้อตกลง WTO, FTO อีกเยอะแยะไปหมดที่เขากำหนดไว้ ปีนี้ต้องเจรจา FTA อีกหลายประเทศเหมือนกันนะ เพราะเราไปถูกปรับเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ฉะนั้นภาษีมันเปลี่ยนไปหมดเลย เราต้องไปเปิดเจรจากับประเทศนั้นประเทศนี้เพิ่มเติมทำให้เราขายสินค้าได้มากขึ้น ในประเทศที่ไม่ได้จำกัดเราในด้านเหล่านี้
     
       การลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย การลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว ค่อนข้างจะก้าวหน้ามากขึ้น แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่ลงทะเบียน มันจะต้องไปดูเรื่องของการพิสูจน์สัญชาติอีก ต้องมีการรับรองโดยประเทศคู่สัญญา เช่น ประเทศรอบบ้านเรา ซีอาร์วี เขาต้องจัดชุดพิสูจน์สัญชาติเข้ามาตรวจสอบที่จดทะเบียน บางประเทศตรวจได้นิดเดียว เพระาคนเขาน้อย บางประเทศจดได้ 70-80% เขาต้องต่ออายุของการถือใบอนุญาตชั่วคราว ผ่อนผันไว้ก่อนให้ทำงานได้ก่อน แต่ขอร้องว่า พวกนี้อย่าเพิ่งย้ายไปที่ไหน เพราะฉะนั้นต่อไปจะมีการสำรวจด้วยว่า ผู้ประกอบการที่ขอจดทะเบียนไปแล้ว คนที่จดทะเบียนไปแล้วยังอยู่หรือเปล่า ไม่ใช่พวกนี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันดูแล ส่วนใหญ่ก็ถูกซื้อตัวไปอีก ทำที่นี่เสร็จพอที่นี่ให้รายได้สูงขึ้นก็ไปทางด้านโน้น มันไม่มีกติกากันเลย
     
       การปฏิรูปการศึกษาก็สำคัญ ผมให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาก เพราะคนในแต่ละประเทศมันขึ้นอยู่กับคุณภาพของคน คุณภาพของคนมันมาจากการศึกษา ผมเองก็ต้องพัฒนาตัวเอง หลายๆ คนต้องพัฒนาตัวเอง ประชาชนก็ต้องเรียนรู้ ต้องมีความรู้ ต้องเรียนหนังสือ ต้องส่งลูกเรียน เรียนอะไรที่เป็นประโยชน์มีงานทำ ถ้าทุกคนมองแต่เพียงว่า จะหาเงินอย่างไรก็ได้ จะถูกจะผิดก็ได้ ไม่ถูก เป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดกับประเทศ ประเทศก็ไปไม่ได้ วันหน้าก็ทุจริตกันแบบเดิมอีกเยอะแยะไป ไม่ได้ มันต้องพัฒนาคนให้มากที่สุด พัฒนาฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาด วันนี้ก็เร่งทุกวัน และจะต้องรองรับภาคการผลิตในกรอบอาเซียนที่มันจะมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราผูกโยงห่วงโซ่เยอะแยะไปหมด ธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ทั้งต่างประเทศ ในประเทศ สร้างความเข้มแข็งระหว่างกัน ความเชื่อมโยงระหว่างกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน ไปดูแลเรื่องการศึกษาด้วย สถานประกอบการต่างๆ ต้องรับผิดชอบในพื้นที่ด้วย ต้องไปดูแลการวิจัย พัฒนา เอาคนไปเรียนรู้ในสถานประกอบการ ทำทั้งหมด รัฐบาลก็จะทำ ในระหว่างนี้เราต้องสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต เพื่อยกระดับความร่วมมือเศรษฐกิจกับตลาดใหม่ เช่น ผมเรียนไปแล้วว่า ตลาดที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอาจจะอยู่ในขั้นประเทศที่มีรายได้น้อย รายได้ต่ำ เช่น ไปดูๆ เขา วันหน้าเดี๋ยวถ้าเขาทำดี เขาอาจจะแซงเราก็ได้ ถ้าเราทะเลาะกันอยู่ เช่น แอฟริกา เอเชียใต้ ต้องดูแลเขา ผมอยากให้มองว่า ต้องดีทั้งคู่ เราดีขึ้น เขาก็ต้องดีขึ้น ไม่ใช่เราไปสูบเลือดสูบเนื้อเขามา ไม่มีความสุขหรอกครับ เผื่อแผ่แบ่งปันประชาคมโลก
     
       ตลาดที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจปานกลาง จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา รัสเซีย ประเทศหมู่เกาะ และการเพิ่มมูลค่าสินค้าชายแดนเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางฮับ ทางด้านการบิน การท่องเที่ยว ฮับในเรื่องการรักษาพยาบาล การแพทย์ โรงพยาบาล ทั้งหมดนี้มันจะทำให้ประเทศเรามีรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงในอนาคต ต้องใช้เวลา รัฐบาลใครก็ต้องทำแบบนี้ถ้าเป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล นึกถึงประชาชนเป็นหลัก
     
       ในการร่างรัฐธรรมนูญนั้นมีความสำคัญ ปัจจุบันก็อยู่ในกระบวนการ ก็ยังไม่เสร็จสิ้น แต่อยากจะบอกทุกคนว่า อย่าไปตำหนิติเตียนกันนักเลย น่าดีใจที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ ติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามในประเด็นที่ยังไม่เรียบร้อย ยังไม่ได้ข้อยุติ ก็อย่าเพิ่งไปขัดแย้งกันเลย ประเทศเราต้องไปดูก่อนว่า เราจำเป็นต้องปฏิรูปหรือเปล่า ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นก็จบ ไม่จำเป็นต้องไปร่างใหม่ เอาอันเก่าไปใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าทุกคนคิดว่าต้องปฏิรูปแล้ว มันก็ต้องมาดูว่า จะเขียนอย่างไรให้คนในประเทศยอมรับ ให้นักการเมืองยอมรับด้วย ประเทศเราจำเป็นต้องปฏิรูปไหม และที่ผ่านมากฎกติกาบ้านเมืองมีช่องว่างตรงไหน เราก็แก้ตรงนั้น ไม่ใช่ต้องแก้กันทั้งหมด เขาทำอยู่ ก็เป็นห่วงเรื่อง ประเด็นคือกลุ่มการเมือง การเข้าสู่อำนาจ การเป็นรัฐบาล การแก้ปัญหาเมื่อมีเหตุการณ์แบบครั้งที่แล้ว เขาห่วงตรงนั้น ก็เลยเขียนอะไรออกมาแบบนั้น ปัญหาคือเรายอมรับได้ไหม ยอมรับไม่ได้เพราะอะไร ถ้าได้ได้เพราะอะไร ถ้าได้เป็นผมนะ ในฐานะคนไทย ถ้าได้คือเราอยากให้ปฏิรูปได้ เราอยากให้การเมืองเราโปร่งใส อยากให้บ้านเมืองมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นก็ต้องแก้ไข มันอาจจะไม่ตรงกับประเทศอื่นๆ เพราะประเทศอื่นเขาพัฒนาเลยไปแล้ว แต่เรายังติดตรงนี้ไง เราไปเอาตรงโน้นมาทำตรงนี้ได้ไหม แล้วต่างประเทศเขาว่าไง แล้วเราแก้ตรงนี้ช้ากว่าเขาไง ท่านไปคิดใหม่นะ ไปดูว่าจะทำอย่างไร ถ้าท่านคิดว่าไม่ต้องปฏิรูป อยากให้เป็นแบบเดิม มีการใช้กำลัง ไม่ใช้อาวุธ มีเสรีภาพและข้อจำกัด กฎหมายใช้ไม่ได้ ก็ตามใจท่านแล้วกัน ผมไม่รู้จะว่าอย่างไร
     
TV24 รำลึก...ทหารล้อมยิงประชาชน 5 ปี 10 เมษายน 2553

รายงานพิเศษ ...TV24 รำลึก...ทหารล้อมยิงประชาชน 5 ปี 10 เมษายน 2553การต่อสู้เื่พื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพแห่งประชาธิปไตย ของประชาชนและคนเสื้อแดงเคียงข้าง กับกลุ่ม นปช ...ณ.ราชประสงค์ ผ่านฟ้า ราชดำเนิน 10 เมษายน 2553

Posted by Red Thai V2 on Friday, April 10, 2015


       ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ ประชาคมโลก ให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ผมว่าไม่ต้องอาย ถ้าทำแล้วอย่าอาย รัฐบาลไหนก็ตาม ถ้าทำแล้วยอมรับกันบ้าง ยอมรับกติกา ยอมรับกฎหมายบ้าง ผมว่าผมมอบนโยบายไปแล้วเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ให้ไปเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญของต่างประเทศที่เขาเกิดเหตุการณ์แบบเรา ว่ามีการปฏิวัติรัฐประหาร มีการใช้อาวุธสงคราม มีการต่อสู้กันในเมือง แล้วขันตอนเหล่านั้นจากนั้นมาจนถึงวันนี้เขาทำอะไรมาบ้าง ใช้เวลาเท่าไหร่ เราต้องถามเขาแบบนี้ ไม่ใช่ให้เขามาวิเคราะห์มาตรารัฐธรรมนูญไทยอย่างไร ไม่ใช่ ให้คนไทยได้รับรู้ ว่าถ้าจะเป็นแบบที่เขาเป็นในวันนี้ มันต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง
     
       วันนี้ทุกคนไม่ได้มองอะไรเลย มองว่าทำอย่างไรจะมีสตางค์ ทำอย่างไรจะแก้ปัญหาโน้นนี้ได้ ทำอย่างไรจะร่ำรวย ไม่ได้คิดว่า แล้วประเทศชาติอยู่ตรงไหน แล้วขั้นตอนมันเป็นอย่างไร ใจร้อนทุกคน ก็เลยต้องเปลี่ยนแปลง ต้องใช้กำลัง ใช้อาวุธสงคราม ผมว่าไม่ใช่ เราเคยเลิกทาสมา ไม่ได้เสียชีวิตเสียอะไรกันเลย ต่างประเทศเขาก็มีเหมือนกัน ที่ผมอยากให้เอามา ก็คือฝรั่งเศส และเยอรมัน สถานการณ์คล้ายๆเรา อย่ามาบอกว่าเขาเกิดนานมาแล้ว ไม่ใช้กับวันนี้ วันนี้มันต้องย้อนกลับไปที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เอาเขามาดู แล้วเราก็ย่อมมา ว่าจะทำอย่างไร ต่อจากนั้นเราก็มาถามกันเองว่า เราต้องการอะไร เขาเป็นอย่างนี้เพราะอะไรจะถามเขาดู การมีมาตรา 16 มาตรา 17 อะไรของเขา ทำไมถึงต้องมี ไม่ใช่มานั่งเถียงของเรา แล้วไม่ดูของเขา ขณะเดียวกันคนเก่าก็ต้องการแบบเดิม มันไม่เกิดประโยชน์ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไปได้หรือไม่ได้อยู่กับคนไทยทุกคน อยากจะให้มันดีกว่าเดิมไหม อยากอยู่ในความขัดแย้งอีกหรือเปล่า อยากมีการเมืองที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมไหม เป็นธรรมไหม สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไหม เกษตรกรจะต้องมีเงิน มีรายได้มากขึ้นไหมในอนาคต ทุกอย่างมันต้องพัฒนาหมด แล้วประเทศไทยก็อ่อนด้อยแบบนี้ตลอดไป ฉะนั้นก็เร่งดำเนินการ อย่าหาว่าผมไม่เอาใครเขามาเลย มีหลายคนต่อว่าผม ว่าผมไม่เอาคนอื่นมายุ่ง ท่านไปเอายุ่งมากกว่าผม ท่านมาวิจารณ์ มาว่าประเทศ มาใช้กฎหมาย ใช้อะไร ต่างประเทศมาใช้กับเราประเทศไทย นั่นน่ะหนักยิ่งกว่าผมนะ จะบอกให้ ผมเอามาเพื่อศึกษาข้อมูล ไม่เกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญของเรา ไม่เกี่ยว บ้านเราส่วนบ้านเรา แต่เราจะถามเหตุผลของเขา ว่าทำไมถึงมีอย่างนั้น แล้วเราดูว่าทำไมถึงไม่มี แล้วเราจะมีบ้างได้มั้ย
     
       วันนี้ก็มีหลายเรื่องนะ เนื่องจากเป็นสงกรานต์ ผมก็ไม่อยากจะพูดอะไรที่มันแรงๆ นะ แต่มันก็อดไม่ได้ ขออนุญาตพูด เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของปีนะ วันนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญนะ ของการเดินหน้าประเทศ ที่ผมพูดมาทั้งหมด ตลอดระยะเวลาการเป็นรัฐบาล คสช. ก็ 6 เดือนใช่มั้ย 6 เดือน กับ 5 เดือน 11 เดือนแล้ว จะปีแล้ว ก็พูดตลอดนะ ความก้าวหน้า มันก็มีตามลำดับนะ แต่ผมบอกแล้วว่า มีระยะต้น ระยะกลาง ระยะปลาย จะทำระยะต้น ระยะกลาง 1 ปีแรก กับ 1 ปีที่สองที่เป็นรัฐบาล รวมแล้วก็ 2 ปีเท่านั้นล่ะ ต่อไปก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่โรดแมป ถ้าทำได้ก็ทำไป
     
       แต่วันนี้ต้องเดินหน้าประเทศไปสู่การปฏิรูปให้ได้ วางแผนปฏิรูปพื้นฐานให้ได้ มีกลไกในการที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง เป็นรูปธรรม มันก็ต้องไปดูว่าจะทำยังไงให้มันเกิดตรงนั้น กฎหมายลูก หรือบทเฉพาะกาล จะทำยังไง ถ้ายอมรับ โอเค ประเทศไปได้แน่ ถ้าไม่ยอมกัน ประเทศถอยหลังกลับที่เดิม ผมสรุปง่ายๆ แค่นี้
     
       การเลือกตั้ง เราต้องการให้เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส มีนักการเมืองที่ดี มีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม จริยธรรม ก็ต้องเข้าใจสิว่าความตั้งใจของเขา ของ สนช. สปช. กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ ทุกคน ทุกหน่วยงาน เขามีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ได้อย่างที่ผมพูด แต่แน่นอน มันต้องมีความขัดแย้ง มีคนไม่เห็นด้วยอะไรต่างๆ ผมก็ต้องใช้เวลาในการสร้างความรับรู้ให้ได้ ให้เร็วที่สุด เพื่อประเทศชาติและประชาชน เพื่อจะได้ปลอดภัยในช่วงการเปลี่ยนผ่าน วันนี้ผมถือว่าเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่าน หรือส่งผ่าน ไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อย่างที่โลกต้องการ อย่างที่โลกเขาไม่มีปัญหา หลายประเทศผ่านการจัดการมาก่อน ผมว่าอาจจะพูดได้ว่าทุกประเทศ วันนี้ขอเวลาหน่อยเถอะ อาจจะนานสักหน่อย ไม่ได้พูดมาหลายครั้งแล้ว
     
       เพราะฉะนั้นในเรื่องของการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์นั้น ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ ทุกคนต้องอดทน ต้องช่วยเหลือกัน มีมาตรการที่จะทำให้เกิดเอื้ออำนวยต่อการปฏิรูปให้ได้อย่างแท้จริง ไม่งั้นก็พูดแต่ปาก แล้วทำอะไรไม่ได้ วันหน้าก็กลับที่เก่า เพราะฉะนั้นความเข้มแข็งของข้าราชการ ข้าราชการท้องถิ่น ประชาชน เราต้องทำให้เขาแข็งแรงในอนาคต ทุกภาคส่วน ไม่มีความเหลื่อมล้ำ เข้าถึงกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทุกคน มีเงินมีทองใช้อย่างถูกต้อง เจริญเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
     
       ก็พูดถึงแต่สิ่งที่ทำมาแล้ว และมีปัญหาอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็บอกว่าไม่เป็นธรรม อะไรเหล่านี้ ผมว่าท่านหยุดพูดได้แล้วนะ หยุดพูดได้แล้ว พอผมไปใช้อำนาจทางกฎหมาย ท่านก็บอกว่าผมไปปิดกั้นเสรีภาพสิทธิ สิทธิเสรีภาพที่ผ่านมาเป็นยังไงล่ะ บริหารประเทศได้มั้ย มีการประท้วงหรือเปล่า มีการประท้วงแล้วใครใช้อาวุธสงครามยิงตอบต่อคนที่เขามาประท้วง มันก็เกิดอย่างนี้ 53 ก็ชุดเดิม 56-57 ก็ไอ้ชุดเก่าอีกล่ะ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้าน ก็ทำแบบเดิม สังคมเข้าใจซะบ้าง ฟังอยู่ได้ อย่าไปฟังเขา ตามสื่อวิทยุ โทรทัศน์ วันนี้ผมต้องปิดสถานีวิทยุเท่าไหร่ล่ะ 6 พันกว่าแห่ง ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่เคยปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะอะไร เพราะสนับสนุนฝ่ายนักการเมือง เป็นของนักการเมืองเสียส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยดี ที่ดีๆ อย่าไปพูด ผมไม่ได้ว่าทุกคน คนดีๆ เยอะแยะไป ผมไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น ใครที่รู้ตัวว่าดี ผมไม่ได้ว่าท่าน ใครที่รู้ตัวว่าไม่ดี ผมว่าท่านก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องนำพาประเทศไปสู่อนาคต ท่านพยายามจะพูดอะไรก็ตามให้มันกลับไปที่เก่าให้ได้ สร้างการรับรู้ที่มันผิดๆ ไปอีกเหมือนเดิม ต้องการจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ได้พูดถึงหน้าที่ความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ไม่มีเลย กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย แล้วก็บางสถานการณ์ที่อ้างด้วยความเป็นธรรม แล้วก็ทำไม่ได้ ต่างๆ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการประท้วง อ้าวแล้วที่ผ่านมาครั้งก่อน ประท้วงหรือเปล่า ก็ประท้วงอีกเหมือนกัน มีการใช้อาวุธสงครามเหมือนกัน ไม่รู้สิ กลับไปดูของเก่าแล้วกัน สื่อต่างๆ ช่วยนะครับ หลักฐานอย่าไปทิ้งทั้งหมด ผมถ่ายรูป ถ่ายอะไรไว้เยอะแยะไปหมด วิดีโอ หนังสือพิมพ์ ทั้งหมดเดินตามเป็นร้อย ตามทหารเข้าไป แล้วก็หลบกระสุน ทำไมไม่พูดให้ผมบ้างเล่า ใครจะอยากไปใช้ทำร้ายประชาชน เขาก็มีชีวิตจิตใจนะ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ รัฐบาลต้องดูแล เมื่อสถานการณ์ไม่ดี รัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้ได้ จะด้วยวิธีไหนก็ต้องว่ากันไป จะผิดหรือถูกก็ไปว่ากันตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่อย่ามาบิดเบือน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อายเขานะ เดี๋ยวพอมันออกมาปรากฏจริงๆ แล้วท่านจะว่ายังไง ผมไม่รู้ ประเด็นสำคัญคือการใช้งบประมาณในการทำประชานิยม วันนี้มาบอกว่ารัฐบาลนี้ประชานิยมมากกว่า มากกว่าตรงไหน บอกว่าเราเอาเงินไปให้สวนยาง ชาวไร่ ก็ช่วยปัจจัยการผลิตเขา ผมไม่ได้ไปซื้อของเขามา การจะรับซื้อของก็เป็นเรื่องของระบบสหกรณ์ แล้วใช้เงินน้อยกว่าท่านมหาศาล ท่านบอกว่า เอ๊ะ แล้วทำไมไปขึ้นเงินข้าราชการ ก็เนี่ย จ่ายเงินไปให้เกษตรกรเป็นแสนล้าน ข้าราชการเขาไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมากี่ปีแล้วล่ะ ไม่เคยได้ขึ้น แล้วขึ้นคนละ 300-500 บาท เนี่ยเหรอ ให้เกษตรกร เดี๋ยวก็เดือดร้อน ก็ขออีก เนี่ย ผมต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ความเข้าใจซึ่งกันและกัน เกษตรกรก็ไม่ไปรังแก ไม่ไปร้องให้กับข้าราชการที่เขาดีๆ ปัญหาที่ผ่านมาคือการบิดเบือนทุกอย่างไปหมด ผมก็ต้องโทษล่ะ เพราะที่ผ่านมาก็เป็นการเมือง ผมไม่เคยไปโต้แย้งกับรัฐบาลไหนสักรัฐบาลหนึ่ง สั่งมาผมก็ทำให้หมด
     
       ประเด็นสำคัญก็คือว่า ที่เขาทำวันนี้ ทำให้เกิดความเป็นธรรม ดูแลทุกคนให้ทั่วถึง ให้เกิดความรัก ความสามัคคี วันนี้บอกว่าใช้เงินไปเยอะ แต่รัฐบาลก็ยังมีทำรถไฟ รถไฟฟ้า ตั้งเยอะตั้งแยะ ผมถามว่าถ้ามันไม่เสียเงิน เรื่องที่มันอยู่ในคดีตั้งหลายแสนล้าน เราก็คงไม่ต้องไปกู้เงินเขามาอีก เอาเงินตรงนี้มาลงทุนตรงนี้ได้ต่อ หนี้สิน หนี้สาธารณะทั้งหมดมันเกิดขึ้นมาโดยมันไม่มีรูปธรรม ไม่มีอะไรที่สำเร็จเป็นเรื่องเป็นราวชัดเจน เราก็ต้องทำต่อ หนี้เก่าก็ต้องผ่อนชำระ เดินหน้าประเทศก็ต้องทำ ลงทุนใหม่ก็ต้องลงทุน แต่มันติดด้วยวงเงินเหล่านี้ ไปคิดเอาเองนะ
     
       เรื่องของการดูแลพี่น้องเกษตรกร บอกว่าการประชานิยมในสมัยที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องของการให้ความเป็นธรรมกับราษฎร ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมถามว่าดีขึ้นมั้ย ตอนนี้ชาวนาเป็นหนี้อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน ยังมากขึ้นเหมือนเดิมหรือเปล่า วันนี้ชาวนาเป็นหนี้มากขึ้น ไหนบอกว่าดีขึ้นไง ดีขึ้นก็ต้องหนี้ลดลง ใช่มั้ย หรือเป็นหนี้ที่มันมีคุณค่า เป็นหนี้ที่เป็นทุน เป็นหนี้ที่มีบ้าน หรือต่อเติมบ้าน หรือว่าทำซื้อยานพาหนะ ซื้ออะไรที่เป็นเรื่องเป็นราว นี่หายไปหมด เพราะไปใช้หนี้เก่า วนอยู่อย่างนี้ ถ้าอันนั้นโอเค เราบรรเทาความเดือดร้อนได้ก้อนหนึ่ง อีกก้อนหนึ่งต้องให้เขามีรายได้ที่เพียงพอ นั่นต้องไปสร้างความเข้มแข็งในภาคการเกษตร การขาย การตลาดอีกเยอะแยะ ทำแบบนี้ ทำเป็นปีๆ ไป ใช้กันเข้าไป ทุกปีหนี้มันก็ขึ้นทุกปี แล้วถึงวันนี้เราพอจะเดินหน้า ติดไปหมด เงินก็ต้องไปกู้เขาอะไรเขา ผมก็ไม่ได้กู้ก้อนใหญ่ กู้เป็นปีๆ ไป กู้เป็นโครงการๆ ไป ถ้าเห็นชอบว่าอยากจะมีต้องมี เพื่อเป็นอนาคตต้องกู้ก็ต้องกู้ เพราะอดีตไม่ได้ทิ้งเงินให้ผม
     
       แล้ววันนี้ข้าราชการทำไมต้องไปขึ้นเงินให้เขา เพราะเขาเป็นคนเสียภาษีส่วนใหญ่ด้วยนะ วันนี้ข้าราชการเป็นคนเสียภาษี เพราะมันล็อกด้วยอะไร การจ่ายภาษี ณ ที่จ่าย หนีไม่ได้ซักคน วันนี้หลายๆ คนจ่ายภาษีกันทั้งนั้น ประชาชนที่ยังไม่เข้าเกณฑ์ก็ไม่จ่าย บรรดาเศรษฐีต้องไม่โกงภาษี และการเก็บภาษีเจ้าหน้าที่ต้องมีคุณภาพ กฎหมายภาษีก็ต้องปรับปรุง ที่แล้วดูซิว่า กฎหมายท้องถิ่นการเก็บเงินภาษีท้องถิ่น บำรุงท้องถิ่น มันเป็นอย่างไร วันก่อนทองบาทเท่าไร วันนี้ทองบาทเท่าไร ภาษีตัวเดิม แล้วเงินตรงไหนมันจะเอามาพัฒนา แล้วท่านก็อยากจะได้เงินท้องถิ่น มากขึ้น มันจะไปเอาที่ไหน เก็บภาษีไม่ได้ สื่อกำลังเลือกข้างทั้งหมด วันนี้ผมก็ว่ามันต้องไปเตือนกัน 2-3 สถานีพูดอยู่นั่นแหละ พูดในสิ่งที่มันโกหก ผมอยากจะพูดว่าโกหก ผมก็เตือนแล้วอะไรแล้ว ผมไม่อยากไปยุ่งอะไรกับท่าน ที่ผ่านมาท่านก็ทำแบบนี้ แล้วพอท่านทำแบบนี้อีกคนเข้ามาสู้ท่าน ท่านก็ไปรังแกอีกพวก เพื่อจะพูดข้างเดียว ไม่ใช่ ถ้าจะปิดก็ปิดทั้งหมด เพราะฉะนั้นก็ระมัดระวังแล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมไปละเมิดสิทธิสื่อที่มีจรรยาบรรณพวกนี้
     
       เพราะฉะนั้นขอตักเตือนให้หยุด การกระทำไม่ใช่ข้อเท็จจริง และอ้างว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อ ไม่ใช่ ผมไม่ต้องการ เพราะฉะนั้นทำถูกทำผิดอะไรก็แล้วแต่ ทุกวันนี้รู้แก่ใจว่าใครถูกใครผิด อย่ามาโกหกบิดเบือนอะไรอีกต่อไป ให้มีเขาเรียกว่าอะไร ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์หน่อยแล้วกัน คงเข้าใจกันนะ คงไม่แรงไปหรอก ขอโทษแล้วกันถ้าใครคิดว่าแรง อย่าไปหลบซ่อนที่อยู่นั่นที่นี่มาสู้ตามกฎหมายให้ชัดเจนขึ้น ผมจะดำเนินความเป็นธรรมให้ อย่าไปกล่าวอ้าง ประเทศชาติเสียหาย แล้วเอาคนนั่นคนนี้มาแก้ปัญหาให้เรา มันไม่ใช่เรื่อง โอเคนะครับ ขอบคุณนะครับ ขอให้ความสุขในช่วงวันหยุดสงกรานต์หลายวัน ย้ำอีกครั้ง หยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ใช่ไหม เสาร์-อาทิตย์แล้วก็ต่อ จันทร์ อังคาร พุธ มีคนบางคนบอกว่า รัฐบาลนี้ใจดี ไปต่อพฤหัสฯ ศุกร์อีก 9 วัน ไม่ใช่ หยุดกันนานๆ เดี๋ยวก็มีเรื่องอีก มีปัญหาอีก การติดต่อราชการมีปัญหา เศรษฐกิจก็แย่อยู่ แต่ในระหว่างนี้ในส่วนของรัฐบาลก็พร้อมนะครับ ผมไม่ได้ไปไหน พร้อมจะแก้ปัญหา พร้อมจะดูแลประชาชนที่มีเรื่องเดือดร้อน เวลาที่ประชาชนพักผ่อน ผมก็ต้องทำงาน เวลาทำงานผมก็ต้องทำงาน เพราะเวลาผมมีน้อย จำกัดไง ขอบคุณในความร่วมมือ ขอบคุณทุกคนขอให้มีความสุข เดินทางไปกลับโดยปลอดภัย และพ่อแม่ลูกหลาน ครอบครัวอยู่กันให้ครบพร้อมหน้า กราบคุณพ่อคุณแม่ไปถึงแล้ว ผู้มีพระคุณทั้งหมด นั่นแหละคือค่านิยมของคนไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ของเราที่มีมายาวนาน เป็นเจ้าบ้านที่ดีกับนักท่องเที่ยวด้วยนะครับ จะเข้ามาเยอะแยะอย่าให้เห็นภาพเดิมๆ อีก เจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้มแข็ง หามาตรการที่เหมาะสม อย่าให้มันรุนแรง ขอบพระคุณนะครับ สวัสดีครับ
พิมพ์จาก http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000041885
เวลา 11 เมษายน 2558 02:22 น.
ผู้จัดการออนไลน์ - Manager Online (http://www.manager.co.th)
 Thailand Web Stat
และนี่คือหลักฐานอีกด้านหนึ่ง จากรายงานของสำนักข่าวฝั่งประชาชนแดง

รายงานพิเศษ ...TV24 รำลึก...ทหารล้อมยิงประชาชน 5 ปี 10 เมษายน 2553การต่อสู้เื่พื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพแห่งประชาธิปไตย ...

Posted by Red Thai V2 on Friday, April 10, 2015