PPD's Official Website

Saturday, April 30, 2016

จันทรโอชา ราชวงศ์ใหม่ที่ประเทศไทย ไม่ต้องการ


จันทรโอชา ราชวงศ์ใหม่ที่ประเทศไทย ไม่ต้องการ


จันทรโอชา ราชวงศ์ใหม่ที่ประเทศไทย ไม่ต้องการ


จันทรโอชา ราชวงศ์ใหม่ที่ประเทศไทย ไม่ต้องการ


พร้อมกันทั่วประเทศ 7 ส.ค.59 ประกาศความเป็นเจ้าของประเทศ


พร้อมกันทั่วประเทศ 7 ส.ค.59 ประกาศความเป็นเจ้าของประเทศ


พร้อมกันทั่วประเทศ 7 ส.ค.59 ประกาศความเป็นเจ้าของประเทศ


พร้อมกันทั่วประเทศ 7 ส.ค.59 ประกาศความเป็นเจ้าของประเทศ


เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

-
ทรราช ประวิตร  ใช้อำนาจ คสช.และ รองนายกฯ ที่ดูแลกรมตำรวจ แต่งตั้งให้ อีตั๊น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส.  บรรจุยศร้อยตรี กรมปทุมวันเรียบร้อย

-
  หลังจากก่อนหน้านี้ มีความพยายาม ให้ยศ อีตั้นและเหล่าสมุนของ กปปส. เพื่อเป็นค่าตอบแทน ที่ช่วยงานล้มรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งได้สำเร็จ ในปี 2557

-
ถึงแม้ว่า อีตั้น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส. ตัวนี้ จะมีคดีร้ายแรงที่อยู่ในรายนามผู้ต้องหาฯ  ก็ตาม ....กระทั้งมีความพยายาม ถอดรายชื่อผุ้ต้องหาคดีร้ายแรง ได้สำเร็จ ด้วยอำนาจ ทรราช คสช. 

-
เรามาดูกันว่า อีตั้น ทำไมถึงมีคุณลักษณะ พิเศษ กว่าประชาชนทั้งประเทศ 

-

1 ) ตำแหน่งของอีตั้น จิตภัสร์ ไม่ได้มีการสอบแข่งขันกับผู้อื่น เหมือนหลานชายของทรราช ประยุทธ์ ที่ได้รับการติดยศร้อยตรี เช่นกันในกองทัพ 

-
2 ) ในประเทศไทยมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย ที่มีความสามารถด้านประสานงานต่างประเทศ รวมถึงพูดได้หลายภาษา เช่น อังกฤษ จีน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน แต่คนกลุ่มนั้นไม่ได้รับโอกาส เพราะบุคคลทั่วไป เป็นประชาชน ธรรมดา  ไม่สามารถแปลภาษา นกหวีดได้

-
3 ) การประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงใจ เหตุผลในการพยายามลากตั้ง แต่งตั้ง ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง กปปส. เป็นการทดแทนผู้มีบุญคุณหรือไม่ เข้าข่ายการล็อบบี้ยิสต์หรือไม่ เพราะไม่ต้องเข้าสอบ ตามขบวนการของตำรวจ

-
4 ) หากเป็นการสอบแข่งขันแม้ในระดับนายสิบตำรวจ ยังต้องมีการเช็คประวัติบุคคลเรื่องคดีอย่างละเอียด หากบุคคลใดมีประวัติเข้าข่ายจะถูกตัดสิทธิทันที แต่อีตั้น มีคดีร้ายแรง ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี  หากแต่สามารถเข้ารับการติดยศได้

-
5 ) อีตั้น จิตภัสร์ เป็นแกนนำสำคัญที่ยุยงปลุกปั่น ปล่อยให้มีทำร้ายเพื่อนข้าราชการตำรวจ ดูหมิ่นด่าทอศักดิ์ศรี ทำลายดูหมิ่นป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้อาวุธหนักจนมีเพื่อนตำรวจเสียชีวิตและพิการ ซึ่งตำรวจเหล่านั้นที่ได้รับผลกระทบหลายสิบคน ทั้งตายและบาดเจ็บ  อีตั้นอยู่ฝ่ายการเมืองนอกสถา  และจะมาปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางในการรักษาความสงบ ของประเทศได้อย่างไร

-
6 ) ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่เปิดใหม่ขึ้นมา ใน ยุค ทรราช คสช.  และอีตั้น จิตภัสร์ ก็เป็นคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่ง คำถามคือ ตำแหน่งนี้สำคัญอย่างไร และทำไมต้องอีตั้นจิตภัสร์

-
7 )  อำนาจการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตำรวจกรณีพิเศษนี้ เป็นอำนาจของ ผบ.ตร.   ว่า ผบ.ตร.เปิดตำแหน่งนี้ เป็นการตอบแทนผลประโยชน์กัน ระหว่าง กปปส. กับ ทรราช คสช. ที่ได้ช่วยกันล้มรัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้งของประชาชน  หรือไม่

-
8 ) แม้มีข่าว อีตั้น จิตภัสร์ มีงานสารนิพนธ์ ป.โท ที่ไม่ได้เผยแพร่ในห้องสมุดจุฬาฯ คำถามคือ ผ่านมาปีกว่าทำไมไม่เผยแพร่ และเป็นไปได้หรือไม่ว่า อีตั้นจิตภัสร์ ไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาเพียงพอที่จะบรรจุเข้ารับราชการตำรวจ แต่เป็นการช่วยเหลือกัน ทำเอกสารปลอม เพื่อให้ได้รับการบรรจุ  ในกรมตำรวจ เหมือนไอ้ฆาตกร 100 ศพ อภิสิทธ์  ที่ใช้เอกสารหนี้ทหาร สมัคร สส.

-
หากการเข้ารับราชการในกรมตำรวจครั้งนี้ ก็ไม่เปิดเผย เป็นการบรรจุและช่วยเหลือกันในกลุ่ม กปปส . และทรราช คสช.แบบลับ ๆ แม้อีตั้น จิตภัสร์ และผู้แต่งตั้ง จะกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ก็ตามหรือ............. นั้นคือสิ่งที่ต้องถามใจพี่น้องประชาชน และตำรวจ ที่ถูก กปปส. ฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บอยู่ทุกวันนี้ว่า .............. เราจะทนให้อำนาจ ทรราช คสช. ครอยงำเราอยู่อย่างนี้หรือ

-

เสรีชน



เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

-
ทรราช ประวิตร  ใช้อำนาจ คสช.และ รองนายกฯ ที่ดูแลกรมตำรวจ แต่งตั้งให้ อีตั๊น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส.  บรรจุยศร้อยตรี กรมปทุมวันเรียบร้อย

-
  หลังจากก่อนหน้านี้ มีความพยายาม ให้ยศ อีตั้นและเหล่าสมุนของ กปปส. เพื่อเป็นค่าตอบแทน ที่ช่วยงานล้มรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งได้สำเร็จ ในปี 2557

-
ถึงแม้ว่า อีตั้น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส. ตัวนี้ จะมีคดีร้ายแรงที่อยู่ในรายนามผู้ต้องหาฯ  ก็ตาม ....กระทั้งมีความพยายาม ถอดรายชื่อผุ้ต้องหาคดีร้ายแรง ได้สำเร็จ ด้วยอำนาจ ทรราช คสช. 

-
เรามาดูกันว่า อีตั้น ทำไมถึงมีคุณลักษณะ พิเศษ กว่าประชาชนทั้งประเทศ 

-

1 ) ตำแหน่งของอีตั้น จิตภัสร์ ไม่ได้มีการสอบแข่งขันกับผู้อื่น เหมือนหลานชายของทรราช ประยุทธ์ ที่ได้รับการติดยศร้อยตรี เช่นกันในกองทัพ 

-
2 ) ในประเทศไทยมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย ที่มีความสามารถด้านประสานงานต่างประเทศ รวมถึงพูดได้หลายภาษา เช่น อังกฤษ จีน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน แต่คนกลุ่มนั้นไม่ได้รับโอกาส เพราะบุคคลทั่วไป เป็นประชาชน ธรรมดา  ไม่สามารถแปลภาษา นกหวีดได้

-
3 ) การประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงใจ เหตุผลในการพยายามลากตั้ง แต่งตั้ง ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง กปปส. เป็นการทดแทนผู้มีบุญคุณหรือไม่ เข้าข่ายการล็อบบี้ยิสต์หรือไม่ เพราะไม่ต้องเข้าสอบ ตามขบวนการของตำรวจ

-
4 ) หากเป็นการสอบแข่งขันแม้ในระดับนายสิบตำรวจ ยังต้องมีการเช็คประวัติบุคคลเรื่องคดีอย่างละเอียด หากบุคคลใดมีประวัติเข้าข่ายจะถูกตัดสิทธิทันที แต่อีตั้น มีคดีร้ายแรง ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี  หากแต่สามารถเข้ารับการติดยศได้

-
5 ) อีตั้น จิตภัสร์ เป็นแกนนำสำคัญที่ยุยงปลุกปั่น ปล่อยให้มีทำร้ายเพื่อนข้าราชการตำรวจ ดูหมิ่นด่าทอศักดิ์ศรี ทำลายดูหมิ่นป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้อาวุธหนักจนมีเพื่อนตำรวจเสียชีวิตและพิการ ซึ่งตำรวจเหล่านั้นที่ได้รับผลกระทบหลายสิบคน ทั้งตายและบาดเจ็บ  อีตั้นอยู่ฝ่ายการเมืองนอกสถา  และจะมาปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางในการรักษาความสงบ ของประเทศได้อย่างไร

-
6 ) ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่เปิดใหม่ขึ้นมา ใน ยุค ทรราช คสช.  และอีตั้น จิตภัสร์ ก็เป็นคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่ง คำถามคือ ตำแหน่งนี้สำคัญอย่างไร และทำไมต้องอีตั้นจิตภัสร์

-
7 )  อำนาจการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตำรวจกรณีพิเศษนี้ เป็นอำนาจของ ผบ.ตร.   ว่า ผบ.ตร.เปิดตำแหน่งนี้ เป็นการตอบแทนผลประโยชน์กัน ระหว่าง กปปส. กับ ทรราช คสช. ที่ได้ช่วยกันล้มรัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้งของประชาชน  หรือไม่

-
8 ) แม้มีข่าว อีตั้น จิตภัสร์ มีงานสารนิพนธ์ ป.โท ที่ไม่ได้เผยแพร่ในห้องสมุดจุฬาฯ คำถามคือ ผ่านมาปีกว่าทำไมไม่เผยแพร่ และเป็นไปได้หรือไม่ว่า อีตั้นจิตภัสร์ ไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาเพียงพอที่จะบรรจุเข้ารับราชการตำรวจ แต่เป็นการช่วยเหลือกัน ทำเอกสารปลอม เพื่อให้ได้รับการบรรจุ  ในกรมตำรวจ เหมือนไอ้ฆาตกร 100 ศพ อภิสิทธ์  ที่ใช้เอกสารหนี้ทหาร สมัคร สส.

-
หากการเข้ารับราชการในกรมตำรวจครั้งนี้ ก็ไม่เปิดเผย เป็นการบรรจุและช่วยเหลือกันในกลุ่ม กปปส . และทรราช คสช.แบบลับ ๆ แม้อีตั้น จิตภัสร์ และผู้แต่งตั้ง จะกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ก็ตามหรือ............. นั้นคือสิ่งที่ต้องถามใจพี่น้องประชาชน และตำรวจ ที่ถูก กปปส. ฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บอยู่ทุกวันนี้ว่า .............. เราจะทนให้อำนาจ ทรราช คสช. ครอยงำเราอยู่อย่างนี้หรือ

-

เสรีชน



เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

-
ทรราช ประวิตร  ใช้อำนาจ คสช.และ รองนายกฯ ที่ดูแลกรมตำรวจ แต่งตั้งให้ อีตั๊น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส.  บรรจุยศร้อยตรี กรมปทุมวันเรียบร้อย

-
  หลังจากก่อนหน้านี้ มีความพยายาม ให้ยศ อีตั้นและเหล่าสมุนของ กปปส. เพื่อเป็นค่าตอบแทน ที่ช่วยงานล้มรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งได้สำเร็จ ในปี 2557

-
ถึงแม้ว่า อีตั้น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส. ตัวนี้ จะมีคดีร้ายแรงที่อยู่ในรายนามผู้ต้องหาฯ  ก็ตาม ....กระทั้งมีความพยายาม ถอดรายชื่อผุ้ต้องหาคดีร้ายแรง ได้สำเร็จ ด้วยอำนาจ ทรราช คสช. 

-
เรามาดูกันว่า อีตั้น ทำไมถึงมีคุณลักษณะ พิเศษ กว่าประชาชนทั้งประเทศ 

-

1 ) ตำแหน่งของอีตั้น จิตภัสร์ ไม่ได้มีการสอบแข่งขันกับผู้อื่น เหมือนหลานชายของทรราช ประยุทธ์ ที่ได้รับการติดยศร้อยตรี เช่นกันในกองทัพ 

-
2 ) ในประเทศไทยมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย ที่มีความสามารถด้านประสานงานต่างประเทศ รวมถึงพูดได้หลายภาษา เช่น อังกฤษ จีน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน แต่คนกลุ่มนั้นไม่ได้รับโอกาส เพราะบุคคลทั่วไป เป็นประชาชน ธรรมดา  ไม่สามารถแปลภาษา นกหวีดได้

-
3 ) การประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงใจ เหตุผลในการพยายามลากตั้ง แต่งตั้ง ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง กปปส. เป็นการทดแทนผู้มีบุญคุณหรือไม่ เข้าข่ายการล็อบบี้ยิสต์หรือไม่ เพราะไม่ต้องเข้าสอบ ตามขบวนการของตำรวจ

-
4 ) หากเป็นการสอบแข่งขันแม้ในระดับนายสิบตำรวจ ยังต้องมีการเช็คประวัติบุคคลเรื่องคดีอย่างละเอียด หากบุคคลใดมีประวัติเข้าข่ายจะถูกตัดสิทธิทันที แต่อีตั้น มีคดีร้ายแรง ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี  หากแต่สามารถเข้ารับการติดยศได้

-
5 ) อีตั้น จิตภัสร์ เป็นแกนนำสำคัญที่ยุยงปลุกปั่น ปล่อยให้มีทำร้ายเพื่อนข้าราชการตำรวจ ดูหมิ่นด่าทอศักดิ์ศรี ทำลายดูหมิ่นป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้อาวุธหนักจนมีเพื่อนตำรวจเสียชีวิตและพิการ ซึ่งตำรวจเหล่านั้นที่ได้รับผลกระทบหลายสิบคน ทั้งตายและบาดเจ็บ  อีตั้นอยู่ฝ่ายการเมืองนอกสถา  และจะมาปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางในการรักษาความสงบ ของประเทศได้อย่างไร

-
6 ) ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่เปิดใหม่ขึ้นมา ใน ยุค ทรราช คสช.  และอีตั้น จิตภัสร์ ก็เป็นคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่ง คำถามคือ ตำแหน่งนี้สำคัญอย่างไร และทำไมต้องอีตั้นจิตภัสร์

-
7 )  อำนาจการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตำรวจกรณีพิเศษนี้ เป็นอำนาจของ ผบ.ตร.   ว่า ผบ.ตร.เปิดตำแหน่งนี้ เป็นการตอบแทนผลประโยชน์กัน ระหว่าง กปปส. กับ ทรราช คสช. ที่ได้ช่วยกันล้มรัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้งของประชาชน  หรือไม่

-
8 ) แม้มีข่าว อีตั้น จิตภัสร์ มีงานสารนิพนธ์ ป.โท ที่ไม่ได้เผยแพร่ในห้องสมุดจุฬาฯ คำถามคือ ผ่านมาปีกว่าทำไมไม่เผยแพร่ และเป็นไปได้หรือไม่ว่า อีตั้นจิตภัสร์ ไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาเพียงพอที่จะบรรจุเข้ารับราชการตำรวจ แต่เป็นการช่วยเหลือกัน ทำเอกสารปลอม เพื่อให้ได้รับการบรรจุ  ในกรมตำรวจ เหมือนไอ้ฆาตกร 100 ศพ อภิสิทธ์  ที่ใช้เอกสารหนี้ทหาร สมัคร สส.

-
หากการเข้ารับราชการในกรมตำรวจครั้งนี้ ก็ไม่เปิดเผย เป็นการบรรจุและช่วยเหลือกันในกลุ่ม กปปส . และทรราช คสช.แบบลับ ๆ แม้อีตั้น จิตภัสร์ และผู้แต่งตั้ง จะกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ก็ตามหรือ............. นั้นคือสิ่งที่ต้องถามใจพี่น้องประชาชน และตำรวจ ที่ถูก กปปส. ฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บอยู่ทุกวันนี้ว่า .............. เราจะทนให้อำนาจ ทรราช คสช. ครอยงำเราอยู่อย่างนี้หรือ

-

เสรีชน



เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

เราอยู่กันให้พวกมันเหยียบย้ำเราอย่างนี้หรือ.... ประชาชน

-
ทรราช ประวิตร  ใช้อำนาจ คสช.และ รองนายกฯ ที่ดูแลกรมตำรวจ แต่งตั้งให้ อีตั๊น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส.  บรรจุยศร้อยตรี กรมปทุมวันเรียบร้อย

-
  หลังจากก่อนหน้านี้ มีความพยายาม ให้ยศ อีตั้นและเหล่าสมุนของ กปปส. เพื่อเป็นค่าตอบแทน ที่ช่วยงานล้มรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งได้สำเร็จ ในปี 2557

-
ถึงแม้ว่า อีตั้น จิตภัสร์ สัสสลิ่ม กปปส. ตัวนี้ จะมีคดีร้ายแรงที่อยู่ในรายนามผู้ต้องหาฯ  ก็ตาม ....กระทั้งมีความพยายาม ถอดรายชื่อผุ้ต้องหาคดีร้ายแรง ได้สำเร็จ ด้วยอำนาจ ทรราช คสช. 

-
เรามาดูกันว่า อีตั้น ทำไมถึงมีคุณลักษณะ พิเศษ กว่าประชาชนทั้งประเทศ 

-

1 ) ตำแหน่งของอีตั้น จิตภัสร์ ไม่ได้มีการสอบแข่งขันกับผู้อื่น เหมือนหลานชายของทรราช ประยุทธ์ ที่ได้รับการติดยศร้อยตรี เช่นกันในกองทัพ 

-
2 ) ในประเทศไทยมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย ที่มีความสามารถด้านประสานงานต่างประเทศ รวมถึงพูดได้หลายภาษา เช่น อังกฤษ จีน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน แต่คนกลุ่มนั้นไม่ได้รับโอกาส เพราะบุคคลทั่วไป เป็นประชาชน ธรรมดา  ไม่สามารถแปลภาษา นกหวีดได้

-
3 ) การประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงใจ เหตุผลในการพยายามลากตั้ง แต่งตั้ง ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง กปปส. เป็นการทดแทนผู้มีบุญคุณหรือไม่ เข้าข่ายการล็อบบี้ยิสต์หรือไม่ เพราะไม่ต้องเข้าสอบ ตามขบวนการของตำรวจ

-
4 ) หากเป็นการสอบแข่งขันแม้ในระดับนายสิบตำรวจ ยังต้องมีการเช็คประวัติบุคคลเรื่องคดีอย่างละเอียด หากบุคคลใดมีประวัติเข้าข่ายจะถูกตัดสิทธิทันที แต่อีตั้น มีคดีร้ายแรง ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี  หากแต่สามารถเข้ารับการติดยศได้

-
5 ) อีตั้น จิตภัสร์ เป็นแกนนำสำคัญที่ยุยงปลุกปั่น ปล่อยให้มีทำร้ายเพื่อนข้าราชการตำรวจ ดูหมิ่นด่าทอศักดิ์ศรี ทำลายดูหมิ่นป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้อาวุธหนักจนมีเพื่อนตำรวจเสียชีวิตและพิการ ซึ่งตำรวจเหล่านั้นที่ได้รับผลกระทบหลายสิบคน ทั้งตายและบาดเจ็บ  อีตั้นอยู่ฝ่ายการเมืองนอกสถา  และจะมาปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางในการรักษาความสงบ ของประเทศได้อย่างไร

-
6 ) ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่เปิดใหม่ขึ้นมา ใน ยุค ทรราช คสช.  และอีตั้น จิตภัสร์ ก็เป็นคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่ง คำถามคือ ตำแหน่งนี้สำคัญอย่างไร และทำไมต้องอีตั้นจิตภัสร์

-
7 )  อำนาจการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตำรวจกรณีพิเศษนี้ เป็นอำนาจของ ผบ.ตร.   ว่า ผบ.ตร.เปิดตำแหน่งนี้ เป็นการตอบแทนผลประโยชน์กัน ระหว่าง กปปส. กับ ทรราช คสช. ที่ได้ช่วยกันล้มรัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้งของประชาชน  หรือไม่

-
8 ) แม้มีข่าว อีตั้น จิตภัสร์ มีงานสารนิพนธ์ ป.โท ที่ไม่ได้เผยแพร่ในห้องสมุดจุฬาฯ คำถามคือ ผ่านมาปีกว่าทำไมไม่เผยแพร่ และเป็นไปได้หรือไม่ว่า อีตั้นจิตภัสร์ ไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษาเพียงพอที่จะบรรจุเข้ารับราชการตำรวจ แต่เป็นการช่วยเหลือกัน ทำเอกสารปลอม เพื่อให้ได้รับการบรรจุ  ในกรมตำรวจ เหมือนไอ้ฆาตกร 100 ศพ อภิสิทธ์  ที่ใช้เอกสารหนี้ทหาร สมัคร สส.

-
หากการเข้ารับราชการในกรมตำรวจครั้งนี้ ก็ไม่เปิดเผย เป็นการบรรจุและช่วยเหลือกันในกลุ่ม กปปส . และทรราช คสช.แบบลับ ๆ แม้อีตั้น จิตภัสร์ และผู้แต่งตั้ง จะกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ก็ตามหรือ............. นั้นคือสิ่งที่ต้องถามใจพี่น้องประชาชน และตำรวจ ที่ถูก กปปส. ฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บอยู่ทุกวันนี้ว่า .............. เราจะทนให้อำนาจ ทรราช คสช. ครอยงำเราอยู่อย่างนี้หรือ

-

เสรีชน



เรื่องเล่า “เมื่อภูมิพล ขู่นายกทักษิณ ว่า......"

ตอนที่ 172

"ฝากไปบอกเขาด้วยว่า ให้เลือกเอาเองว่า ตอนจบอยากจะเป็นแบบ ปรีดา หรือ ขนอม"

นี่เป็นประโยคล่าสุดที่เราได้ทราบว่า ลุงได้พูดออกมากับคนรอบข้าง หลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงของลุงมานาน
หลังจากที่ช่วงหลังมานี้ แมวได้ทำอะไรที่ดูเหมือนจะขัดลูกหูลูกตาลุง และป้า เป็นอย่างมาก นี่เราก็ไม่รู้ว่า แมวแกล้งไม่รู้หรือ รู้แล้ว เพราะครอบครัวลุง โดยเฉพาะ หัวหน้าขบวน ที่นอกจากจะตาบอดแล้ว ลุงยังมีนิสัยตาร้อนผ่าวถ้าเห็นใครที่เก่งเกินหน้าเกินตา

เรือ่งของแมว ที่ลุงเริ่มจะไม่ค่อยจะพอใจไล่มาตั้งแต่ เมื่อตอนที่น้ำท่วมหนัก ลุงหาว่าแมวขโมยซีน ไมว่าจะเป็นยอดเงินบริจาคที่มากกว่า หรือของในถุงยังชีพที่ดีกว่า ขนาดถุงยังชีพลุงแกยังไม่ยอมปล่อยวาง

ลุงบ่นกับคนรอบข้างว่า แมวตั้งใจหักหน้าให้ลุงต้องเสียหน้า แต่ก็ยอมรับว่า ถุงของแมวนั้นดูดีกว่าจริงๆ เพราะที่เราเห็น ถุงของแมวจะเป็นถุงปุ๋ยที่กันน้ำ ถุงใหญ่กว่า
แต่ของลุง ก็เป็นอย่างที่เห็น เป็นถุงที่มีแต่โลโก้ แล้วปลากระป๋องที่แจก ดันไม่ยอมแจกแบบที่ไม่ต้องใช้ที่เปิด แล้วน้ำท่วมลูกจ้างจะไปหาที่เปิดมาจากไหนลุงถาม ที่ปรึกษาว่า ภาคต่อของเมียแมว ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ถ้ายังไม่เสร็จก็เรียบๆ ให้เสร็จ คราวนี้ขอไม่ต่ำกว่าของ แมว

นี่เราก็ไม่รู้ว่าลุงพูดจริง หรือแค่บ่นไปตามประสาคนแก่ขี้อิจฉา
แต่ที่เรายังไม่ค่อนจะเข้าใจในตอนแรก ก็คือ ว่า ทำไมลุงถึงต้องให้แมวเลือกว่า แมวอยากเลือกที่จะเป็นไหน ปรีดา หรือ ขนอม

เรื่อง ปรีดี ก็พอที่จะเข้าใจอยู่ เพราะลุงแกไม่ชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ขนาดจะเอาขี้เถ้ากลับมา ลุงก็สวมบทเป็นจระเข้ขวางคลอง
คิดไปคิดมา แต่พอที่ลุงเรียก นาย ธาริน เข้าหา ทุกอย่างก็ถึงบางอ้อ งานนี้ ต้องขอบอกว่า ทุกครั้งที่ลุงเรียกหา ใช้งาน ธาริน เราใจคอไม่ค่อยจะสู้ดี

เพราะเท่าที่รู้มาว่า ธาริน เป็นลูกน้องที่ลุงรักมาก ธาริน เป็นสมุน เบอร์ 3 ต่อจาก นาย ป และ Winston
ลุงก็คง งงว่า ทำไม เหตุการณ์ของดรงงานตอนนี้ ทำไมไม่เหมือนหลัง วันย่างสดเผาสด ทำไมลูกจ้างไม่ยอมรักลุงเหมือนแต่ก่อน
พูดถึงคนนี้ ถึงแม้ว่าลุงจะไว้ใจ ธาริน ที่สุดคนหนึ่ง
ลุงก็หารู้ไม่ว่า ลูกน้องลุงคนนี้ เป็นคนที่คิดร้ายกับ ลุงมากที่สุด คนหนึ่งเหมือนกัน เพราะธาริน เป็นคนเผยความลับที่ว่า ลุงเป็น คนที่ติดต่อให้ ขนอม ปลอมตัวเป็นสามเณรที่แก่สุดในโลกเข้ามาในโรงงาน ทั้งๆ ที่ ขนอม นั้นไม่อยากกลับมายุ่งวุ่นวาย แต่ลุงก็ขู่ว่า งานนี้ถ้า ขนอมไม่อยากมา

สงสัยเมีย และลูกๆ ก็คงจะต้องเดือดร้อน (เหมือนกับที่แมวกำลังโดน)
ตอนที่ ขนอม กลับเข้ามา เรื่องราวมันก็ถึงวุ่นวาย ขนอมอ้างว่า กลับเพราะพ่อป่วยใกล้ตาย (สุดท้ายอีกสิบกว่าพ่อของขนอมถึงได้ตาย) พอเสร็จดีลของลุง เกิด วันเผาสด ขนอม แกก็สึกหน้าตาเฉย

และสุดท้าย ขนอม แกก็ได้ดิบได้ดี มีสายสพาย มีเงินมีทองใช้ ลุงก็เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ตอนตาย เมพที่ตอนนั้นแขนเดี้ยงก็อุตส่าห์ ไปเป็นแม่งาน
ตอนนี้ สงสัยแมวจะงานเข้าเป็นที่เรียบร้อย แมวคงต้องเลือกเอาว่า แมวอยากกลับมาตอนเป็นขี้เถ้าแบบปรีดา หรือยอมกลับมาเป็นขี้ข้าของลุง ได้สายสะพาย และเมียไม่ต้องไปเที่ยวฮ่องกง แบบขนอม

คิดว่าอีกไม่นานเกินรอ ภาคต่อของเมียแมว ลูกจ้างคงได้เห็นกันแน่ แต่ว่าจะกี่ปี
งานนี้คงสุดแท้แต่พฤติกรรมของแมว แต่เพียงผู้เดียวถ้าแมว และพรรคพวกยังไม่หยุดเรียกร้อง ปชต งานนี้มีหวัง คงยากที่เขาจะได้กลับบ้านแบบตัวเป็นๆ

แมวไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริงของลุง



คนที่ต้องการ ปชต ทุกคนต่างหาก ที่เป็นศัตรูที่แท้จริงลุง

Source: http://pla-kapong-story.blogspot.com/search?updated-min=2011-01-01T00:00:00%2B11:00&updated-max=2012-01-01T00:00:00%2B11:00&max-results=2

เรื่องเล่า “เมื่อภูมิพล ขู่นายกทักษิณ ว่า......"

ตอนที่ 172

"ฝากไปบอกเขาด้วยว่า ให้เลือกเอาเองว่า ตอนจบอยากจะเป็นแบบ ปรีดา หรือ ขนอม"

นี่เป็นประโยคล่าสุดที่เราได้ทราบว่า ลุงได้พูดออกมากับคนรอบข้าง หลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงของลุงมานาน
หลังจากที่ช่วงหลังมานี้ แมวได้ทำอะไรที่ดูเหมือนจะขัดลูกหูลูกตาลุง และป้า เป็นอย่างมาก นี่เราก็ไม่รู้ว่า แมวแกล้งไม่รู้หรือ รู้แล้ว เพราะครอบครัวลุง โดยเฉพาะ หัวหน้าขบวน ที่นอกจากจะตาบอดแล้ว ลุงยังมีนิสัยตาร้อนผ่าวถ้าเห็นใครที่เก่งเกินหน้าเกินตา

เรือ่งของแมว ที่ลุงเริ่มจะไม่ค่อยจะพอใจไล่มาตั้งแต่ เมื่อตอนที่น้ำท่วมหนัก ลุงหาว่าแมวขโมยซีน ไมว่าจะเป็นยอดเงินบริจาคที่มากกว่า หรือของในถุงยังชีพที่ดีกว่า ขนาดถุงยังชีพลุงแกยังไม่ยอมปล่อยวาง

ลุงบ่นกับคนรอบข้างว่า แมวตั้งใจหักหน้าให้ลุงต้องเสียหน้า แต่ก็ยอมรับว่า ถุงของแมวนั้นดูดีกว่าจริงๆ เพราะที่เราเห็น ถุงของแมวจะเป็นถุงปุ๋ยที่กันน้ำ ถุงใหญ่กว่า
แต่ของลุง ก็เป็นอย่างที่เห็น เป็นถุงที่มีแต่โลโก้ แล้วปลากระป๋องที่แจก ดันไม่ยอมแจกแบบที่ไม่ต้องใช้ที่เปิด แล้วน้ำท่วมลูกจ้างจะไปหาที่เปิดมาจากไหนลุงถาม ที่ปรึกษาว่า ภาคต่อของเมียแมว ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ถ้ายังไม่เสร็จก็เรียบๆ ให้เสร็จ คราวนี้ขอไม่ต่ำกว่าของ แมว

นี่เราก็ไม่รู้ว่าลุงพูดจริง หรือแค่บ่นไปตามประสาคนแก่ขี้อิจฉา
แต่ที่เรายังไม่ค่อนจะเข้าใจในตอนแรก ก็คือ ว่า ทำไมลุงถึงต้องให้แมวเลือกว่า แมวอยากเลือกที่จะเป็นไหน ปรีดา หรือ ขนอม

เรื่อง ปรีดี ก็พอที่จะเข้าใจอยู่ เพราะลุงแกไม่ชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ขนาดจะเอาขี้เถ้ากลับมา ลุงก็สวมบทเป็นจระเข้ขวางคลอง
คิดไปคิดมา แต่พอที่ลุงเรียก นาย ธาริน เข้าหา ทุกอย่างก็ถึงบางอ้อ งานนี้ ต้องขอบอกว่า ทุกครั้งที่ลุงเรียกหา ใช้งาน ธาริน เราใจคอไม่ค่อยจะสู้ดี

เพราะเท่าที่รู้มาว่า ธาริน เป็นลูกน้องที่ลุงรักมาก ธาริน เป็นสมุน เบอร์ 3 ต่อจาก นาย ป และ Winston
ลุงก็คง งงว่า ทำไม เหตุการณ์ของดรงงานตอนนี้ ทำไมไม่เหมือนหลัง วันย่างสดเผาสด ทำไมลูกจ้างไม่ยอมรักลุงเหมือนแต่ก่อน
พูดถึงคนนี้ ถึงแม้ว่าลุงจะไว้ใจ ธาริน ที่สุดคนหนึ่ง
ลุงก็หารู้ไม่ว่า ลูกน้องลุงคนนี้ เป็นคนที่คิดร้ายกับ ลุงมากที่สุด คนหนึ่งเหมือนกัน เพราะธาริน เป็นคนเผยความลับที่ว่า ลุงเป็น คนที่ติดต่อให้ ขนอม ปลอมตัวเป็นสามเณรที่แก่สุดในโลกเข้ามาในโรงงาน ทั้งๆ ที่ ขนอม นั้นไม่อยากกลับมายุ่งวุ่นวาย แต่ลุงก็ขู่ว่า งานนี้ถ้า ขนอมไม่อยากมา

สงสัยเมีย และลูกๆ ก็คงจะต้องเดือดร้อน (เหมือนกับที่แมวกำลังโดน)
ตอนที่ ขนอม กลับเข้ามา เรื่องราวมันก็ถึงวุ่นวาย ขนอมอ้างว่า กลับเพราะพ่อป่วยใกล้ตาย (สุดท้ายอีกสิบกว่าพ่อของขนอมถึงได้ตาย) พอเสร็จดีลของลุง เกิด วันเผาสด ขนอม แกก็สึกหน้าตาเฉย

และสุดท้าย ขนอม แกก็ได้ดิบได้ดี มีสายสพาย มีเงินมีทองใช้ ลุงก็เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ตอนตาย เมพที่ตอนนั้นแขนเดี้ยงก็อุตส่าห์ ไปเป็นแม่งาน
ตอนนี้ สงสัยแมวจะงานเข้าเป็นที่เรียบร้อย แมวคงต้องเลือกเอาว่า แมวอยากกลับมาตอนเป็นขี้เถ้าแบบปรีดา หรือยอมกลับมาเป็นขี้ข้าของลุง ได้สายสะพาย และเมียไม่ต้องไปเที่ยวฮ่องกง แบบขนอม

คิดว่าอีกไม่นานเกินรอ ภาคต่อของเมียแมว ลูกจ้างคงได้เห็นกันแน่ แต่ว่าจะกี่ปี
งานนี้คงสุดแท้แต่พฤติกรรมของแมว แต่เพียงผู้เดียวถ้าแมว และพรรคพวกยังไม่หยุดเรียกร้อง ปชต งานนี้มีหวัง คงยากที่เขาจะได้กลับบ้านแบบตัวเป็นๆ

แมวไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริงของลุง



คนที่ต้องการ ปชต ทุกคนต่างหาก ที่เป็นศัตรูที่แท้จริงลุง

Source: http://pla-kapong-story.blogspot.com/search?updated-min=2011-01-01T00:00:00%2B11:00&updated-max=2012-01-01T00:00:00%2B11:00&max-results=2

ถึงทรราช คสช.


ถึงทรราช คสช.


ถึงทรราช คสช.


ถึงทรราช คสช.


Friday, April 29, 2016

สถุนธนิศร์ ลูกอัฒฑะ กกต. กล่าวว่า ส่วนที่ทำไม่ได้ 8 ข้อ ได้แก่ .- 1.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อ ด้วยข้อความเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ - 2.การนำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่งต่อข้อมูลในลักษณะดังกล่าว - 3.การทำหรือส่งสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย มีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ - 4.การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฏหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง - 5.การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขาย การแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว ในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง - 6.การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความเป็นเท็จ หรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย หรือปลุกระดมทางการเมือง - 7.การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม - และ 8.การรณรงค์เพื่อให้เกิดการ

สถุนธนิศร์ ลูกอัฒฑะ กกต. กล่าวว่า ส่วนที่ทำไม่ได้ 8 ข้อ ได้แก่

.-
1.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อ ด้วยข้อความเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่
-
2.การนำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่งต่อข้อมูลในลักษณะดังกล่าว
-
3.การทำหรือส่งสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย มีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่
-
4.การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฏหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง
-
5.การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขาย การแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว ในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง
-
6.การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความเป็นเท็จ หรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย หรือปลุกระดมทางการเมือง
-
7.การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม
-
และ 8.การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคม เพื่อให้ออกเสียงอย่างไรอย่างหนึ่ง มีลักษณะการปลุกระดมหรือขัดขวางการออกเสียง


----------------------------------------------------------------------------------

แต่....................

เอกสารที่ทาง อาสาฯ กว่า สามแสนสามหมื่นคนเอาไปแจก ชาวบ้านร้านตลาด มีข้อความชัดแจ้งว่า "รับร่าง"

กูผู้เสียภาษีเป็นเงินเดือนให้พวกมึงแดกห่า ขอถามสัสสลิ่ม อย่างพวกมึงว่า ข้อกล่าวห้ามครอบจักรวาลของ กกต. สมุนทรราช คสช. นั้น 

แค่ ๆ ....................

พวกอาสาฯ ที่พวกมึงจัดให้ไปแจกแผ่นพับ กว่า สามแสนสามหมื่นคนนั้น ผิดเต็มประตู ทำไม ถึงไม่จับ เพราะเหตุใด .... ? ถืออภิสิทธิ์อย่างไร

กู.....ขอประกาศ เลยว่า แม้พวกสมุน กกต. ส้นตีน  จะห้ามแสดงสัมภาษณ์ผ่านสื่อ แต่กู.... ในฐานะประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ กูก็ไม่รับกฏหมาย ที่ลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ที่จะแสดงออกไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ  ของ เหล่า ทรราช คสช. เช่นกัน

"เอาไงเอากัน"

กูไม่กลัวมึง 

-

เสรีชน


A137C431-2E14-499B-AEFA-C1371251FCFB

สถุนธนิศร์ ลูกอัฒฑะ กกต. กล่าวว่า ส่วนที่ทำไม่ได้ 8 ข้อ ได้แก่ .- 1.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อ ด้วยข้อความเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ - 2.การนำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่งต่อข้อมูลในลักษณะดังกล่าว - 3.การทำหรือส่งสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย มีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ - 4.การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฏหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง - 5.การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขาย การแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว ในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง - 6.การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความเป็นเท็จ หรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย หรือปลุกระดมทางการเมือง - 7.การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม - และ 8.การรณรงค์เพื่อให้เกิดการ

สถุนธนิศร์ ลูกอัฒฑะ กกต. กล่าวว่า ส่วนที่ทำไม่ได้ 8 ข้อ ได้แก่

.-
1.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อ ด้วยข้อความเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่
-
2.การนำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่งต่อข้อมูลในลักษณะดังกล่าว
-
3.การทำหรือส่งสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย มีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่
-
4.การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฏหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง
-
5.การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขาย การแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว ในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง
-
6.การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความเป็นเท็จ หรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย หรือปลุกระดมทางการเมือง
-
7.การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม
-
และ 8.การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคม เพื่อให้ออกเสียงอย่างไรอย่างหนึ่ง มีลักษณะการปลุกระดมหรือขัดขวางการออกเสียง


----------------------------------------------------------------------------------

แต่....................

เอกสารที่ทาง อาสาฯ กว่า สามแสนสามหมื่นคนเอาไปแจก ชาวบ้านร้านตลาด มีข้อความชัดแจ้งว่า "รับร่าง"

กูผู้เสียภาษีเป็นเงินเดือนให้พวกมึงแดกห่า ขอถามสัสสลิ่ม อย่างพวกมึงว่า ข้อกล่าวห้ามครอบจักรวาลของ กกต. สมุนทรราช คสช. นั้น 

แค่ ๆ ....................

พวกอาสาฯ ที่พวกมึงจัดให้ไปแจกแผ่นพับ กว่า สามแสนสามหมื่นคนนั้น ผิดเต็มประตู ทำไม ถึงไม่จับ เพราะเหตุใด .... ? ถืออภิสิทธิ์อย่างไร

กู.....ขอประกาศ เลยว่า แม้พวกสมุน กกต. ส้นตีน  จะห้ามแสดงสัมภาษณ์ผ่านสื่อ แต่กู.... ในฐานะประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ กูก็ไม่รับกฏหมาย ที่ลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ที่จะแสดงออกไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ  ของ เหล่า ทรราช คสช. เช่นกัน

"เอาไงเอากัน"

กูไม่กลัวมึง 

-

เสรีชน


A137C431-2E14-499B-AEFA-C1371251FCFB

เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

-
พระธัมมชโยท่านป่วยหลายโรคมากว่า 10 ปี ออกนอกวัดไม่เกิน 3 ครั้ง ตลอดมาทั้งปีที่ผ่านมา พระธัมมชโยไม่เคยออกนอกวัดเลย ท่านเป็นเรื้อรังมายาวนาน ทั้งเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเลือดดำอุดตัน ฯ ถ้านั่งในรถนานๆก็มีปัญหา ออกไปข้างนอกไปเจอสภาพอากาศที่ควบคุมไม่ได้ ฝุ่น ควัน เชื้อโรค สารเคมีแม้จากเสื้อผ้าของคนรอบข้าง ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาการจะยิ่งทรุดหนัก

-
ทำไม..พระธัมมชโย + วัดพระธรรมกาย + วัดอื่นๆ ที่รับเช็คสหกรณ์ คลองจั่นอัยการสั่งให้ DSI สอบสวนเพิ่มเติม แล้วส่งให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง

-
ทำไม ในเมื่อ DSI หรือพนักงานสอบสวนสามารถมาแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีหมายเรียกตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 52 วรรค 2 ได้ ทำไมไม่ไปสอบสวนที่วัดล่ะคะ ทั้งที่รู้ว่า
-
(หรือไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้) ถ้าเลื่อนไปเรื่อยๆก็แจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้สักที ก็มาแจ้งที่วัดเลยสิ
-
ขั้นตอนของกระบวนการสอบสวนจะได้จบ ต่อไปเป็นขั้นตอนของการฟ้อง เป็นเรื่องของอัยการว่าคดีมีมูลและอยู่ในเกณฑ์จะส่งฟ้องหรือไม่ และเป็นเรื่องของศาลว่าจะประทับฟ้องหรือไม่ เพราะคดีนี้ไม่มีผู้เสียหายตามป.วิ.อ.แล้ว แถมเป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน

-
 ในคดีที่ 146/2556 ที่มีการฟ้องคุณศุภชัยฐานลักทรัพย์นายจ้าง  ซึ่งตามหลักกฎหมายมีอยู่ว่า "บุคคลไม่ควรถูกพิจารณาในมูลคดีเดียวกัน 2 ครั้ง "
-
 ถ้าจะฟ้องในกรณีที่มูลคดีเป็นเรื่องอันเดียวกัน ต้องบรรยายมาในคดี 145/2556 ว่าฟ้องใครเป็นจำเลยบ้าง ฟ้องข้อหาอะไรบ้าง
-

  กรณีนำมูลคดีเดียวกันมาฟ้องอีกครั้งนี้ ศาลไม่อาจประทับฟ้องได้ คดี 27/2559 เป็นฟ้องซ้อน ถ้าต่อมาภายหลังศาลประทับฟ้องคดี 146 /2556 เมื่อไหร่ ศาลต้องยกฟ้องคดี 27/2559 อย่างเดียว
-

เพราะฉะนั้น DSI จะแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และควรจะถูกฟ้องกลับความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานกลั่นแกล้งผู้อื่นเพื่อให้ได้รับโทษด้วย

-
 สรุป DSI รู้ว่าเป็นฟ้องซ้อน ตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 173 วรรค 2 (1) ประกอบป.วิ.อาญา มาตรา 15  แต่ที่ออกหมายเรียกให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ DSI ให้ท่านออกจากวัดให้ได้ ทั้งที่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดเองจะง่ายแสนง่าย เพราะ DSI ไม่ได้ป่วยเรื้อรังแบบพระธัมมชโย

-
 แต่ทำไมไม่ทำ มีแผนต้องการจะหลอกให้พระธัมมชโย ออกไปพบข้างนอกวัด เพื่อรวบตัวหรือไม่ ? หรือถ้าแพทย์ผู้ดูแลพระธัมมชโย มีความเห็นว่าพระธัมมชโย ยังออกไปไม่ได้ จะขอเลื่อนไปอีก

-
DSI ก็จะใช้แผน 2 พยายามหาความชอบธรรมที่จะขอหมายจับจากศาลอีกใช่ไหม ?
-
ทั้งที่แค่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายก็จบแล้ว

-
 ชักสงสัยพฤติกรรมของ ดีเอสไอ

-
Cr. Olivia Armando



เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

-
พระธัมมชโยท่านป่วยหลายโรคมากว่า 10 ปี ออกนอกวัดไม่เกิน 3 ครั้ง ตลอดมาทั้งปีที่ผ่านมา พระธัมมชโยไม่เคยออกนอกวัดเลย ท่านเป็นเรื้อรังมายาวนาน ทั้งเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเลือดดำอุดตัน ฯ ถ้านั่งในรถนานๆก็มีปัญหา ออกไปข้างนอกไปเจอสภาพอากาศที่ควบคุมไม่ได้ ฝุ่น ควัน เชื้อโรค สารเคมีแม้จากเสื้อผ้าของคนรอบข้าง ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาการจะยิ่งทรุดหนัก

-
ทำไม..พระธัมมชโย + วัดพระธรรมกาย + วัดอื่นๆ ที่รับเช็คสหกรณ์ คลองจั่นอัยการสั่งให้ DSI สอบสวนเพิ่มเติม แล้วส่งให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง

-
ทำไม ในเมื่อ DSI หรือพนักงานสอบสวนสามารถมาแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีหมายเรียกตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 52 วรรค 2 ได้ ทำไมไม่ไปสอบสวนที่วัดล่ะคะ ทั้งที่รู้ว่า
-
(หรือไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้) ถ้าเลื่อนไปเรื่อยๆก็แจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้สักที ก็มาแจ้งที่วัดเลยสิ
-
ขั้นตอนของกระบวนการสอบสวนจะได้จบ ต่อไปเป็นขั้นตอนของการฟ้อง เป็นเรื่องของอัยการว่าคดีมีมูลและอยู่ในเกณฑ์จะส่งฟ้องหรือไม่ และเป็นเรื่องของศาลว่าจะประทับฟ้องหรือไม่ เพราะคดีนี้ไม่มีผู้เสียหายตามป.วิ.อ.แล้ว แถมเป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน

-
 ในคดีที่ 146/2556 ที่มีการฟ้องคุณศุภชัยฐานลักทรัพย์นายจ้าง  ซึ่งตามหลักกฎหมายมีอยู่ว่า "บุคคลไม่ควรถูกพิจารณาในมูลคดีเดียวกัน 2 ครั้ง "
-
 ถ้าจะฟ้องในกรณีที่มูลคดีเป็นเรื่องอันเดียวกัน ต้องบรรยายมาในคดี 145/2556 ว่าฟ้องใครเป็นจำเลยบ้าง ฟ้องข้อหาอะไรบ้าง
-

  กรณีนำมูลคดีเดียวกันมาฟ้องอีกครั้งนี้ ศาลไม่อาจประทับฟ้องได้ คดี 27/2559 เป็นฟ้องซ้อน ถ้าต่อมาภายหลังศาลประทับฟ้องคดี 146 /2556 เมื่อไหร่ ศาลต้องยกฟ้องคดี 27/2559 อย่างเดียว
-

เพราะฉะนั้น DSI จะแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และควรจะถูกฟ้องกลับความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานกลั่นแกล้งผู้อื่นเพื่อให้ได้รับโทษด้วย

-
 สรุป DSI รู้ว่าเป็นฟ้องซ้อน ตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 173 วรรค 2 (1) ประกอบป.วิ.อาญา มาตรา 15  แต่ที่ออกหมายเรียกให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ DSI ให้ท่านออกจากวัดให้ได้ ทั้งที่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดเองจะง่ายแสนง่าย เพราะ DSI ไม่ได้ป่วยเรื้อรังแบบพระธัมมชโย

-
 แต่ทำไมไม่ทำ มีแผนต้องการจะหลอกให้พระธัมมชโย ออกไปพบข้างนอกวัด เพื่อรวบตัวหรือไม่ ? หรือถ้าแพทย์ผู้ดูแลพระธัมมชโย มีความเห็นว่าพระธัมมชโย ยังออกไปไม่ได้ จะขอเลื่อนไปอีก

-
DSI ก็จะใช้แผน 2 พยายามหาความชอบธรรมที่จะขอหมายจับจากศาลอีกใช่ไหม ?
-
ทั้งที่แค่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายก็จบแล้ว

-
 ชักสงสัยพฤติกรรมของ ดีเอสไอ

-
Cr. Olivia Armando



เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

-
พระธัมมชโยท่านป่วยหลายโรคมากว่า 10 ปี ออกนอกวัดไม่เกิน 3 ครั้ง ตลอดมาทั้งปีที่ผ่านมา พระธัมมชโยไม่เคยออกนอกวัดเลย ท่านเป็นเรื้อรังมายาวนาน ทั้งเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเลือดดำอุดตัน ฯ ถ้านั่งในรถนานๆก็มีปัญหา ออกไปข้างนอกไปเจอสภาพอากาศที่ควบคุมไม่ได้ ฝุ่น ควัน เชื้อโรค สารเคมีแม้จากเสื้อผ้าของคนรอบข้าง ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาการจะยิ่งทรุดหนัก

-
ทำไม..พระธัมมชโย + วัดพระธรรมกาย + วัดอื่นๆ ที่รับเช็คสหกรณ์ คลองจั่นอัยการสั่งให้ DSI สอบสวนเพิ่มเติม แล้วส่งให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง

-
ทำไม ในเมื่อ DSI หรือพนักงานสอบสวนสามารถมาแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีหมายเรียกตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 52 วรรค 2 ได้ ทำไมไม่ไปสอบสวนที่วัดล่ะคะ ทั้งที่รู้ว่า
-
(หรือไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้) ถ้าเลื่อนไปเรื่อยๆก็แจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้สักที ก็มาแจ้งที่วัดเลยสิ
-
ขั้นตอนของกระบวนการสอบสวนจะได้จบ ต่อไปเป็นขั้นตอนของการฟ้อง เป็นเรื่องของอัยการว่าคดีมีมูลและอยู่ในเกณฑ์จะส่งฟ้องหรือไม่ และเป็นเรื่องของศาลว่าจะประทับฟ้องหรือไม่ เพราะคดีนี้ไม่มีผู้เสียหายตามป.วิ.อ.แล้ว แถมเป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน

-
 ในคดีที่ 146/2556 ที่มีการฟ้องคุณศุภชัยฐานลักทรัพย์นายจ้าง  ซึ่งตามหลักกฎหมายมีอยู่ว่า "บุคคลไม่ควรถูกพิจารณาในมูลคดีเดียวกัน 2 ครั้ง "
-
 ถ้าจะฟ้องในกรณีที่มูลคดีเป็นเรื่องอันเดียวกัน ต้องบรรยายมาในคดี 145/2556 ว่าฟ้องใครเป็นจำเลยบ้าง ฟ้องข้อหาอะไรบ้าง
-

  กรณีนำมูลคดีเดียวกันมาฟ้องอีกครั้งนี้ ศาลไม่อาจประทับฟ้องได้ คดี 27/2559 เป็นฟ้องซ้อน ถ้าต่อมาภายหลังศาลประทับฟ้องคดี 146 /2556 เมื่อไหร่ ศาลต้องยกฟ้องคดี 27/2559 อย่างเดียว
-

เพราะฉะนั้น DSI จะแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และควรจะถูกฟ้องกลับความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานกลั่นแกล้งผู้อื่นเพื่อให้ได้รับโทษด้วย

-
 สรุป DSI รู้ว่าเป็นฟ้องซ้อน ตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 173 วรรค 2 (1) ประกอบป.วิ.อาญา มาตรา 15  แต่ที่ออกหมายเรียกให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ DSI ให้ท่านออกจากวัดให้ได้ ทั้งที่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดเองจะง่ายแสนง่าย เพราะ DSI ไม่ได้ป่วยเรื้อรังแบบพระธัมมชโย

-
 แต่ทำไมไม่ทำ มีแผนต้องการจะหลอกให้พระธัมมชโย ออกไปพบข้างนอกวัด เพื่อรวบตัวหรือไม่ ? หรือถ้าแพทย์ผู้ดูแลพระธัมมชโย มีความเห็นว่าพระธัมมชโย ยังออกไปไม่ได้ จะขอเลื่อนไปอีก

-
DSI ก็จะใช้แผน 2 พยายามหาความชอบธรรมที่จะขอหมายจับจากศาลอีกใช่ไหม ?
-
ทั้งที่แค่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายก็จบแล้ว

-
 ชักสงสัยพฤติกรรมของ ดีเอสไอ

-
Cr. Olivia Armando



เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

เผย! แผนลับ จับพระธัมมชโยสึก

-
พระธัมมชโยท่านป่วยหลายโรคมากว่า 10 ปี ออกนอกวัดไม่เกิน 3 ครั้ง ตลอดมาทั้งปีที่ผ่านมา พระธัมมชโยไม่เคยออกนอกวัดเลย ท่านเป็นเรื้อรังมายาวนาน ทั้งเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเลือดดำอุดตัน ฯ ถ้านั่งในรถนานๆก็มีปัญหา ออกไปข้างนอกไปเจอสภาพอากาศที่ควบคุมไม่ได้ ฝุ่น ควัน เชื้อโรค สารเคมีแม้จากเสื้อผ้าของคนรอบข้าง ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาการจะยิ่งทรุดหนัก

-
ทำไม..พระธัมมชโย + วัดพระธรรมกาย + วัดอื่นๆ ที่รับเช็คสหกรณ์ คลองจั่นอัยการสั่งให้ DSI สอบสวนเพิ่มเติม แล้วส่งให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง

-
ทำไม ในเมื่อ DSI หรือพนักงานสอบสวนสามารถมาแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีหมายเรียกตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 52 วรรค 2 ได้ ทำไมไม่ไปสอบสวนที่วัดล่ะคะ ทั้งที่รู้ว่า
-
(หรือไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้) ถ้าเลื่อนไปเรื่อยๆก็แจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้สักที ก็มาแจ้งที่วัดเลยสิ
-
ขั้นตอนของกระบวนการสอบสวนจะได้จบ ต่อไปเป็นขั้นตอนของการฟ้อง เป็นเรื่องของอัยการว่าคดีมีมูลและอยู่ในเกณฑ์จะส่งฟ้องหรือไม่ และเป็นเรื่องของศาลว่าจะประทับฟ้องหรือไม่ เพราะคดีนี้ไม่มีผู้เสียหายตามป.วิ.อ.แล้ว แถมเป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อน

-
 ในคดีที่ 146/2556 ที่มีการฟ้องคุณศุภชัยฐานลักทรัพย์นายจ้าง  ซึ่งตามหลักกฎหมายมีอยู่ว่า "บุคคลไม่ควรถูกพิจารณาในมูลคดีเดียวกัน 2 ครั้ง "
-
 ถ้าจะฟ้องในกรณีที่มูลคดีเป็นเรื่องอันเดียวกัน ต้องบรรยายมาในคดี 145/2556 ว่าฟ้องใครเป็นจำเลยบ้าง ฟ้องข้อหาอะไรบ้าง
-

  กรณีนำมูลคดีเดียวกันมาฟ้องอีกครั้งนี้ ศาลไม่อาจประทับฟ้องได้ คดี 27/2559 เป็นฟ้องซ้อน ถ้าต่อมาภายหลังศาลประทับฟ้องคดี 146 /2556 เมื่อไหร่ ศาลต้องยกฟ้องคดี 27/2559 อย่างเดียว
-

เพราะฉะนั้น DSI จะแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และควรจะถูกฟ้องกลับความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานกลั่นแกล้งผู้อื่นเพื่อให้ได้รับโทษด้วย

-
 สรุป DSI รู้ว่าเป็นฟ้องซ้อน ตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 173 วรรค 2 (1) ประกอบป.วิ.อาญา มาตรา 15  แต่ที่ออกหมายเรียกให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ DSI ให้ท่านออกจากวัดให้ได้ ทั้งที่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดเองจะง่ายแสนง่าย เพราะ DSI ไม่ได้ป่วยเรื้อรังแบบพระธัมมชโย

-
 แต่ทำไมไม่ทำ มีแผนต้องการจะหลอกให้พระธัมมชโย ออกไปพบข้างนอกวัด เพื่อรวบตัวหรือไม่ ? หรือถ้าแพทย์ผู้ดูแลพระธัมมชโย มีความเห็นว่าพระธัมมชโย ยังออกไปไม่ได้ จะขอเลื่อนไปอีก

-
DSI ก็จะใช้แผน 2 พยายามหาความชอบธรรมที่จะขอหมายจับจากศาลอีกใช่ไหม ?
-
ทั้งที่แค่มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายก็จบแล้ว

-
 ชักสงสัยพฤติกรรมของ ดีเอสไอ

-
Cr. Olivia Armando



ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?

ทรราช คสช. กวาดล้างผู้ต้องการประชาธิปไตย ด้วยข้อหา ความมั่นคง

———————————————————————————-

แม้ไอ้ตูบประยุทธ์จะกล่าวว่า การใช้คำสั่งมาตรา 44 หรือคำสั่งอื่นๆ ทุกมาตราต้องมีการตั้งประเด็นว่าจะใบ้เพราะอะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะมาประกาศใช้วันนี้สัก 5 ราย ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น มีแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความขัดแย้งลงไปให้งานเดินหน้า เจตนามีเท่านี้ กฎหมายคือกฎหมาย แต่วิธีการบริหารจัดการต้องไม่บิดเบือนสิ่งทีทำวันนี้ ขอให้เข้าใจตรงกันว่าตนและรัฐบาล (ทรราช คสช.) มีเจตนาบริสุทธิ์ ขอให้ไว้วางใจกัน


อีกทั้งไอ้ตูบยังเห่าหอนต่ออีกว่า


"ผมยืนตรงนี้โดนด่าทั้งวัน ทำดีก็โดน ทำไม่ดียิ่งโดนหนักมากไปอีก ตนระวังตัวเองเสมอ ให้อภัยผมเถอะ อาจารย์สมคิดก็ให้อภัยผมเถอะนะ ผมมีอารมณ์บ้างนิดหน่อยเหมือนกับ"เม่น"มันต้องพองขนไว้ก่อน เพราะคนชอบมารังแกผม เพราะผมตัวเล็กกว่า"ไอ้ตูบกล่าว


หากเรามองด้วยใจเป็นธรรม เราจะพบความระยำโกหก ตอแหล จากไอ้ตูบตัวนี้ ไม่เว้นแต่ละวัน และด้วยข้อหาที่ ทรราช คสช. ยัดเยียดให้กับ พี่น้องประชาชน ที่ยืนอยู่เฉยๆ ว่า สร้างความรำคาญ ยัดข้อหา ม. 116 ให้กับประชาชนที่ทวงถามถึงความถูกต้อง


ไอ้ตูบเปรียบตัวเองเป็นดั่งเม่น ตัวเล็กจึงต้องระวังตัวด้วยการพองขน … แต่ผมว่าไม่ใช่ เพราะปฏิกรรมและการกระทำที่ไอ้ตูบได้ทำต่อ ประชาชน ผู้เสียภาษีให้เป็นเงินเดือนเลี้ยงไอ้ตูบและครอบครัวนั้น มันยิ่งกว่าหมาที่เนรคุณ ข้าวแดงแกงร้อนที่ประชาชนได้ให้ชัด ๆ


หากไอ้ตูบยังคงเนรคุณ และแสดงนิสัย หมาๆ อยู่อย่างนี้ ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?


เหย็ดแหม่ หัวดอ ไอ้ตูบประยุทธ์ จันทรโอชา


เสรีชน



ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?

ทรราช คสช. กวาดล้างผู้ต้องการประชาธิปไตย ด้วยข้อหา ความมั่นคง

———————————————————————————-

แม้ไอ้ตูบประยุทธ์จะกล่าวว่า การใช้คำสั่งมาตรา 44 หรือคำสั่งอื่นๆ ทุกมาตราต้องมีการตั้งประเด็นว่าจะใบ้เพราะอะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะมาประกาศใช้วันนี้สัก 5 ราย ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น มีแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความขัดแย้งลงไปให้งานเดินหน้า เจตนามีเท่านี้ กฎหมายคือกฎหมาย แต่วิธีการบริหารจัดการต้องไม่บิดเบือนสิ่งทีทำวันนี้ ขอให้เข้าใจตรงกันว่าตนและรัฐบาล (ทรราช คสช.) มีเจตนาบริสุทธิ์ ขอให้ไว้วางใจกัน


อีกทั้งไอ้ตูบยังเห่าหอนต่ออีกว่า


"ผมยืนตรงนี้โดนด่าทั้งวัน ทำดีก็โดน ทำไม่ดียิ่งโดนหนักมากไปอีก ตนระวังตัวเองเสมอ ให้อภัยผมเถอะ อาจารย์สมคิดก็ให้อภัยผมเถอะนะ ผมมีอารมณ์บ้างนิดหน่อยเหมือนกับ"เม่น"มันต้องพองขนไว้ก่อน เพราะคนชอบมารังแกผม เพราะผมตัวเล็กกว่า"ไอ้ตูบกล่าว


หากเรามองด้วยใจเป็นธรรม เราจะพบความระยำโกหก ตอแหล จากไอ้ตูบตัวนี้ ไม่เว้นแต่ละวัน และด้วยข้อหาที่ ทรราช คสช. ยัดเยียดให้กับ พี่น้องประชาชน ที่ยืนอยู่เฉยๆ ว่า สร้างความรำคาญ ยัดข้อหา ม. 116 ให้กับประชาชนที่ทวงถามถึงความถูกต้อง


ไอ้ตูบเปรียบตัวเองเป็นดั่งเม่น ตัวเล็กจึงต้องระวังตัวด้วยการพองขน … แต่ผมว่าไม่ใช่ เพราะปฏิกรรมและการกระทำที่ไอ้ตูบได้ทำต่อ ประชาชน ผู้เสียภาษีให้เป็นเงินเดือนเลี้ยงไอ้ตูบและครอบครัวนั้น มันยิ่งกว่าหมาที่เนรคุณ ข้าวแดงแกงร้อนที่ประชาชนได้ให้ชัด ๆ


หากไอ้ตูบยังคงเนรคุณ และแสดงนิสัย หมาๆ อยู่อย่างนี้ ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?


เหย็ดแหม่ หัวดอ ไอ้ตูบประยุทธ์ จันทรโอชา


เสรีชน



ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?

ทรราช คสช. กวาดล้างผู้ต้องการประชาธิปไตย ด้วยข้อหา ความมั่นคง

———————————————————————————-

แม้ไอ้ตูบประยุทธ์จะกล่าวว่า การใช้คำสั่งมาตรา 44 หรือคำสั่งอื่นๆ ทุกมาตราต้องมีการตั้งประเด็นว่าจะใบ้เพราะอะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะมาประกาศใช้วันนี้สัก 5 ราย ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น มีแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความขัดแย้งลงไปให้งานเดินหน้า เจตนามีเท่านี้ กฎหมายคือกฎหมาย แต่วิธีการบริหารจัดการต้องไม่บิดเบือนสิ่งทีทำวันนี้ ขอให้เข้าใจตรงกันว่าตนและรัฐบาล (ทรราช คสช.) มีเจตนาบริสุทธิ์ ขอให้ไว้วางใจกัน


อีกทั้งไอ้ตูบยังเห่าหอนต่ออีกว่า


"ผมยืนตรงนี้โดนด่าทั้งวัน ทำดีก็โดน ทำไม่ดียิ่งโดนหนักมากไปอีก ตนระวังตัวเองเสมอ ให้อภัยผมเถอะ อาจารย์สมคิดก็ให้อภัยผมเถอะนะ ผมมีอารมณ์บ้างนิดหน่อยเหมือนกับ"เม่น"มันต้องพองขนไว้ก่อน เพราะคนชอบมารังแกผม เพราะผมตัวเล็กกว่า"ไอ้ตูบกล่าว


หากเรามองด้วยใจเป็นธรรม เราจะพบความระยำโกหก ตอแหล จากไอ้ตูบตัวนี้ ไม่เว้นแต่ละวัน และด้วยข้อหาที่ ทรราช คสช. ยัดเยียดให้กับ พี่น้องประชาชน ที่ยืนอยู่เฉยๆ ว่า สร้างความรำคาญ ยัดข้อหา ม. 116 ให้กับประชาชนที่ทวงถามถึงความถูกต้อง


ไอ้ตูบเปรียบตัวเองเป็นดั่งเม่น ตัวเล็กจึงต้องระวังตัวด้วยการพองขน … แต่ผมว่าไม่ใช่ เพราะปฏิกรรมและการกระทำที่ไอ้ตูบได้ทำต่อ ประชาชน ผู้เสียภาษีให้เป็นเงินเดือนเลี้ยงไอ้ตูบและครอบครัวนั้น มันยิ่งกว่าหมาที่เนรคุณ ข้าวแดงแกงร้อนที่ประชาชนได้ให้ชัด ๆ


หากไอ้ตูบยังคงเนรคุณ และแสดงนิสัย หมาๆ อยู่อย่างนี้ ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?


เหย็ดแหม่ หัวดอ ไอ้ตูบประยุทธ์ จันทรโอชา


เสรีชน



ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?

ทรราช คสช. กวาดล้างผู้ต้องการประชาธิปไตย ด้วยข้อหา ความมั่นคง

———————————————————————————-

แม้ไอ้ตูบประยุทธ์จะกล่าวว่า การใช้คำสั่งมาตรา 44 หรือคำสั่งอื่นๆ ทุกมาตราต้องมีการตั้งประเด็นว่าจะใบ้เพราะอะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะมาประกาศใช้วันนี้สัก 5 ราย ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น มีแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความขัดแย้งลงไปให้งานเดินหน้า เจตนามีเท่านี้ กฎหมายคือกฎหมาย แต่วิธีการบริหารจัดการต้องไม่บิดเบือนสิ่งทีทำวันนี้ ขอให้เข้าใจตรงกันว่าตนและรัฐบาล (ทรราช คสช.) มีเจตนาบริสุทธิ์ ขอให้ไว้วางใจกัน


อีกทั้งไอ้ตูบยังเห่าหอนต่ออีกว่า


"ผมยืนตรงนี้โดนด่าทั้งวัน ทำดีก็โดน ทำไม่ดียิ่งโดนหนักมากไปอีก ตนระวังตัวเองเสมอ ให้อภัยผมเถอะ อาจารย์สมคิดก็ให้อภัยผมเถอะนะ ผมมีอารมณ์บ้างนิดหน่อยเหมือนกับ"เม่น"มันต้องพองขนไว้ก่อน เพราะคนชอบมารังแกผม เพราะผมตัวเล็กกว่า"ไอ้ตูบกล่าว


หากเรามองด้วยใจเป็นธรรม เราจะพบความระยำโกหก ตอแหล จากไอ้ตูบตัวนี้ ไม่เว้นแต่ละวัน และด้วยข้อหาที่ ทรราช คสช. ยัดเยียดให้กับ พี่น้องประชาชน ที่ยืนอยู่เฉยๆ ว่า สร้างความรำคาญ ยัดข้อหา ม. 116 ให้กับประชาชนที่ทวงถามถึงความถูกต้อง


ไอ้ตูบเปรียบตัวเองเป็นดั่งเม่น ตัวเล็กจึงต้องระวังตัวด้วยการพองขน … แต่ผมว่าไม่ใช่ เพราะปฏิกรรมและการกระทำที่ไอ้ตูบได้ทำต่อ ประชาชน ผู้เสียภาษีให้เป็นเงินเดือนเลี้ยงไอ้ตูบและครอบครัวนั้น มันยิ่งกว่าหมาที่เนรคุณ ข้าวแดงแกงร้อนที่ประชาชนได้ให้ชัด ๆ


หากไอ้ตูบยังคงเนรคุณ และแสดงนิสัย หมาๆ อยู่อย่างนี้ ประชาชนอย่างเราๆ จะเลี้ยงหมานิสัยเหี้ยสมองควาย ….. ไว้ทำพรื๊อหล่าว?


เหย็ดแหม่ หัวดอ ไอ้ตูบประยุทธ์ จันทรโอชา


เสรีชน



ไอ้ตูบประยุทธ์ มึงกำลังทำร้าย โคตรพ่อ โคตรแม่ ของมึงเอง....สัส

ไอ้ตูบประยุทธ์ มึงกำลังทำร้าย โคตรพ่อ โคตรแม่ ของมึงเอง....สัส

https://www.facebook.com/nick.ragan.92/videos/1613381925649709/


ไอ้ตูบประยุทธ์ มึงกำลังทำร้าย โคตรพ่อ โคตรแม่ ของมึงเอง....สัส

ไอ้ตูบประยุทธ์ มึงกำลังทำร้าย โคตรพ่อ โคตรแม่ ของมึงเอง....สัส

https://www.facebook.com/nick.ragan.92/videos/1613381925649709/