PPD's Official Website

Friday, August 14, 2015

ย้อนอ่านความคิด ดร.เพียงดิน เมื่อหนึ่งเดือน หลังการรัฐประหาร 2549

People’s Revolution NOW!! บันไดขั้นนี้ ถึงเวลาปฏิวัติแล้ว

People's Revolution NOW!!

ผมไม่ได้เขียนบทความมานานพอสมควร ที่จริงการเขียนบทความ ทำให้ผมได้นั่งคิดตรึกตรองมากกว่าการไปออกรายการด้วยซ้ำ เพราะมันมีเวลาทบทวนแต่ละคำที่เขียน แล้วปรับแก้ไปได้ตลอด สามารถลงลึกในเชิงโครงสร้างได้ดีกว่าการจัดรายการ ซึ่งพอจัดเยอะ ๆ เข้า มันสวนทางกับเวลาในการเตรียม  แต่อย่างไรก็ตาม การเสนอความคิดสำหรับการปฎิวัตินั้น หากจะนำเสนออย่างเป็นขั้นตอนให้เกิดประโยชน์นั้น จะต้องคิดทั้งกรอบใหญ่ และรายละเอียดที่จำเป็น ซึ่งมีมากมาย และที่สำคัญก็คือ หลายส่วนจะให้ใครมานำแล้วคิดทุกรายละเอียด สั่งการทุกขั้น มันจะทำไม่ได้  หลายส่วนต้องเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เหมือนแนวคิดที่ผมได้นำเสนอใต้ทฤษฎี มดแดงล้มช้าง (ดูหลักการและอุดมการณ์ที่เกี่ยวข้อง ณ http://unrad.info  พี่น้องจะต้องเข้าใจภารกิจระดับต่าง ๆ และภาวการณ์ที่จะกำหนดสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น และสิ่งที่เราต้องร่วมกันทำ โดยเฉพาะในภาวะที่ยังไม่มีผู้นำระดับสูงสุดชัดเจน บทความนี้ เป็นแค่ความพยายามในการเริ่มต้นคิดอ่ย่างจริงจังมากขึ้น แต่พี่น้องอย่าได้คิดว่านี่เป็นทฤษฎีหรือแนวทางสมบูรณ์ที่ต้องเชื่อถือโดยไม่เอาไปกลั่นกรองและสังเคราะห์ต่อนะครับ นี่คือการชวนอ่านและชวนคิดครับ

ผมได้นำเสนอความคิดเพื่อปลุกระดมการปฎิวัติเพื่อให้เราพร้อมที่สุด แม้ว่าในระยะที่ผ่านมา พรรคการเมืองและมวลชน จะยังต้องเรียนรู้ผ่านเวทีละครการเมืองน้ำเน่า และงานเฉพาะหน้าที่ต้องเล่นภายใต้ระบอบอำมาตยา-ราชาธิปไตย   ผมได้พยายามนำเสนอการสร้างภาพฝัน การพัฒนาตัวเองและสังคมรอบข้างให้พร้อม และการเพิ่มความเข้าใจเรื่องการปฎิวัติ ซึ่งมีงานหลายด้าน เช่น ด้านการเมือง กฎหมาย เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรมและการศึกษา การทหาร การสื่อสารมวลชนและการขยายมวลชน และการต่างประเทศ  และสำหรับงานแต่ละด้าน สามารถถือเป็นแนวรบ ที่จะต้องมีมดงานและแม่ทัพย่อยลงไปดูแล แม้ที่ผ่านมาเราจะมีแกนนำ แกนนอน และเสรีชนผันตัวเองไปรับหน้าที่ แต่ทุกอย่างเกิดตามธรรมชาติมากกว่าการสนับสนุนจัดการ  ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ใครถนัดสิ่งใด ต้องเร่งทำให้มากที่สุด เพื่อการสานให้เกิดขบวนทัพปฎิวัติประชาชนที่แท้จริง ทันใช้ และให้คุณกับประเทศณ วันนี้และในอนาคตทุกระยะ ขอให้พี่น้องลองไปทบทวนแนวคิดต่าง ๆ ที่ผมนำเสนอไว้หลากหลาย ผ่านรายการต่าง ๆ โดยเฉพาะในรายการ Seeds of Democracy ที่จัดกับพี่น้องที่ Red UDd  ได้ที่ http://unrad.info/2012/06/03/archive-of-radio-programs-by-dr-piangdin-rakthai/

วันนี้ ผมจะพยายามคิดไปเขียนไป เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมเพื่อการปฎิวัติประชาชน ที่วันนี้ เราได้ก้าวมาถึงจุดต้องลงมืออย่างเร่งด่วน ก่อนการเผชิญหน้ากันของสองทัพ เพื่อตัดสินชะตากรรมของประเทศ เมื่อลุกฮือขึ้นมาครั้งตอไปนี้ จะทำอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ได้ และจะอาศัยการประนีประนอมแบบเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว ขอให้จำไว้ว่า หากไม่กล้าฝ่าหัวฝีออก จะตายด้วยพิษแผลและหนองปวด    กล่าวคือ การจัดการประเทศไทยใหม่ โดยการเปลี่ยนระบอบ จะสำเร็จไม่ได้ หากยังหวังแค่จะปกป้องรัฐบาล หรือยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ (ซึ่งเพื่อไทยชื่อใหม่จะชนะถล่มทลาย) หรือหวังจะแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จบนเส้นทางที่เรายังทำตัวเหมือนลูกแกะ ให้สุนัขจิ้งจอกมันจ้องหลอกกินเราทุกก้าว และการใช้แนวทางทื่อ ๆ ด้วยการชุมนุมมอย่างเดียว…ดังนั้น สิ่งที่อยากฝากถึงทุกหมู่เหล่าคือ ควรมองการปฎิวัติเป็นสี่ระยะ

ระยะที่หนึ่ง ระยะตีเกราะเคาะไม้ ส่องไฟใส่เปรตผี แล้ววางแผนและจัดทัพ

ในระยะนี้ อย่าบุ่มบ่าม อย่าลงมือจนกว่าจะแน่นอนแล้วว่าจำเป็นและถึงเวลา แต่จงเก็บข้อมูล วางเป้า วางแผน และวางกำลังเอาไว้ทุกจุด เหมือนมดแดงนับล้านรัง ที่รอทำหน้าที่เผด็จศึกในทุกแนวรบ (การวางแผนตรงนี้ ต้องละเอียดพอที่จะ (1) กำหนดแนวทางก่อนการเริ่มลุกขึ้นมายึดอำนาจ เช่นเก็บข้อมูล วางแผน และจัดทัพ ตลอดจนการเตรียมการด้านเทคนิคและความพร้อมในเชิงปฎิบัติทุกเรื่องที่เป็นไปได้ (2) กำหนดแนวทางยั่วยุให้เกิดการติดเบ็ด อันเป็นความชอบธรรมของการลุกฮือมาปฎิวัติประชาชน (3) กำหนดแนวทางการลุกฮืออย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้ ว่าต้องมีใคร ทำอะไร อย่างไร (4) เมื่อประกาศการปฎิวัติประชาชนแล้ว การปฎิบัติการต้องมีรายละเอียดล่วงหน้ารอไว้สำหรับขั้นตอนหลังการยึดอำนาจได้แล้ว ซึ่งต้องมีรายละเอียดสำหรับเดินหน้าสู่การเป็นประชาธิปไตยได้อย่างสมบูรณ์ต่อไปทันที

อนึ่งระยะนี้ เราต้องเตรียมความพร้อมอย่างขมักเขม้น ต้องสร้างมวลชนเพิ่ม ต้องสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายแดงที่แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างอย่างจริงจัง แล้วดึงเพื่อนร่วมชาติเข้าร่วมทัพให้มากที่สุด (แผนการทำลายความศักดิ์สิทธิ์และภาพลักษณ์ของขบวนการเหี้ยจะต้องถูกนำมาใช้เพื่อสร้างมวลชนปฎิวัติ หรือมวลชนที่ไม่ต่อต้านขบวนการปฎิวัติ ต้องถูกคิดและนำไปปฎิบัติกันเหมือนทัพมดแดงที่รู้หน้าที่ โดยไม่ต้องมีหัวหน้าสั่งการ) ในช่วงการเตรียมตัวนี้ แผนรุกบางอย่างของขบวนการเหี้ยจะรุนแรงมาก ต้องป้องกันให้ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการก่อการร้ายด้วยระเบิด ด้วยการสร้างภาพมิคสัญญี การทำน้ำท่วมบ้านเมืองครั้งใหญ่กว่าปีก่อน ฯลฯ จะต้องป้องกันตัวให้ได้ แล้วฉวยโอกาสเปิดโปง เก็บข้อมูล รอวันปิดบัญชี แบบสะสมกรรมชั่วพวกเปรตมารเหี้ย เพื่อความชอบธรรมในการกำจัดพวกเขาในที่สุด once and for all เมื่อประชาชนชนะแล้ว ด้วยตัวบทกฎหมายอันชอบธรรมในตัวและตามหลักศีลธรรมพื้นฐาน

ระยะที่สอง "สร้างเงื่อนไขและชักธงรบ"

เมื่อถึงเวลาจะมีแกนนำคณะปฎิวัติโผล่ขึ้นอย่างชัดเจนหลายระดับ แต่ตอนนี้ที่ยังไม่มีการเป่านกหวีด หรือยังไม่มีเงื่อนไขและความพร้อมมากพอ จงอย่าทำผิดกฎหมายและศีลธรรม และจงอย่าเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับสมุนเหี้ย จงทำให้พวกเหี้ยดูชั่วช้าอย่างชัดเจน จงเร่งการส่องไฟให้ทั่วทิศพร้อมกัน ตีกลองร้องป่าวทุกครั้งที่พวกชั่วเผยโฉม การต่อสู้ในรูปแบบปกติใต้ระบอบเผด็จการ ให้ทำเพื่อหวังผลชูประเด็นการปฎิวัติเปลี่ยนระบอบ เมื่อปล่อยให้สถานการณ์มันดึงกลไกปฎิบัติการของระบอบเหี้ยออกมาในที่แจ้งได้ถึงจุดหนึ่งจนมากพอแล้ว จะเกิดอาการสุกงอมของวิญญาณปฎิวัติ วันนั้น จะเกิดการลุกฮือของประชาชน และความพร้อมของกลุ่มต่าง ๆ จะถึงจุดที่เป้าหมายตรงกัน ยุทธวิธีหลากหลาย กระจายไปครอบคลุมทุกหัวระแหงของอำนาจบริหารประเทศ กำจัดหรือกำกับกลไกเหี้ยได้ในทุกพื้นที่ และการเคลื่อนไหวในเชิงท้าทาย ท้าชน และเร่งรัดเอาเปรียบในเชิงความชอบธรรมและเชิงยุทธทุกรูปแบบ (แต่จงเน้นการไม่ทำผิดกฎหมายและศีลธรรมในเกมบนดิน) รอรับสถานการณ์ปลาติดเบ็ด เตรียมปฎิบัติการกระชากปลาขึ้นบกเพื่อนำมาปรุงอาหารในขั้นปฎิบัติการต่อไป

สาม ขั้นตอนปฎิบัติการ 

สถานการณ์และความพร้อมจะประจบกันพอดี ดังนั้น แผนที่ละเอียดที่ทำกันในระยะนี้ รวมถึงความพร้อมในการจัดทัพที่มีเป้าหมาย มีกำลังพล มีแผน และผู้นำระดับต่าง ๆ จะชี้วัดความสำเร็จว่าจะเร็วแค่ไหน สูญเสียน้อยเพียงใด และนำประเทศเข้ารูปเข้ารอยเดินหน้าต่อได้ดีเพียงใด ถึงเวลานั้น พลังแดงที่สะสมในตัวทุกคนจะสำแดงผลอย่างแท้จริง เวลานั้น ความรู้ ความรู้สึก ความสำนึก ประสบการณ์ และทุกกลไกที่พี่น้องได้สร้างขึ้น จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ และวิญญาณเสรีชนที่ตื่นรู้และมีศักยภาพ จะนำไปสู่การปฎิวัติที่ยิ่งใหญ่ งดงาม และสมบูรณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ ประเทศไทยเราได้ผ่านการต่อสู้อันเจ็บปวด และบทเรียนที่ความตอแหลหน้าด้าน และโหดร้ายของฝ่ายอำนาจเก่า ได้ทำให้คนไทยแหลมคมในเชิงยุทธศาสตร์ และฉลาดในเชิงยุทธวิธีอย่างที่ไม่น่าเชื่อ เหมือนการขึ้นลิฟท์ไปถึงตึกสูงอย่างเร็วในเวลาแค่ห้าหกปี ถึงเวลาปฎิบัติงาน พี่น้องต้องฉลาดที่จะรุก ลับ ล่อ ลวง พรางตัว และอ่านเกมที่หลากหลาย โดยที่แกนนำจะไม่สามารถชี้นำได้หมด พี่น้องจะเป็นตัวตัดสินเกม และผมเชื่อว่าพี่น้องจะได้รับความคิด แนวทาง และการสนับสนุนมากพอในวันที่เราได้ลุกขึ้นมาปฎิบัติการร่วมกัน จนสำเร็จนำไปสู่การรุกฆาตอย่างเบ็ดเสร็จ

สี่ ขั้นตอนการนำประเทศเดินหน้า กับอำนาจใหม่ และการสถาปนารัฐใหม่ ที่ให้สมดังฝัน คำประกาศต่าง ๆ การดำเนินการในฐานะรัฐ การให้ประชาชนรับรองความชอบธรรม และการถ่ายโอนอำนาจกลับสู่มือประชาชน ต้องมีการเตรียมการไว้อย่างดีที่สุด คนร่วมคิดร่วมนำการปฎิวัติจะต้องตระหนักอย่างสูงสุดว่า จะต้องไม่ทำเพื่อตัวเอง ให้มีหัวใจของดร. ซุนยัดเซ็นอย่างเคร่งครัด คือไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่หวังกอบโกยเพื่อตัวเองและคณะ แต่คิดถึงการสถาปนาประเทศใหม่เพื่อคนรุ่นลูกหลาน เพียงแต่ของเราสามารถเดินหน้าได้ บนเส้นทางแห่งเสรีประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ ไม่แพ้ประเทศพัฒนาแล้วอื่นใด ประเทศไทยภายใต้ระบอบการปกครองแบบเสรีประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ และประชาชน จงเจริญ ๆ ๆ

เสรีภาพอันสมบูรณ์ของประชาชน จักได้มาด้วยวิธีใด?



บทความนี้ แค่จุดประกายความคิดเบื้องต้น ผมจะพยายามเข้ามานั่งทบทวน และแต่งเติมความคิดให้ชัดเจน เหมาะสมยิ่งขึ้น ความคิดเห็นต่อท้ายของพี่น้อง หรือความเห็นที่จะส่งไปที่ 4everche@gmail.com จะเป็นสิ่งมีค่ายิ่งสำหรับเติมเต็มความคิดเพื่อการปฎิวัติประชาชนนี้ ขอบคุณครับ

สูตรรักษากรดไหลย้อนด้วยสมุนไพรไทย ที่หาง่าย

สูตรรักษากรดไหลย้อนด้วยสมุนไพรไทย ที่หาง่าย  
สูตรจาก นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์


นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ (ซึ่งผมฟังมาจากเพื่อนต่อๆกันมาอีกที)

วิธีทำน้ำกะเพรา
1. นำกะเพรา 1 กำ (ทั้งลำต้นและใบ) ประมาณ 1 ขีด มาล้างให้สะอาดด้วยน้ำจุลินทรีย์ EM (ของโยเร แช่ 1 ช.ม.) หรือน้ำยาล้างผักเพื่อล้างยาฆ่าแมลงออก
2. ใส่น้ำ 2 - 3 ลิตรลงในหม้อ นำกะเพราใส่ลงไปทั้งหมด
3. ปิดฝาหม้อ ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ต้มประมาณ 15 - 20 นาที พอน้ำเดือดปุ๊บให้ปิดแก๊สทันที
4. ดื่มหลังอาหาร 1 แก้ว 250 ml (อ่านตรง ปล. ต่อ)
5. ถ้าน้ำกะเพราเย็นลงหรือ ดื่มไม่หมด ไม่ต้องอุ่นหรือต้มซ้ำ ให้แช่เย็นไว้ดื่ม
ปล. 1. ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่า 
2. จำไว้ว่า กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิดอาการร้อนใน ให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง
3. อาการหนักประมาณ 6 แก้ว และหลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าอาการทุเลาให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง
เหลือหลังอาหารวันละ 2 - 3 แก้ว
4. ยาสมุนไพรไทย ใช้เวลารักษานานค่ะถึงจะหาย ต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีเข้าช่วยเลย

ประโยชน์ของกะเพรา
กะเพราช่วยขับลม เป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็นโรคลำไส้เล็ก เช่น จุกเสียดในลำไส้เล็ก (เวลาเป็นเหมือนถูกแทงด้วยหลาว นั่งอยู่ดีๆก็เจ็บเหมือนถูกแทง หรือถูกต่อย)

การดูแลตนเองสำหรับผู้ที่มีอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นเฟ้อ (ข้อมูลนี้ได้มาจากประสบการณ์ของผู้ป่วยหลายๆท่าน)
1. ไม่รับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดและเปรี้ยว แม้เพียงเล็กน้อย (ข้อนี้สำคัญ)
2. ไม่รับประทานอาหารมัน และของหมักดอง เช่น ผลไม้ดองต่างๆ (ข้อนี้สำคัญ)
3. ไม่ควรรับประทานอาหารรสหวาน ที่มีน้ำตาลปริมาณมาก เช่น ขนมหวาน, น้ำหวาน, น้ำอัดลม
4. งดดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ ชาและกาแฟก็ควรงด 
5. ไม่รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมาก ควรทานเนื้อปลา หรือถั่ว (ข้อนี้สำคัญ)
6. ควรรับประทานผัก และผลไม้ทุกมื้อ เพื่อให้มีการขับถ่าย ไล่ลมออก จุลินทรีย์ได้ทำงาน (ข้อนี้สำคัญ)
7. ดื่มน้ำมะเขือเทศปั่น ครึ่ง – หนึ่งกิโลกรัม ก่อนรับประทานอาหารเช้า
8. ไม่ควรรับประทานผลไม้ประเภทย่อยยาก เช่น ฝรั่ง, มะม่วง
9. ควรทานผลไม้ประเภทย่อยง่าย และมีกากใยสูง ผลไม้ที่แนะนำ เช่น ส้ม ชมพู่ แตงไทย แคนตาลูป
10. เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ประมาณ 100-200 ครั้งต่อ 1 คำ (ข้อนี้ช่วยได้มาก)
11. ไม่รับประทานอาหารจนเต็มกระเพาะอาหาร (ข้อนี้สำคัญเช่นกัน)
12. ใช้เวลารับประทานอาหารในแต่ละมื้อประมาณ ครึ่ง - หนึ่งชั่วโมง
13. หลังรับประทานอาหารเสร็จ ให้ดื่มน้ำเปล่าแต่น้อย หลังจากนั้นอีกประมาณ ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงให้ดื่มน้ำกะเพรา เพราะน้ำกะเพราจะช่วยขับลม และช่วยเร่งการย่อยอาหาร
14. ตอนเย็นให้รับประทานอาหารย่อยง่ายๆเท่านั้น เช่น โจ๊ก, ข้าวต้ม (ข้อนี้สำคัญมากๆเช่นกัน)
15. ควรดื่มยาคูลย์ (วันละ 1 ขวด หลังอาหารเช้า) หรือยา-อาหารเสริมประเภทเพิ่มจุลินทรีย์ในลำไส้
16. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่งทุกเช้า หรือวิ่งในช่วงเย็น เพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว (ข้อนี้สำคัญ)
17. อดทนในเรื่องไม่ทานอาหารจุกจิก ไม่เป็นเวลา ไม่เป็นมื้อ (ข้อนี้สำคัญเช่นกัน)
18. ท่องไว้ในใจเสมอว่า “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ”

ขอบคุณที่แบ่งปัน แชร์แบ่งๆกันไปนะ






ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน ตอน "หากเหี้ย ถูกกองทัพประชาชนตามล่า???"

คลิปรายการ ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน ตอน "หากเหี้ย ถูกกองทัพประชาชนตามล่า???"
14 สิงหาคม  2558 ทางนปช.ยูเอสเอ และมหาวิทยาลัยประชาชน

ทางยูทูป  https://youtu.be/gGSoJJtK3SY

ดาวน์โหลดเพื่อการเผยแพร่

สูตรรักษากรดไหลย้อนด้วยสมุนไพรไทย ที่หาง่าย

สูตรรักษากรดไหลย้อนด้วยสมุนไพรไทย ที่หาง่าย  
สูตรจาก นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์


นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ (ซึ่งผมฟังมาจากเพื่อนต่อๆกันมาอีกที)

วิธีทำน้ำกะเพรา
1. นำกะเพรา 1 กำ (ทั้งลำต้นและใบ) ประมาณ 1 ขีด มาล้างให้สะอาดด้วยน้ำจุลินทรีย์ EM (ของโยเร แช่ 1 ช.ม.) หรือน้ำยาล้างผักเพื่อล้างยาฆ่าแมลงออก
2. ใส่น้ำ 2 - 3 ลิตรลงในหม้อ นำกะเพราใส่ลงไปทั้งหมด
3. ปิดฝาหม้อ ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ต้มประมาณ 15 - 20 นาที พอน้ำเดือดปุ๊บให้ปิดแก๊สทันที
4. ดื่มหลังอาหาร 1 แก้ว 250 ml (อ่านตรง ปล. ต่อ)
5. ถ้าน้ำกะเพราเย็นลงหรือ ดื่มไม่หมด ไม่ต้องอุ่นหรือต้มซ้ำ ให้แช่เย็นไว้ดื่ม
ปล. 1. ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่า 
2. จำไว้ว่า กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิดอาการร้อนใน ให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง
3. อาการหนักประมาณ 6 แก้ว และหลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าอาการทุเลาให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง
เหลือหลังอาหารวันละ 2 - 3 แก้ว
4. ยาสมุนไพรไทย ใช้เวลารักษานานค่ะถึงจะหาย ต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีเข้าช่วยเลย

ประโยชน์ของกะเพรา
กะเพราช่วยขับลม เป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็นโรคลำไส้เล็ก เช่น จุกเสียดในลำไส้เล็ก (เวลาเป็นเหมือนถูกแทงด้วยหลาว นั่งอยู่ดีๆก็เจ็บเหมือนถูกแทง หรือถูกต่อย)

การดูแลตนเองสำหรับผู้ที่มีอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นเฟ้อ (ข้อมูลนี้ได้มาจากประสบการณ์ของผู้ป่วยหลายๆท่าน)
1. ไม่รับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดและเปรี้ยว แม้เพียงเล็กน้อย (ข้อนี้สำคัญ)
2. ไม่รับประทานอาหารมัน และของหมักดอง เช่น ผลไม้ดองต่างๆ (ข้อนี้สำคัญ)
3. ไม่ควรรับประทานอาหารรสหวาน ที่มีน้ำตาลปริมาณมาก เช่น ขนมหวาน, น้ำหวาน, น้ำอัดลม
4. งดดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ ชาและกาแฟก็ควรงด 
5. ไม่รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมาก ควรทานเนื้อปลา หรือถั่ว (ข้อนี้สำคัญ)
6. ควรรับประทานผัก และผลไม้ทุกมื้อ เพื่อให้มีการขับถ่าย ไล่ลมออก จุลินทรีย์ได้ทำงาน (ข้อนี้สำคัญ)
7. ดื่มน้ำมะเขือเทศปั่น ครึ่ง – หนึ่งกิโลกรัม ก่อนรับประทานอาหารเช้า
8. ไม่ควรรับประทานผลไม้ประเภทย่อยยาก เช่น ฝรั่ง, มะม่วง
9. ควรทานผลไม้ประเภทย่อยง่าย และมีกากใยสูง ผลไม้ที่แนะนำ เช่น ส้ม ชมพู่ แตงไทย แคนตาลูป
10. เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ประมาณ 100-200 ครั้งต่อ 1 คำ (ข้อนี้ช่วยได้มาก)
11. ไม่รับประทานอาหารจนเต็มกระเพาะอาหาร (ข้อนี้สำคัญเช่นกัน)
12. ใช้เวลารับประทานอาหารในแต่ละมื้อประมาณ ครึ่ง - หนึ่งชั่วโมง
13. หลังรับประทานอาหารเสร็จ ให้ดื่มน้ำเปล่าแต่น้อย หลังจากนั้นอีกประมาณ ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงให้ดื่มน้ำกะเพรา เพราะน้ำกะเพราจะช่วยขับลม และช่วยเร่งการย่อยอาหาร
14. ตอนเย็นให้รับประทานอาหารย่อยง่ายๆเท่านั้น เช่น โจ๊ก, ข้าวต้ม (ข้อนี้สำคัญมากๆเช่นกัน)
15. ควรดื่มยาคูลย์ (วันละ 1 ขวด หลังอาหารเช้า) หรือยา-อาหารเสริมประเภทเพิ่มจุลินทรีย์ในลำไส้
16. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่งทุกเช้า หรือวิ่งในช่วงเย็น เพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว (ข้อนี้สำคัญ)
17. อดทนในเรื่องไม่ทานอาหารจุกจิก ไม่เป็นเวลา ไม่เป็นมื้อ (ข้อนี้สำคัญเช่นกัน)
18. ท่องไว้ในใจเสมอว่า “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ”

ขอบคุณที่แบ่งปัน แชร์แบ่งๆกันไปนะ