PPD's Official Website

Sunday, August 30, 2015

เผด็จการทหารอาจฉุด"ไทย"สู่สงครามก่อการร้าย เครดิต จอม เพชรประดับ



Download







"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

ปัทมามูลนิลซึ่งถูกจับในขณะอายุเพียง 23 ปี เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวแม่ค้าขายอาหารตามสั่งและกำลังเรียนกศน.ในระดับมัธยมต้น
ปัทมาเคยร่วมอุดมการณ์กับกลุ่ม'คนเสื้อเหลือง' และติดตามข่าวสารผ่านช่องเอเอสทีวีมาโดยตลอดจนกระทั่งมีการยุบพรรคและเลือกตั้งใหม่เธอเริ่มตั้งคำถามจากนั้นเธอจึงติดจานดาวเทียมที่มี 'ช่องเสื้อแดง'ก่อนที่ความคิดจะค่อยๆ เปลี่ยนไป
ก่อนถูกจับแม่ของเธอได้โทรไปบอกว่ามีหมายจับมาให้ไปมอบตัวเธอบอกกับแม่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเธอไม่ได้เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เธอเข้าไปอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรแม่ก็บอกว่า"ถ้าไม่ได้ทำอะไรลูกก็กลับมามอบตัวสู้คดีซะลูกให้โทรมาบอกอาให้อาพาไปมอบตัว"

แต่ในที่สุดเธอก็ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 24พฤษภาคม2553ที่สถานีขนส่งจ.สุรินทร์โดยเธอถูกล็อกตัวใส่กุญแจมือโดยถูกจับกดคอลงกับพื้นท่ามกลางสาธารณชนพร้อมทั้งมีปืนจ่อหัวและจับคอเสื้อลากขึ้นรถไปยังสภ.เมืองสุรินทร์เพื่อนที่ไปด้วยก็ร้องไห้และถูกบังคับให้เธอรับสารภาพเสีย จะได้ปล่อยเพื่อนไป และขู่จะยัดยาบ้าให้อีกหลายเม็ดและให้เซ็นรับสารภาพแต่โดยดีว่าเผาศาลากลางเซ็นแล้วก็จะปล่อยตัวเพื่อนไปสุดท้ายเธอจึงยอมเซ็นตำรวจนำตัวเธอกลับมาถึงอุบลราชธานีตอนเที่ยงคืนและได้เอารูปภาพประมาณ 400 ภาพในวันเกิดเหตุมาให้ดูและถามว่ารู้จักใครบ้างให้รีบบอกมาเธอบอกว่า ไม่รู้จักตำรวจก็ตบหัวเธอทุกครั้งที่ถามจนเกือบตี 3กว่าก็พาเธอลงมาขังไว้ใต้ถุนสถานีตำรวจโดยตั้งข้อหาหนักให้เธอ คือ 
1)ร่วมกันวางเพลิงเผาศาลากลาง
2)ร่วมกันประทุษร้ายทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ ไม้, อิฐ, หิน, หนังสะติ๊ก 
3) ชุมนุมกันเกิน 10 คน เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ตำรวจบอกว่าให้รับไปเถอะแล้วไปแก้ข้อกล่าวหาเอาที่ศาลจากนั้นก็ส่งตัวเธอไปแถลงข่าวโดยตำรวจบอกว่าให้นั่งก้มหน้าลงอย่าพูดอะไรเป็นอันขาดและมีตำรวจพูดแทนว่าได้ทำการจับกุมคนเผาศาลากลางจังหวัดได้อีกแล้ว1คนคือนางสาวปัทมา มูลนิล คนนี้
ทั้งๆที่เธอบอกว่าหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ใช้คือภาพถ่ายของเธอในที่เกิดเหตุ ซึ่งหากเธอทำจริงเธอคงไม่เปิดเผยใบหน้าและไปยืนอยู่นานสองนานให้ถ่ายรูปแต่ในที่สุดเธอถูกคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตและลดโทษให้เหลือจำคุก33ปี4เดือน

ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของบันทึกการให้ถ้อยคำของเธอต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ"อยากกลับบ้านแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำกับเราขนาดนี้ด้วยแล้วทำไมตำรวจต้องเอาเด็กผู้หญิงอายุแค่16ปีมาข่มขู่เราด้วยทำถึงขนาดตบหน้าเขาเพียงเพราะอยากได้ตัวเราอยากให้เรารับสารภาพถึงขนาดจะยัดข้อหาเขาตำรวจหัวใจเขาทำด้วยอะไรยังเป็นคนอยู่เหรอแล้วทำไมจะต้องบอกเพื่อนเราพี่น้องเราด้วยว่าเราซัดทอดคนอื่นต้องการอะไรอยากได้อะไรเอาเราไปแถลงข่าวเราแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำเหมือนเราเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายขายยาบ้าระดับชาติด้วย

พอเข้ามาอยู่ในเรือนจำทุกคนที่นี่เกือบทั้งหมดก็เป็นมิตรดีแต่จะมีบางคนที่คอยหาเรื่องสงสารคนที่บ้านพ่อแม่พี่ทุกคนก็ลำบากอยู่ข้างนอกเราก็หาเช้ากินค่ำกันแต่เรามาอยู่ในนี้ทุกคนก็พลอยลำบากไปด้วย เงินก็ไม่มี..
[8/30/15, 5:50:12 PM] jeedjobjoy: ในขณะที่ชนชั้นปกครองกำลังเสวยสุขจากการ "เกี้ยเซี้ยะ" บนความทุกข์ของเหยื่อของความขัดแย้งและกำลังถกกันอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจากที่ "ติดกับ" กับคำว่า "การปรองดอง" ที่หาคำนิยามที่ชัดเจนไม่ได้จนบานปลายเป็นความขัดแย้งใหม่แต่ปัทมาต้องตกนรกทั้งเป็นในสถานะ"เชลยศึก"ที่ถูกลืมจากคู่สงครามผมไม่รู้ว่าหัวจิตหัวใจของผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองทั้งสองขั้วหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับในกระบวนการยุติธรรมทำด้วยอะไร อย่าลืมนะครับว่าถ้าคนตัวเล็กตัวน้อยเช่นปัทมาอยู่ไม่ได้แล้วก็อย่าหวังว่าคนตัวใหญ่ๆทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุขเลยครับ ที่มา http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40109

"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

ปัทมามูลนิลซึ่งถูกจับในขณะอายุเพียง 23 ปี เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวแม่ค้าขายอาหารตามสั่งและกำลังเรียนกศน.ในระดับมัธยมต้น
ปัทมาเคยร่วมอุดมการณ์กับกลุ่ม'คนเสื้อเหลือง' และติดตามข่าวสารผ่านช่องเอเอสทีวีมาโดยตลอดจนกระทั่งมีการยุบพรรคและเลือกตั้งใหม่เธอเริ่มตั้งคำถามจากนั้นเธอจึงติดจานดาวเทียมที่มี 'ช่องเสื้อแดง'ก่อนที่ความคิดจะค่อยๆ เปลี่ยนไป
ก่อนถูกจับแม่ของเธอได้โทรไปบอกว่ามีหมายจับมาให้ไปมอบตัวเธอบอกกับแม่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเธอไม่ได้เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เธอเข้าไปอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรแม่ก็บอกว่า"ถ้าไม่ได้ทำอะไรลูกก็กลับมามอบตัวสู้คดีซะลูกให้โทรมาบอกอาให้อาพาไปมอบตัว"

แต่ในที่สุดเธอก็ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 24พฤษภาคม2553ที่สถานีขนส่งจ.สุรินทร์โดยเธอถูกล็อกตัวใส่กุญแจมือโดยถูกจับกดคอลงกับพื้นท่ามกลางสาธารณชนพร้อมทั้งมีปืนจ่อหัวและจับคอเสื้อลากขึ้นรถไปยังสภ.เมืองสุรินทร์เพื่อนที่ไปด้วยก็ร้องไห้และถูกบังคับให้เธอรับสารภาพเสีย จะได้ปล่อยเพื่อนไป และขู่จะยัดยาบ้าให้อีกหลายเม็ดและให้เซ็นรับสารภาพแต่โดยดีว่าเผาศาลากลางเซ็นแล้วก็จะปล่อยตัวเพื่อนไปสุดท้ายเธอจึงยอมเซ็นตำรวจนำตัวเธอกลับมาถึงอุบลราชธานีตอนเที่ยงคืนและได้เอารูปภาพประมาณ 400 ภาพในวันเกิดเหตุมาให้ดูและถามว่ารู้จักใครบ้างให้รีบบอกมาเธอบอกว่า ไม่รู้จักตำรวจก็ตบหัวเธอทุกครั้งที่ถามจนเกือบตี 3กว่าก็พาเธอลงมาขังไว้ใต้ถุนสถานีตำรวจโดยตั้งข้อหาหนักให้เธอ คือ 
1)ร่วมกันวางเพลิงเผาศาลากลาง
2)ร่วมกันประทุษร้ายทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ ไม้, อิฐ, หิน, หนังสะติ๊ก 
3) ชุมนุมกันเกิน 10 คน เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ตำรวจบอกว่าให้รับไปเถอะแล้วไปแก้ข้อกล่าวหาเอาที่ศาลจากนั้นก็ส่งตัวเธอไปแถลงข่าวโดยตำรวจบอกว่าให้นั่งก้มหน้าลงอย่าพูดอะไรเป็นอันขาดและมีตำรวจพูดแทนว่าได้ทำการจับกุมคนเผาศาลากลางจังหวัดได้อีกแล้ว1คนคือนางสาวปัทมา มูลนิล คนนี้
ทั้งๆที่เธอบอกว่าหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ใช้คือภาพถ่ายของเธอในที่เกิดเหตุ ซึ่งหากเธอทำจริงเธอคงไม่เปิดเผยใบหน้าและไปยืนอยู่นานสองนานให้ถ่ายรูปแต่ในที่สุดเธอถูกคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตและลดโทษให้เหลือจำคุก33ปี4เดือน

ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของบันทึกการให้ถ้อยคำของเธอต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ"อยากกลับบ้านแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำกับเราขนาดนี้ด้วยแล้วทำไมตำรวจต้องเอาเด็กผู้หญิงอายุแค่16ปีมาข่มขู่เราด้วยทำถึงขนาดตบหน้าเขาเพียงเพราะอยากได้ตัวเราอยากให้เรารับสารภาพถึงขนาดจะยัดข้อหาเขาตำรวจหัวใจเขาทำด้วยอะไรยังเป็นคนอยู่เหรอแล้วทำไมจะต้องบอกเพื่อนเราพี่น้องเราด้วยว่าเราซัดทอดคนอื่นต้องการอะไรอยากได้อะไรเอาเราไปแถลงข่าวเราแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำเหมือนเราเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายขายยาบ้าระดับชาติด้วย

พอเข้ามาอยู่ในเรือนจำทุกคนที่นี่เกือบทั้งหมดก็เป็นมิตรดีแต่จะมีบางคนที่คอยหาเรื่องสงสารคนที่บ้านพ่อแม่พี่ทุกคนก็ลำบากอยู่ข้างนอกเราก็หาเช้ากินค่ำกันแต่เรามาอยู่ในนี้ทุกคนก็พลอยลำบากไปด้วย เงินก็ไม่มี..
[8/30/15, 5:50:12 PM] jeedjobjoy: ในขณะที่ชนชั้นปกครองกำลังเสวยสุขจากการ "เกี้ยเซี้ยะ" บนความทุกข์ของเหยื่อของความขัดแย้งและกำลังถกกันอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจากที่ "ติดกับ" กับคำว่า "การปรองดอง" ที่หาคำนิยามที่ชัดเจนไม่ได้จนบานปลายเป็นความขัดแย้งใหม่แต่ปัทมาต้องตกนรกทั้งเป็นในสถานะ"เชลยศึก"ที่ถูกลืมจากคู่สงครามผมไม่รู้ว่าหัวจิตหัวใจของผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองทั้งสองขั้วหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับในกระบวนการยุติธรรมทำด้วยอะไร อย่าลืมนะครับว่าถ้าคนตัวเล็กตัวน้อยเช่นปัทมาอยู่ไม่ได้แล้วก็อย่าหวังว่าคนตัวใหญ่ๆทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุขเลยครับ ที่มา http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40109

คดีก่อการร้ายราชประงค์ จากมุมมองนักกฎหมายต่างประเทศ

ขณะนี้ประเทศไทยของเรา กำลังเผชิญกับ "สงครามการก่อการร้าย" ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจาก "อวิชา" หรือ Ignorance ที่ครอบคลุมจิตใจ กลุ่มคนที่ใช้อำนาจการปกครองประเทศนี้ โดยมิชอบ แล้วทรนงตนคิดว่า "กูรู้แล้ว" "กูฉลาดที่สุดในประเทศนี้" ผลเป็นไง? ครับ นี่แค่บททดสอบนะ ครับ

ผมขอให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันศึกษา กรณีตัวอย่างจาก "คดีระเบิดราชประสงค์" ให้ดีๆ อย่างลึกซึ้ง ผมมีความเห็นในกรณีนี้ ดังต่อไปนี้:


๑. ผมเอาคดี Abu Eain v. Wilkes มาลงแค่คดีเดียว สร้างผลกว้างไกล ลบล้างความคิดเดิมๆ หมดเลยหรือ? ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

๒.แต่ไม่อยากจะบอกว่า การจับกุมคนร้ายนั้น ต้องมีพยานหลักฐาน ที่แม่นมั่น ไม่ใช่ใช้ "มโน 70%" และ พยายามสร้างพยานหลักฐานอีก 30%" เพื่อเชื่อมโยง นะครับ


๓. ถ้าเป็นคนร้าย ที่ทำระเบิดจริง ต้องรู้สัญชาติ ที่แท้จริงของเขาให้ได้ ส่วนใหญ่ จะมาจาก West Bank และ ต้องสังกัดองค์กร อัลฟาต้า (Al Fatha) ส่วนหนึ่งของ PLO เดิม และ


๔. คนพวกนี้ หากประกอบระเบิด และ ตั้งเวลาเอาไว้แล้ว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระเบิด จากสหรัฐอเมริกา หรือ ประเทศต่างๆในยุโรป ก็ไม่สามารถแก้ไขเวลา ไม่ให้เกิดการระเบิด

๕. คนพวกนี้ส่วนใหญ่มาจาก Jordan มีความชำนาญอยู่ในสายเลือด หรือ จะพูดได้ว่า มี Gift from God ในเรื่องระเบิดเวลา


๖. ต้องถามคณะ คสช. เป็นคำถามปฐมฤกษ์ว่า รู้จักกับคำว่า "Muslim หรือ Islam เพียงใด?"

๗. คำๆเดียวนี้ รัฐ Israel หรือ ชาว Israeli ต้องใช้เวลาศึกษา Ideology ของถ้อยคำนี้ ร่วมสิบปี ในขณะเกิดสงครามระหว่างยิว รบ อาหรับ

๘. ไม่ว่าในสงครามหกวัน หรือสงครามโยมคลิปปอร์

๙. อีกหนึ่งคำ ที่คนไทยต้องเรียนรู้ ให้ลึกซึ้ง ตีความให้ออก คือ คำว่า "Brotherhood"

๑๐. ถ้า clue สองคำ ที่ให้ไปนี้ ศึกษากันเพียงผิวเผิน ผมว่า ประเทศไทย จะโดน อีกหลายสิบลูก เลย ผมขอชี้ และคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า.

คดีก่อการร้ายราชประงค์ จากมุมมองนักกฎหมายต่างประเทศ

ขณะนี้ประเทศไทยของเรา กำลังเผชิญกับ "สงครามการก่อการร้าย" ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจาก "อวิชา" หรือ Ignorance ที่ครอบคลุมจิตใจ กลุ่มคนที่ใช้อำนาจการปกครองประเทศนี้ โดยมิชอบ แล้วทรนงตนคิดว่า "กูรู้แล้ว" "กูฉลาดที่สุดในประเทศนี้" ผลเป็นไง? ครับ นี่แค่บททดสอบนะ ครับ

ผมขอให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันศึกษา กรณีตัวอย่างจาก "คดีระเบิดราชประสงค์" ให้ดีๆ อย่างลึกซึ้ง ผมมีความเห็นในกรณีนี้ ดังต่อไปนี้:


๑. ผมเอาคดี Abu Eain v. Wilkes มาลงแค่คดีเดียว สร้างผลกว้างไกล ลบล้างความคิดเดิมๆ หมดเลยหรือ? ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

๒.แต่ไม่อยากจะบอกว่า การจับกุมคนร้ายนั้น ต้องมีพยานหลักฐาน ที่แม่นมั่น ไม่ใช่ใช้ "มโน 70%" และ พยายามสร้างพยานหลักฐานอีก 30%" เพื่อเชื่อมโยง นะครับ


๓. ถ้าเป็นคนร้าย ที่ทำระเบิดจริง ต้องรู้สัญชาติ ที่แท้จริงของเขาให้ได้ ส่วนใหญ่ จะมาจาก West Bank และ ต้องสังกัดองค์กร อัลฟาต้า (Al Fatha) ส่วนหนึ่งของ PLO เดิม และ


๔. คนพวกนี้ หากประกอบระเบิด และ ตั้งเวลาเอาไว้แล้ว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระเบิด จากสหรัฐอเมริกา หรือ ประเทศต่างๆในยุโรป ก็ไม่สามารถแก้ไขเวลา ไม่ให้เกิดการระเบิด

๕. คนพวกนี้ส่วนใหญ่มาจาก Jordan มีความชำนาญอยู่ในสายเลือด หรือ จะพูดได้ว่า มี Gift from God ในเรื่องระเบิดเวลา


๖. ต้องถามคณะ คสช. เป็นคำถามปฐมฤกษ์ว่า รู้จักกับคำว่า "Muslim หรือ Islam เพียงใด?"

๗. คำๆเดียวนี้ รัฐ Israel หรือ ชาว Israeli ต้องใช้เวลาศึกษา Ideology ของถ้อยคำนี้ ร่วมสิบปี ในขณะเกิดสงครามระหว่างยิว รบ อาหรับ

๘. ไม่ว่าในสงครามหกวัน หรือสงครามโยมคลิปปอร์

๙. อีกหนึ่งคำ ที่คนไทยต้องเรียนรู้ ให้ลึกซึ้ง ตีความให้ออก คือ คำว่า "Brotherhood"

๑๐. ถ้า clue สองคำ ที่ให้ไปนี้ ศึกษากันเพียงผิวเผิน ผมว่า ประเทศไทย จะโดน อีกหลายสิบลูก เลย ผมขอชี้ และคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า.