ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?
สิ่งที่คนไทยต้องรู้
-ระยะนี้ ไม่ว่าทางรัฐบาล เช่น เสธ.ไก่อู,สื่อสารมวลชน ตลอดจนผู้สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งทุกเว็บไซด์ของสลิ่ม ต่างออกมายกย่องชื่นชมท่านกันทุกวันที่สามารถทำให้ไทยได้เป็นประธาน จี.77 ในปีหน้า
ความจริง ผมไม่อยากขัดคอท่านหรอกครับ เห็นสลิ่มโพสต์เชิดชูท่านเหลือเกินก็ได้แต่ทำเฉยๆไว้ เพราะทุกวันนี้ก็ถูกเพ่งเล็ง ถูกคุกคามอยู่บ่อยๆแล้ว แต่มาเห็นการให้สัมภาษณ์ของท่านวันก่อนตามลิงค์นี้แล้ว ยอมรับว่า เหลือทนกับความเป็นตัวตนของท่านจนทนไม่ไหวจริงๆ
ท่านกล่าวถึงกรณีที่ประเทศสมาชิกกลุ่มจี 77 รับรองให้ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม สำหรับวาระปี 2559 ว่า
"ทางกลุ่มจี 77 มีการพูดคุยเรื่องความยากจนและความยั่งยืน การคัดเลือกจะเลือกจากประเทศที่มีประสบการณ์ และประเทศที่ประสบความสำเร็จซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านพูดถูก แต่พูดไม่หมดครับ เพราะจากรายงานของ World Bank,THAILAND ECONOMIC MONITOR NOVEMBER 2005 ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลหลักที่กลุ่ม G77 ใช้เป็นข้อมูลศึกษา มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ทั้งในหน้า 6 และหน้า 14 ว่า
-The poverty headcount ratio in Thailand fell by 10 percentage-points from 2000 to 2004. It fell from 21 percent of population
below the poverty-line in 2000 to 11 percent in 2004 . The largest gain was from the Northeast , though North did pretty well too.
The rise in household incomes, especially agricultural incomes, has contributed to the reduction in poverty.
As the majority of the poor reside in the rural areas and are engaged in agricultural activities, the double digit
rise in farm incomes since 2002 had contributed to poverty alleviation. From 2000 to 2004,
agricultural incomes have risen by 40 percent, higher than the rise in any other forms of income.
http://siteresources.worldbank.org/…/2005nov-econ-full-repo…
คร่าวๆก็คือ
-อัตราความยากจนในประเทศไทยลดลงร้อยละ 10 จุด จากปี 2543 ถึงปี 2547 ลดลงจาก 21 เปอร์เซ็นต์ของประชากรต่ำกว่าเส้นความยากจน
ในปี 2543 เป็นร้อยละ 11 ในปี 2547 ที่มากสุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
การเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือน โดยเฉพาะรายได้ทางการเกษตรได้มีส่วนร่วมในการลดความยากจนของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท
รายได้เริ่มเพิ่มขึ้นกับเกษตรกรตั้งแต่ปี 2545 และ จากปี 2543 ถึงปี 2547
รายได้ทางการเกษตรได้เพิ่มขึันถึงร้อยละ 40 สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ในรูปแบบอื่นๆ
เห็นคำพูดท่านประยุทธ์หรือยังครับ ท่านบอกที่ได้รับคัดเลือกเพราะ "ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านลืมหรือไม่ทราบกันแน่ว่า ในปี 2543 นั้น เป็นสมัยปลายรัฐบาลของคุณชวน หลีกภัย ที่ถูกพายุเศรษฐกิจกระหนํ่าจนล้มควํ่า ล้มหงาย ทั้งจากเศรษฐกิจฟองสบู่สมัยพล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ และคดี ปรส.อันอื้อฉาว จนต้องยุบสภาไปตอนต้นปี 2544 (6 ก.พ.) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความยากจนของท่านทักษิณแม้แต่น้อย
ความดีความชอบในการลดความยากจนที่ประสบความสำเร็จจนกลุ่ม G77 ชื่นชมและมีมติให้ไทยเป็นประธานฯในปีหน้านั้น เกิดขึ้นเพราะผลงานของท่านทักษิณ (2544-2549)โดยแท้แน่นอน ไม่มีข้อสงสัย
แต่เพราะความอิจฉา ริษยา กลัวท่านทักษิณจะได้หน้า เลยพูดกั๊กไว้ว่า พ.ศ. 2543 เรียกว่าเจตนา ชุบมือเปิบ เอาความดีความชอบของท่านทักษิณ คนที่ท่านชอบให้ร้าย มาเป็นของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
ถามจริงๆครับ ฟังท่านประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ตามลิงค์นี้แล้ว ฝ่ายรัฐบาล สื่อที่ชอบเชลียร์ และสลิ่มทั้งหลาย ท่านภูมิอกภูมิใจในตำแหน่งประธาน G77 กับตัวพล.อ.ประยุทธ์ กันมากหรือครับ
สำหรับผม การชุบมือเปิบอย่างไม่ละอายนั้น ชายชาติทหารเค้าไม่ทำกันครับ
PPD's Official Website
- Home
- สถานียูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- เว็บมหาวิทยาลัยประชาชน
- ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
- “เป้าหมายการปฏิวัติแบบ มดแดงล้มช้าง”
- Ideology: อุดมการณ์มดแดง
- มดแดงล้มช้างคืออะไร?
- สถานียูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- ติดตามทางเฟสบุ๊ค
- การก่อตั้ง คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม
- ร่วมโหวตชื่อขององค์การปวงชนชาวไทย
- หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง
- หลักสำคัญสู่ชัยชนะเหนือเผด็จการไทย
- คำประกาศเพื่อการปฎิวัติระบอบการปกครอง 18 ก.พ. 2555
- การสมัครเข้าร่วมปฏิวัติประชาชน
- คำประกาศสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยประชาชน
- ถ่ายทอดสด ทางยูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยประชาชน
- โครงการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยประชาชน
- เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยประชาชน
- บัญญัติสิบประการ "มดแดงล้มช้าง"
- Missions: พันธกิจ มดแดง
Tuesday, September 29, 2015
ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?
ชูวิทย์ ว่าด้วยกรณีระเบิดราชประสงค์: "ไอ้อ๊อด กับ ไอ้ปื๊ด"
ไอ้อ๊อด กับ ไอ้ปื๊ด
ความคลุมเคลือของคดีเหตุระเบิดราชประสงค์ อย่าว่าแต่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเลยครับ แม้แต่คนไทยแท้ๆ ยังสงสัย
กะอีแค่การปราบปรามการค้ามนุษย์ มันทำให้ผู้เสียผลประโยชน์โกรธจนถึงกับต้องวางระเบิดใจกลางกรุงเพื่อแก้แค้นประเทศไทยเลยหรือ?
ข่าวการสืบสวนยิ่งแปลก ผู้ต้องหาคนแรกนายอาเดม จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าสัญชาติอะไร แต่ทำไปทำมาถูกระบุว่าเป็น "ชายเสื้อเหลือง" ที่ลงมือวางระเบิด
แทนที่ระเบิดแล้วจะรีบบินออกนอกประเทศทันที กลับไปนั่งรอตำรวจอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แถวหนองจอก พร้อมกับอุปกรณ์ระเบิดเต็มห้อง (โชคดีจริงๆ)
ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ก็ดันไปเดินทอดน่องอยู่แถวชายแดนไทย-เขมร แทนที่จะรีบแจ้นขึ้นแท็กซี่ไปสุวรรณภูมิ บินออกนอกประเทศ
ที่พูดไม่ได้หมายความว่าตำรวจไทยไม่เก่ง เก่งมั๊กๆ โดยเฉพาะคดีใหญ่ๆ แต่คดีใหญ่ทุกคดีล้วนลุกลี้ลุกลน จนกระบวนการสอบสวนขาดความชัดเจน แต่ปิดคดีเร็วยิ่งกว่า FBI
เหตุจูงใจในการวางระเบิดก็กลับไปกลับมา เสร็จแล้วก็รีบจ่ายเงินรางวัลจบๆกันไป ทันวันที่ 30 ก่อน ผบ.ตร. เกษียณ พอดิบพอดี
ตัวละครลึกลับคนสำคัญ "ไอ้อ๊อด" ก็เพิ่มมาอีกคนตอนหลังๆ ทีแรกบอกไม่เกี่ยวกับอุยกูร์ ต่อมาก็เป็นเรื่องการเมืองภายใน สักพักวนกลับมาเรื่องค้ามนุษย์ ท้ายสุดหักมุมไปลงเอยที่ไอ้อ๊อดเสื้อแดง
ผมล่ะกลัวจริงๆ เรื่องนี้ดูแล้วมันชอบกล ไม่รู้ "ไอ้อ๊อด" กับ "ไอ้ปื๊ด" เป็นญาติอะไรกันหรือเปล่า? ป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอ และคิดว่าคงไม่มีวันเจออีกแล้ว
มันไม่ค่อยจะเนียนสักเท่าไหร่เลยนะ
ความกระจอกและห่วยแตกของเสธน้ำเงิน (กระบอกอุจจาระของฝั่งทหารพระราชา)
ดูรายงานมั่ว ๆข้างล่างนะครับ
แสดงว่ามันไม่รู้เลยว่า การถ่ายทอดสดต่าง ๆ วันนี้ ทำได้ฟรีหรือแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอันใด และที่สำคัญที่สุด ไอ้เสธกระจอกเนี่ย ไม่เคยรู้ความจริงที่แท้จริง
ว่าในขบวนแดงนั้นเข้มแข็งขึ้นทุกวันและอย่างแท้จริงด้วยการเติบโตของประชาชนตัวจริง วันนี้ ต่อให้ทักษิณและตระกูลชินวัตรตายไปทั้งตระกูล
ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ขบวนการสร้างประชาธิปไตยอ่อนแอลงได้
และงานที่ยูเอ็น ทักษิณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหี้ยอะไรซักอย่าง วันนี้ดร.ทักษิณ นั่งกระดิกนิ้วรอ ไม่ยอมเปลืองตัว ไม่ยอมควัก... จนประชาชนที่ทนรอไม่ไหว ได้ออกมาเป็นแกนนำกันอย่างไม่สนใจทักษิณอีกต่อไปแล้ว...
มองประยุทธ์ แล้วท่านเห็นว่ามันห่วยเพียงใด ลูกน้องกระบอกอึนาม เสธน้ำเงิน มันก็ไม่ต่างกัน มันหวังผลทาง IO แต่ฐานการวิเคราะห์ข้อมูลพวกมันห่วยแตกมาตลอด
======================
คนแดนไกลกระอักสูญเงินก่อม็อบไปกว่า 100 ล้านบาท แต่ได้ทุยมาแค่ 6 -7 ตัว
แผนการณ์ที่คนแดนไกลลงทุนม็อบหักหน้าบิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช.ที่ไปเป็นหน้าเป็นตาแทนคนไทยทั้งชาติในเวที UN นั้น การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่น้อยๆ ขั้นต่ำคือ 100 ล้านบาท เพราะได้เตรียมเช่าช่องสัญญาณถ่ายทอดสดตรงจากอเมริกา เชื่อมกับสวีเดน มาเมืองไทย
รวมทั้งระบบสื่อสาร ทีมงานช่างภาพ ทีมเทคนิค ค่าเลี้ยงดูปูเสื่อ ค่าเครื่องบินม็อบ ค่าจ้างรายวัน ค่าที่พัก ค่าดำนินการต่างๆ อีกมาย รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท หวังว่างานนี้ได้ฉีกหน้าบิ๊กตู่ ส่งภาพและเสียงมาให้ทุยแดงในไทยดูผ่านคางคกทีวี โว้ยทีวี และสื่อแดง ได้ซี๊ดซ๊าดกันจั๋งหนับ
แต่สายลับแดงแปรพักตร์ที่เป็นหนอนอยู่ในวอร์รูมแกนนำเสรีเทย ก็ส่งรายงานให้ฝ่ายความมั่นคงทุกระยะ และทางการไทยก็ไม่กระโตกกระตาก ทำเป็นเฉยๆ แบบนักรบโบราณ พวกทุยแดงก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ทดลองเชื่อมสัญญาณเสร็จกันครื้นเครง เฮ..กันคอกแทบแตก มโนว่างานนี้ดังเป็นพลุแน่
พอนายกฯ ถึงอเมริกาปุ๊บ สัญญาณถ่ายทอดสดจากอเมริกา สวีเดนมาไทยถูกทางการไทยตัดบล็อคฉับทันที จะร้องก็ไม่ออก เงินคนแดนไกล 100 ล้านบาท หายวับไปเป็นอากาศธาตุ แถมถูกคนไทยรักชาติในอเมริกาดัดหลัง โดยขยายเวลาการรวมตัวกันจากเดิม 1 วันเพิ่มเป็น 3 วัน เพื่อเบียดพื้นที่ม็อบทุยแดงให้ไปขังรวมอยู่กับม็อบชาวเขมรไม่กี่คน
เมื่อแผนการณ์ทุกอย่างล่มปากอ่าว จึงเหลือสภาพม็อบขนตูดทุยแดงทำหน้าเจื่อนๆ เหมือนขี้ไม่ออกมืดฟ้ามัวดินอยู่ 6-7 ตัวหน้า UN อย่างที่เห็นด้วย และคนแดนไกลหงายเงิบกระอักเลือดออกทวารทั้งห้าหนักมากด้วยประการฉะนี้ ก็บอกแล้วไงคนแดนไกลประกาศว่า "ผมแพ้ไม่เป็น" แต่บิ๊กตู่ เกทับว่า "ผมชนะเห็นๆ" คำโบราณจึงว่า "หัวเราะทีหลังดังกว่า" แน่นอน...ฮาๆๆ !!
@ เสธ น้ำเงิน1
แผ่นดินประเทศไทยอยู่ในมือใครบ้าง?
แผ่นดินประเทศไทยอยู่ในมือใครบ้าง?
อันดับ 1 คือ
ส่วนในกลุ่มนักการเมือง
จากผลการศึกษา
พบว่าผู้ที่ถือครองที่ดิน
รายใหญ่ของประเทศ ดังนี้
อันดับ 1 คือ
- ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือครองกว่า 630,000 ไร่ทั้งในนามส่วนตัว ครอบครัว และผ่านบริษัทต่างๆ โดยหนึ่งในที่ดินแปลงใหญ่ที่ตระกูลสิริวัฒนภักดีครอบครองกรรมสิทธิ์อยู่ในบริเวณอ.ชะอำ จ.เพชรบุรีรวมประมาณ 12,000 ไร่ ที่ดินใน อ.บางบาลจ.พระนครศรีอยุธยา อีกประมาณ 15,000 ไร่
- อันดับ 2 คือ ตระกูลเจียรวนนท์ ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ประธานกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ธุรกิจการเกษตรครบวงจรในนามกลุ่ม ซีพี ธุรกิจพัฒนาที่ดินในนาม ซี.พี.แลนด์ และกลุ่มแมกโนเลียส์ ธุรกิจโทรคมนาคมทรู คอร์ปอเรชั่น ถือครองที่ดินในมือไม่ต่ำกว่า 200,000 ไร่ โดยแปลงใหญ่อยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 10,000 ไร่
- อันดับ 3 คือบมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ดำเนินธุรกิจด้านน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในภาคใต้ ถือครองที่ดินกว่า 44,400ไร่
- อันดับ 4คือ สำนักงานทรัพย์สินฯ จำนวน 30,000 ไร่
- อันดับ 5 คือบมจ.ไออาร์พีซี จำนวน 17,000 ไร่
- อันดับ 6 คือ ตระกูลมาลีนนท์ จำนวน 10,000 ไร่
- อันดับ 7 คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน จำนวน 10,000 ไร่
- อันดับ 8 คือวิชัย พูลวรลักษณ์ จำนวน 7,000 ไร่
- อันดับ 9 คือ ตระกูลเตชะณรงค์ จำนวน 5,000 ไร่อันดับ 10 คือ
- ตระกูลจุฬางกูรจำนวน 5,000 ไร่
ส่วนในกลุ่มนักการเมือง
จากผลการศึกษา
พบว่าผู้ที่ถือครองที่ดิน
รายใหญ่ของประเทศ ดังนี้
- อันดับ 1 คือ นายอำนาจ คลังผา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือครอง 2,030 ไร่
- อันดับ 2 คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี มี 2,000 ไร่
- อันดับ 3 คือนายเสนาะ และนางอุไรวรรณ เทียนทองมี 1,900 ไร่
- อันดับ 4 คือนายอนุชา บูรพชัยศรี มี 1,284 ไร่
- อันดับ 5 คือ นายอดิศักดิ์ โภคสกุลนานนท์มี 1,197 ไร่
- อันดับ 6 คือนายทศพร เทพบุตร ถือครองที่ดิน 1,095 ไร่
- อันดับ 7 คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดีมี 1,095 ไร่
- อันดับ 8 คือนายสุชน ชามพูนท มี 1,060 ไร่
- อันดับ 9 คือนายชัย ชิดชอบ และภรรยา 854 ไร่
- อันดับ 10 คือ นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ มี 755 ไร่
ขณะที่ผู้ที่ถือครองที่ดิน
เกินกว่า 1,000ไร่ขึ้นไป
มีจำนวนรวม 837 ราย
มีรายละเอียดมีมากกว่านี้
จะนำเสนอให้ทราบต่อไป
พลังโลกล้อมไทย จะเริ่มปรากฎผลชัดขึ้น หลังจากการประชุมทั่วไปยูเอ็น
James Walsky
ข่าวด่วน .....วันนี้ (๒๘ กันยายน ๕๘)....
สมาชิกรัฐสภายุโรป เตรียมเสนอการยกระดับมาตราการตอบโต้ ประเทศไทย....
( หรือ การคว่ำบาตรทางการค้า จะเริ่มนับถอยหลังแล้ว...)
สมาชิกรัฐสภายุโรปฯ (Mr.Marc Tarabella ) ได้เรียกร้องให้ ผู้นำนานาชาติ กดดันประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการประชุมที่ สหประชาชาติ UN และยังได้กล่าวถึงการมาตราการตอบโต้รัฐบาลไทยดังต่อไป.....
".....สถานการณ์ในประเทศไทยในปัจจุบันเป็นที่น่าเศร้ามามาก ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรที่สำคัญทางการค้าสำหรับสหภาพยุโรป แต่ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่จะนำมาพิจารณาควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งผมได้ยึดถือและให้ความสำคัญ(อย่างจริงใจ) เป็นอย่างยิ่งว่า ประเด็นเหล่านี้เป็นปัญหาที่ควรได้รับการพิจารณาก่อนจะมีท่าทีทางการค้า(ของสหภาพยุโรป) ต่อไปนั้น และเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจที่จะนำมาพูดคุยกับคณะกรรมาธิการ เพื่อยกระดับมาตราการตอบโต้ ในช่วงประชุมรัฐสภายุโรปต่อไป..... " กล่าวโดย Mr.Marc Tarabella สมาชิกรัฐสภายุโรปฯ
.......................................
จากสำนักข่าว EU Reporter
World leaders urged to press military junta on human rights 'crisis' in Thailand
by Martin Banks | September 28, 2015
A leading MEP will say he supports calls for Thai Prime Minister Prayuth Chan-ocha (pictured) to give assurances about human rights and democracy in the country when he gives a landmark speech in the United Nations today (29 September).
There is an increasing clamour for Prayut to be pressed about issues such as human trafficking and returning democracy to the Thai people when he makes his debut at the UN General Assembly in New York.
He is expected to face tough questions, particularly those concerning the repression of human rights as well as elections in Thailand, which have been delayed several times and will not be held now until the middle of 2017.
Human rights organizations, such as Human Rights Watch (HRW), are applying pressure, urging world leaders to take the opportunity of his appearance before the UN to condemn Thailand's actions.
Members of the Thai diaspora have openly opposed the military coup the general led in May 2014 and are planning to turn up in New York to challenge him.
Speaking ahead of the much-awaited speech, Belgian MEP Marc Tarabella, who is vice chair of the European Parliament's Delegation for relations with the countries of Southeast Asia and the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN), told this website that human rights should be top of the agenda when the general addresses the UN.
Sarayut Tangprasert จาก Pipob Udomittipong
"You can jail your opponents but you can't imprison their ideas, you can control access to info, but can't lie about truth"- Obama #UNGA2015
"คุณขังฝ่ายต่อต้านได้ แต่ขังความคิดเขาไม่ได้ คุณควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ แต่คุณเปลี่ยนความเท็จให้เป็นความจริงไม่ได้" คำปราศรัยของโอบามา เช้านี้ที่นิวยอร์ก ในโอกาส 70 ปี UN เหมือนกับต้องการพูดให้เผด็จการประเทศหนึ่งได้ฟัง หวังว่าล่ามคงแปลตามนั้น เผื่อเขาจะมีดวงตาเห็นธรรมบ้าง
"จรัล ดิษฐาอภิชัย" ชี้ ไทยถูกวางให้เป็นประธานG77ตั้งแต่สมัย"ยิ่งลักษณ์"
มติชน
"จรัล ดิษฐาอภิชัย" ชี้ ไทยถูกวางให้เป็นประธานG77ตั้งแต่สมัย"ยิ่งลักษณ์"
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 14:16:20 น.
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเเละอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความให้ความเห็นกรณีไทยได้รับเลือก เป็นประธานกลุ่มG77 โดยระบุว่า
ประเทศไทยได้ถูกวางให้เป็นประธานG77จากการประชุมองค์การนี้ที่นาโรบีประเทศเคนยาเมื่อต้นปี2014สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
โดยรับตำแหน่งจากบราซิลแต่จะดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการต้องได้รับความเห็นชอบจากสหประชาชาติจึงมิใช่เพราะนานาชาติให้ความไว้วางใจรัฐบาลของประยุทธ์แต่อย่างใดตามที่สื่อสนับสนุนรัฐบาลรายงานข่าวกัน
ทั้งนี้G77เป็นการรวมกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนาตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี1964ต่อมาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมด้วยชื่อที่เป็นทางการคือกลุ่มG77และจีนการตั้งขบวนการนี้มีนัยยะแทนกลุ่มประเทศไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดซึ่งเป็นขบวนการทางการเมือง
ความจริงมิใช่ครั้งแรกที่G77เคยมีประเทศเผด็จการเป็นประธานหลังสุดคือประเทศฟิจิมีรัฐประหารเมื่อเดือนธันวาคม2006และเป็นเผด็จการก็เคยเป็นประธานเมื่อปี2013
Monday, September 28, 2015
สถาบันกษัตริย์ในแต่ละประเทศนั้น ใช้จ่ายเงินภาษีเท่าใด และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สถาบันกษัตริย์ประเทศใดต้องใช้เงินภาษีมาบำรุงดูแลมากที่สุด
สถาบันกษัตริย์ แต่ละประเทศ ใช้เงินกันเท่าไร?
by Prach Panchakunathorn6 กันยายน 2556 เวลา 08:32 น.
ท่านผู้ชมเคยสงสัยหรือไม่ ว่าสถาบันกษัตริย์ในแต่ละประเทศนั้น ใช้จ่ายเงินภาษีเท่าใด และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สถาบันกษัตริย์ประเทศใดต้องใช้เงินภาษีมาบำรุงดูแลมากที่สุด
ประเทศที่ปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ มักเปิดเผยรายรับรายจ่ายของราชวงศ์ เพราะถือว่าราชวงศ์เป็นองค์กรหนึ่งของรัฐ เช่นเดียวกับหน่วยงานรัฐอื่นๆ แต่ในหมู่ประเทศเหล่านี้ รายจ่ายของสถาบันกษัตริย์ก็แตกต่างกันอยู่พอสมควร
ตัวเลขรายจ่ายเมื่อปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า ในยุโรป สถาบันกษัตริย์ของเนเธอร์แลนด์ได้งบประมาณ 1,700 ล้านบาท สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษได้ 1,550 ล้านบาท สถาบันกษัตริย์นอร์เวย์ได้ 1,200 ล้านบาท สถาบันกษัตริย์เบลเยียมได้ 600 ล้านบาท สวีเดนได้ 570 ล้านบาท เดนมาร์กได้ 550 ล้านบาท สเปนได้ 370 ล้านบาท และลักเซมเบิร์กได้ 360 ล้านบาท
ส่วนในเอเชียนั้น งบประมาณดูแลสถาบันกษัตริย์ของญี่ปุ่นสูงถึง 8,375 ล้านบาท ในขณะที่งบประมาณสำหรับ "รักษาพระเกียรติ" ของสถาบันกษัตริย์ของไทยปีที่ผ่านมานั้นอยู่ที่ 11,208 ล้านบาท
ในจำนวนประเทศที่ปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีกษัตริย์นั้น ไทยใช้งบประมาณรักษาสถาบันกษัตริย์มากที่สุด โดยใช้งบมากกว่าอันดับ 2 คือญี่ปุ่น 34 เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆ ที่ GDP ของไทยน้อยกว่าญี่ปุ่นถึง 17 เท่า และใช้งบประมาณมากกว่าอังกฤษ 7 เท่า ทั้งๆ ที่ GDP ของไทยน้อยกว่าอังกฤษ 7 เท่า
ตัวเลขงบประมาณที่เปิดเผยเหล่านี้ เป็นตัวเลขของประเทศที่กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตย แต่ประเทศที่ยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือกึ่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็มักปกปิดตัวเลขค่าใช้จ่ายราชวงศ์
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในประเทศประชาธิปไตย ตัวเลขงบประมาณสถาบันกษัตริย์ก็อาจยังต่ำกว่าความเป็นจริง กลุ่ม "รีพับลิก" ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์ให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ในอังกฤษ ระบุว่าตัวเลขที่เปิดเผยออกมานั้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ของราชวงศ์ เช่น ค่าใช้จ่ายที่เทศบาลท้องถิ่นต้องจัดเจ้าหน้าที่ดูแลเวลาสมาชิกราชวงศ์เสด็จเยือน และค่าใช้จ่ายในการต้องจัดตำรวจ และทหารไปรักษาความปลอดภัยสมาชิกราชวงศ์ทั้งในและต่างประเทศ
กลุ่ม"รีพับลิก" เสนอว่า รัฐบาลอังกฤษควรกำหนดให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลรับรองราชวงศ์ในประเทศนั้น อยู่ในงบประมาณของสำนักพระราชวัง ไม่ใช่งบประมาณของเทศบาลท้องถิ่น หรือของตำรวจทหาร และกำหนดให้การใช้จ่ายเงินของสถาบันกษัตริย์ต้องถูกตรวจสอบโดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของอังกฤษ เช่นเดียวกับหน่วยงานรัฐอื่นๆ
by Prach Panchakunathorn6 กันยายน 2556 เวลา 08:32 น.
EXPLORE :
Subscribe to:
Posts (Atom)