PPD's Official Website

Friday, October 2, 2015

ปัญหาของการใช้อำนาจตุลาการ เข้าไปชี้ขาดตัดสินข้อพิพาทต่างๆในสังคม

ปัญหาของการใช้อำนาจตุลาการ เข้าไปชี้ขาดตัดสินข้อพิพาทต่างๆในสังคม

๑. ประทศไทย นับแต่ประกาศ และ บังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพ.ศ.๒๕๔๐ เป็นต้นมา นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ ของ "การถอยหลังเข้าคลองครั้ง มโหรฬาร" โดยอาศัยการนำของใหม่ คือ "โครงร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution)" ก็อปปี้มาใช้โดยตรงโดยไม่ดัดแปลง หรือ ประยุกต์นำมาใช้ ให้เข้ายุคสมัยของประเทศไทย เป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ของ "ประชาธิปไตยไทย" กลับไปในวันเวลากว่า ๒๐๐๐ ปีที่ผ่านมาของโลก

๒. ทั้งนี้โดยอาศัย การโหมโฆษณาของใหม่ ที่ไม่เคยเกิดมีขึ้น ในประวัติศาสตร์การเมือง และ การปกครองของไทย {สร้างศาลปกครอง, ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ให้เกิดเป็นสถาบันของชาติ (National Institutions)} โดยไม่มีการประกาศโดยแจ้งชัดในเหตุผล ที่ต้องนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ และ เมื่อนำมาใช้แล้ว ก็ย่อมเกิดปัญหาแก่ประชาชน และสังคมไทย แต่บรรดาผู้ร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ไม่เคยแสดงออก ซึ่งความรับผิดชอบต่อ ประชาชน และสังคมไทยแต่อย่างใด

๓. รวมทั้ง ไม่เคยเสนอทางออกจาก กับดักทางรัฐธรรมนูญ ที่สร้างขึ้น โดยอาศัยปากของคนชั้นนำในสังคมไทย เป็นคนออกมาเป็นแนวหน้า ป่าวร้องให้ชาวบ้าน ผู้อ่อนด้อยทางการศึกษา เพราะ มีความรู้ไม่พอเพียง ให้เห็นด้วยกับ การร่างรัฐธรรมนูญ ในรูปลักษณ์เช่นนี้ ออกมาบังคับใช้

๔. การออกมาเขียน ให้ได้รับรู้กันโดยทั่วไปเช่นนี้ มิใช่เป็น สร้างข้อกล่าวหาในทางร้ายให้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ แต่อย่างใด ทั้งนี้ผม ได้นำเสนอเค้าโครงของ ร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) ให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ได้ทำการศึกษาโดยเปรียบเทียบ กับ เค้าโครงของร่างรัฐธรรมนูญไทยฉบับดังกล่าวแล้ว ปรากฏ เป็นเค้าโครงร่างของ รัฐรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) อยู่ในชุมชนแห่งเสรีภาพ (the Land of Liberty ที่ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน อาจไปดาวน์โหลดรูปภาพ ที่ว่านั้น มาศึกษาโดยเปรียบเทียบได้ โดยเสรี

๕. โดยที่ผม จะนำคำอรรถาอธิบายในส่วนต่างๆของ เค้าโครงของ ร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็น ผู้ร่างนำขึ้นใช้ โดยไม่ให้คำอรรถาอธิบายใดๆ มาอธิบาย และ ชี้ให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ได้รับทราบ เป็นตอนๆในชุมชนแห่งเสรีภาพ (the Land of Liberty ต่อไป

๖. การนำเอาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ มาประกาศ และ บังคับใช้เป็นกฏหมายที่สำคัญ (ตราสารที่สำคัญ) ของชาติเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างไปจากที่นายพลตีโต้ แห่งยูโกสลาเวีย ไปแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแห่งชาติของประเทศยูโกสลาเวีย ในปีค.ศ. 1963 และ

๗. มาแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแห่งชาติของ ประเทศยูโกสลาเวีย ในหนสุดท้ายในปีค.ศ. 1974 จนนำไปสู่ การล่มสลายของประเทศยูโกสลาเวีย ประเทศถูกแบ่งแยก เป็นประเทศเกิดใหม่ เพิ่มขึ้นอีก ๔ – ๕ ประเทศ (สโลวาเนีย, บอสเนีย เฮอร์เซโกวีน่า, รัฐเซริบส์ใหม่, โคโซโว่ รวมทั้ง มอนเตเนโกร และมาเซโดเนีย)

๘. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ นอกจากจะสร้างปัญหาให้กับ พี่น้องประชาชนคนไทย ทั้งประเทศ ผู้อ่อนด้อยทางปัญญา และ ความรู้ในเชิงวิชาการดังที่กล่าวมาแล้ว

๙. ยังเป็นการสร้างปัญหาแก่ การใช้อำนาจในทาง ที่อำนวยความยุติธรรม และใช้อำนาจในทางฝ่ายตุลาการ (the exercising of Judiciary) อย่างเกินกว่า ขอบอำนาจ (the Usurpation of Powers) ที่ควรมี ควรจะเป็น อีกทั้งยังเป็น การฝ่าฝืนต่อครรลอง อันชอบธรรมของ กฏเกณฑ์ของโลก (World Summit Outcome, 2005) และ

๑๐. ยังมีการใช้อำนาจ จากมาตรการ ที่วางไว้ตามรัฐธรรมนูญ "แบบ ตาบอด คลำช้าง" กลายเป็น การหยิบยื่น มาตรการทางอำนวยความยุติธรรม ในรูปแบบ ๒ มาตรฐาน โดย ผู้ที่ใช้อำนาจอำนวยความยุติธรรม ทั้งระบบ ไม่อาจรับรู้ หรือ มีความรู้สึกว่า การใช้อำนาจ เช่นว่านั้น ฝ่าฝืนต่อครรลองความชอบธรรมของโลก...................... (มีต่อ)

Thursday, October 1, 2015

วิบากกรรมของนายกยิ่งลักษณ์ โดย วัฒนา เมืองสุข


วิบากกรรมของนายกยิ่งลักษณ์

ผมอ่านข่าวนายกยิ่งลักษณ์เป็นโจทก์ฟ้องอดีตอัยการสูงสุด (นายตระกูล วินิจนัยภาค) กับพวกรวม 4 คน ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อมาอดีต อสส ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวตอบโต้ทำนองว่า "คดีจำนำข้าวท่านต้องทำตามหน้าที่เพื่อแทนคุณแผ่นดิน" ผมเห็นว่าคดีนี้มีความผิดปกติในหลายเรื่องและหลายขั้นตอน ดังนี้
1. คดีนี้เป็นคดีแรกของประเทศไทยหรืออาจเป็นคดีแรกของโลกก็ได้ที่หัวหน้ารัฐบาล ถูกดำเนินคดีจากการดำเนินนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ การรับจำนำข้าวที่จริงคือการแทรกแซงตลาด (market intervention) ที่ทำกันมาทุกรัฐบาลรวมถึงรัฐบาล คสช ที่เพิ่งอนุมัติเงินงบประมาณไปแทรกแซงราคายางพารารวมถึงการอนุมัติเงินช่วย เหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท
2. การแทรกแซงตลาดเพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรให้สินค้า เกษตรได้รับผลตอบแทนสูงสุด เป็นแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่รัฐธรรมนูญปี 2550 บังคับให้รัฐต้องดำเนินการตามมาตรา 75 วรรคแรก มาตรา 84 และ 84(8) และถือเป็นนโยบายของ "คณะรัฐมนตรี" ที่ต้องแถลงต่อรัฐสภาตามมาตรา 75 วรรคสอง การดำเนินตามแนวนโยบายดังกล่าวจึงชอบและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ คำถามคือถ้านโยบายนี้ผิดกฎหมายจนต้องถูกดำเนินคดี เหตุใดจึงดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียวทั้งที่เป็นนโยบายของคณะ รัฐมนตรี เหตุใดหัวหน้ารัฐบาลคนอื่นๆ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการแทรกแซงตลาดเหมือนกันรวมทั้งหัวหน้า คสช ด้วยกลับไม่ถูกดำเนินคดี
3. เมื่อ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนมาให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์ ได้มีการตั้งคณะทำงานของอัยการรวม 10 คนเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้โดยมีรองอัยการสูงสุด (นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์พงศ์) เป็นหัวหน้า คณะทำงานเห็นว่าสำนวนที่ส่งมามีข้อไม่สมบูรณ์รวม 4 ประเด็นสำคัญ จึงมีหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งก็ได้ตั้งคณะทำงานรวม 10 คนเท่ากับอัยการเพื่อมาหาข้อสรุปร่วมกัน ขั้นตอนนี้มีความแปลกประหลาดเกิดขึ้นคือ
(1) มีการนัดประชุมร่วมคณะทำงานสองฝ่ายครั้งแรก แต่หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการกับพวกรวม 7 ท่านไม่ทราบจึงไม่ได้ไปประชุม มีเพียงอัยการ 3 ท่านที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องไปประชุมกับ ป.ป.ช. ทำให้ครบองค์ประชุม หากคณะทำงานของอัยการทุกท่านได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช. โดยชอบแล้วตามที่ท่านอดีต อสส ชี้แจง ต้องถือว่าหัวหน้าคณะและอัยการรวม 7 ท่านที่ไม่ได้ไปประชุมมีความผิด ท่าน อสส ในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนและลงโทษอัยการทั้ง 7 ท่านนี้อย่างไรหรือปล่อยเลยตามเลยครับ
(2) คณะทำงานอัยการ 3 ท่านที่ไปประชุมกับฝ่าย ป.ป.ช. ไม่แปลกใจบ้างเลยหรือครับว่าทำไมหัวหน้าคณะและพรรคพวกรวม 7 ท่านไม่ได้ไปประชุมด้วย ในคดีสำคัญที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกกล่าวหาถ้าเป็นผมอย่างน้อยต้อง โทรตามหัวหน้าคณะหรือพรรคพวก ถ้าท่านเหล่านั้นไม่ทราบเรื่องก็ต้องขอเลื่อนการประชุมออกไป ผมว่าทุกคนในโลกคงทำแบบนี้เหมือนกัน
(3) ที่ประหลาดมากขึ้นก็คือทั้ง 3 ท่านที่ไปประชุมที่เคยเห็นร่วมกันแต่แรกว่าสำนวนมีความไม่สมบูรณ์กลับเห็น ตาม ป.ป.ช. ว่าสำนวนสมบูรณ์ที่จะฟ้องได้แล้วโดยไม่ต้องไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วเหตุใดเมื่อยื่นฟ้องไปแล้วจึงมาขอเพิ่มเติมพยานเอกสารที่อยู่นอกสำนวน อีก 67,800 แผ่น คดีสำคัญขนาดนี้ทำไมไม่ทำให้รอบคอบครบถ้วนแต่แรกครับ
(4) นอกจากความผิดปกติที่ผมกล่าวแล้ว คดีนี้ยังเป็นคดีแรกที่ อสส เรียกสำนวนไปจากอัยการคดีพิเศษที่มีหน้าที่รับผิดชอบคดีของ ป.ป.ช. โดยตรง เพื่อมอบให้สำนักงานคดีสืบสวนและสอบสวนที่มีท่านสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล เป็นอธิบดีและเป็นหนึ่งในสามท่านที่ไปประชุมเป็นผู้รับผิดชอบแทน
4. ความผิดปกติทั้งหมดช่างบังเอิญมาเกิดขึ้นภายหลังจากที่หัวหน้า คสช มีคำสั่งปลดท่านอรรถพล ใหญ่สว่าง ที่เป็นอัยการสูงสุดในขณะนั้นและแต่งตั้งให้ท่านอดีต อสส ที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องมาเป็นแทน ซึ่งถ้าไม่มีการปลดท่านอรรถพลแล้วท่านอดีต อสส ที่ถูกฟ้องจะไม่มีโอกาสเป็น อสส เลย นี่ใช่มั้ยครับที่ท่านบอกว่าคือการแทนคุณแผ่นดิน

ด้วยความเคารพในองค์กรอัยการ
วัฒนา เมืองสุข

ใกล้ครบรอบ 39 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 แต่เรื่องราวหกตุลายังไม่คลี่คลาย

Nithinand Yorsaengrat

ขออภัยมิตรสหายที่ต้องลงภาพไม่น่าดู แต่ก็ได้พยายามปิดบังใบหน้าของเหยื่อที่ถูกกระทำอย่างโหดร้ายแล้ว 

ใกล้ครบรอบ 39 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 แต่เรื่องราวหกตุลายังไม่คลี่คลาย 

คนทั่วไปทราบว่าคุณวิชิตชัย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถูกจับแขวนคอใต้ต้นมะขาม บริเวณท้องสนามหลวง และถูกเก้าอี้ฟาด โดยคนไทยด้วยกันผู้ฟาดเก้าอี้และยืนดูต่างมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส 

ภาพถ่ายคุณวิชิตชัยในวินาทีแสนเศร้า โดยช่างภาพ AP ชื่อ Neal Ulevich ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ประจำปี 1977 เมื่อถึงรอบหกตุลาคม จะมีผู้นำภาพคุณวิชิตชัยมาเผยแพร่เสมอด้วยความโศกสลด จนหลายปีมานี้ จึงมีเสียงเรียกร้องว่าอย่าแพร่ภาพนี้อีกเลยเพื่อให้เกียรติผู้เสียชีวิตและครอบครัว 

นั่นคือเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้น ณ ต้นมะขามต้นนั้น 

หลายปีที่ผ่านมานี้ คณะกรรมการรับข้อมูลและสืบพยานเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ได้ข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมว่า ยังมีมะขามอีก 3 ต้นในบริเวณใกล้เคียง ทำหน้าที่เช่นเดียวกับมะขามต้นแรก 

ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 นอกจากคุณวิชิตชัย ยังมีชายไม่ทราบชื่ออีก 3 คนถูกแขวนคอ หนึ่งในนั้น ตำรวจบันทึกชื่อว่า ปรีชา แซ่เฮีย แต่ไม่สามารถหาญาติมายืนยัน และไม่สามารถค้นหาชื่อได้จากสำนักทะเบียนราษฎร์

ในสี่ศพดังกล่าว ศพคุณวิชิตชัย สวมเสื้อนักศึกษา นุ่งกางเกงขาบาน ศพที่สอง สวมเสื้อแขนสั้นสีเข้ม นุ่งกางเกงยีนส์ ศพที่สาม สวมเสื้อลายดอก ถูกลากลงจากรถแท็กซี่ รุมประชาทัณฑ์ ก่อนจับแขวนคอ ศพที่สี่ เครื่องแต่งกายไม่แน่ชัด แต่ถูกรัดคอด้วยเชือกไนล่อนแล้วนำไปแขวนคอ

ทุกศพที่ถูกแขวนคอ ถูกลากลงมาเผา

เมื่อ พ.ศ. 2520 สมัคร สุนทรเวช ซึ่งน่าจะติดกับดักปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของกลุ่มตน (ในสมัยนั้น) กล่าวเต็มปากเต็มคำว่า 

"การที่มีการเผาคนตายไป ๔ คนนั้นเป็นการเผาคนซึ่งต้องการทำลายหลักฐาน ไม่ให้รู้ว่าเป็นคนชาติใด เพราะเหตุว่าหลักฐานในกองที่ไหม้นั้น มีรูปโฮจิมินห์เล็ก ๆ ซึ่งเผาไปไม่หมด" 

(จากเทปบันทึกเสียงปาฐกถาของนายสมัคร สุนทรเวช เรื่อง "คนที่ถูกเผาที่ธรรมศาสตร์เป็นคนญวน" ให้กับนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2520

https://th.wikiquote.org/wiki/สมัคร_สุนทรเวช )

คำพูดเหล่านั้นของสมัคร ผิดความจริง เพราะอย่างน้อยก็ชัดเจนว่าวิชิตชัยเป็นคนไทย และเป็นนิสิตจุฬาฯ คนตายและคนถูกจับจำนวนมากในวันนั้นล้วนเป็นคนไทย อีกทั้งเป็นไปได้น้อยมาก ที่ฝูงชนผู้กระเหี้ยนกระหือรือ เผาผู้ตายทั้งสี่ด้วยอารมณ์เกลียดชังอย่างมาก จะเป็นพวกเดียวกันกับคนถูกเผา ตั้งใจเผาเพื่อทำลาย "หลักฐาน" 

สมัครพูดถูกอย่างเดียวเรื่องแขวนคอสี่คนและเอาศพลงมาเผา 

"เหตุที่เกิดขึ้นแปลกมาก มีการทุบตีคนให้ตายแล้วเอามาแขวนคอ ชักชวนให้เอาไม้ไปตี เอาเก้าอี้ไปตี แล้วเอาคนที่ถูกแขวนคอจนตายนั้นเอามาวาง มีการเอายางรถยนต์วางแล้วเอาศพวางแล้วเอายางรถยนต์วางทับ เอาน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาทั้ง ๔ ศพ

"ทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นกลางถนน กลางสนามหลวง กลางถนนราชดำเนิน ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ได้ แต่ผลการสอบสวนในภายหลังนั้นก็สามารถจะปะติดปะต่อได้"

(แหล่งอ้างอิงเดียวกันกับลิงค์ข้างบน) 

ฝ่ายถือครองอำนาจยาวนานของประเทศ ประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อครั้ง 6 ตุลาคม 2519 ในการสร้างความเชื่อว่า นักศึกษาประชาชนกลุ่มหนึ่งที่นิยมเสรีภาพ ไม่ยอมคิดเหมือน พูดเหมือน ทำเหมือนที่ฝ่ายอำนาจสั่งให้ทำ คือคนคิดร้ายขายชาติ ล้มเจ้า จนเกิดเป็นฝ่ายคนดีรักชาติที่เกลียดชังคนไทยอีกฝ่ายอย่างรุนแรง สามารถเข่นฆ่าทำลายล้างอีกฝ่ายราวกับอีกฝ่ายไม่ใช่คนได้ทันทีที่มีโอกาส

ใกล้ปีที่ 39 ของ 6 ตุลาคม 2519 เรื่องราวหลายอย่างในเหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย นอกจากความจริงที่่เห็นกันอยู่ว่า นักศึกษาประชาชนผู้อยู่คนละฝ่ายกับรัฐบาลเผด็จการครั้งนั้น ล้วนเป็นคนไทย มิได้ขายชาติ มิได้ล้มเจ้า หลายคนมากในเวลานี้เป็นผู้เป่านกหวีดเรียกร้องรัฐประหาร เผยแพร่ความเชื่อว่าทักษิณสร้างกองทัพชาวบ้านเสื้่อแดงขึ้นมาล้มเจ้า ทักษิณเลว คนไม่เอารัฐประหารเป็นขี้ข้าทักษิณ เป็นพวกแดง เป็นพวกล้มเจ้า ฯลฯ 

น่าเศร้าที่คนไทยหลายคนไม่เรียนรู้อดีต และพร้อมจะเดินตามอดีตอัปยศ 

ภาพนี้คือภาพชายเสื้อลายดอก ที่ถูกลากลงจากรถแท็กซี่ ก่อนถูกรุมประชาทัณฑ์ นำไปแขวนคอและเผา ซึ่งยังไม่อาจทราบได้เลยว่าเขาเป็นใคร มีเพียงพยานที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวเล่าเหตุการณ์แสนรันทดนั้น

https://www.facebook.com/NithinandY/posts/10156063950450117:0

การต่อต้านเผด็จการคสช. จะประทุแรงขึ้นเรื่อย ๆ


Sa-nguan Khumrungroj shared ภัควดี วีระภาสพงษ์'s post.
15 mins · 

ภัควดี วีระภาสพงษ์
การรวมพลังต่อต้าน Single Gateway ของเกมเมอร์ทั้งหลายเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งแห่งการต่อต้านที่กำลังสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่าการต่อต้านนับวันจะมีมากขึ้น ๆ วันก่อนข้าพเจ้าได้รับฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับคนในวิชาชีพหนึ่งที่ไม่ได้สนใจการเมือง แต่เนื่องจากทหารเข้ามาก้าวก่ายในการงานอาชีพของเขามากเกินไป จนเขาต้องลุกขึ้นมาโต้แย้งและวิพากษ์วิจารณ์ทหารโดยตรงอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ซึ่งตามปรกติวิสัยของเขา เขาก็คงไม่ทำแบบนั้น แต่สาเหตุสืบเนื่องจากทนไม่ไหวกับทหารที่คิดว่าวิธีการของตนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกโดยไม่คำนึงถึงบริบทอะไรทั้งนั้น

คสช.และกองทัพ รวมทั้งชนชั้นนำเต่าล้านปีจะรู้หรือไม่ว่าโลกมันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว ความคิดแบบยุคสงครามเย็น วิธีปฏิบัติแบบค่ายทหาร มันใช้การไม่ได้แล้วในโลกยุคปัจจุบัน มิหนำซ้ำ การนำแนวคิดและวิธีการแบบค่ายทหารโบราณมาใช้ มันจะทำลายประเทศนี้จนย่อยยับทั้งการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม มันจะกระตุ้นความรู้สึกต่อต้านของคนในสังคมขึ้นมา และยิ่งถ้าประชาชนมีแต่ความรู้สึกต่อต้านโดยไม่มีแนวคิดที่เป็นทางออก ถึงแม้ คสช.พังไป ประเทศนี้ก็ยังย่อยยับอยู่ดี

Wednesday, September 30, 2015

เศรฐกิจไทย

            ขณะนี้ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบาย "สองต่ำ" โดยค่อยๆลดเพดานภายในประเทศให้ต่ำลง และลดการพึ่งพาจากต่างชาตินี่เป็นส่วนเศรษฐศาสตร์จุลภาค ภายในประเทศอาจมองว่าได้ค่าครองชีพที่ถูกลงถึงขั้นหลุดความคิดว่า 160บาทต่อวัน แต่ข้าวของจะถูกกดให้ต่ำตามด้วยทำให้คนที่มองไม่ออกเห็นว่าเป็นประโยชน์ 
              ในส่วนจะกระทบค่าเงินบาท ระบบเศรฐศาสตร์มหภาค กลับมีผลตรงกันข้ามเนื่องจากนำสินค้าราคาถูกในประเทศมาส่งออกได้เงินยูเอสดอลล่า กลับเข้าประเทศ คนกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์มหาศาลจากการทำนโยบาย สองต่ำ จุดนี้เองจึงต้องทำการค้าผูกขาด และนำเศษของเงินเหล่านั้นมาแจกจ่ายในรูปแบบกรุณาธิคุณและอภิสิทธิชนผู้ถวายงาน รวมคนกลุ่มนี้ว่า"ชนชั้นปกครอง" จึงเกิดการลดอุณหภูมิในประเทศให้ต่ำลงเรื่อยๆเป้าหมายคือผู้มีรายได้มากจนเข้าไปปะปนกับชนชั้นปกครองได้ ค่อยๆหมดกำลังลง ควบการใช้ประชารัฐ ดันคนระดับล่างไม่ให้กระทบแถมยังเปิดสลอตว่างในหน่วยราชการเป็นช่องระบายแรงกดในสังคม

(ปล.นี่เป็นระบบสหกรณ์ซ่อนรูป และยังยืนยันว่า ประเทศไทยมีสภาเปรซิเดียมอันมีกษัตริย์เป็นประธาน ถึงแม้ร่าง รธน ถูกล้ม แต่โครงสร้างถูกวางเรียบร้อยแล้ว หลังจากคณะราษฎได้ก่อตัวจนเกิดเป็นธรรมนูญที่กษัตริย์เป็นผู้มอบ และได้ตราว่า"กษัตริย์อยู่ใต้ รธน. และ รธน. ได้ถูกว่ากษัตริย์ทรงอยู่เหนือ รธน."ใน ม.3นั่นเอง)

Tuesday, September 29, 2015

เห็นพิษสงของเผด็จการบ้าที่ดินหรือยังล่ะ

ใครเป็นลูกหลานคนแถวๆนั้น ยินดีด้วยนะ 

เห็นพิษสงของเผด็จการบ้าที่ดินหรือยังล่ะ จ้องฮุบเอาที่ดินคนจนล้วนเป็นคนหาเช้ากินค่ำทั้งนั้น พวกเหลืองรักนกหวีดพวกแดงรักทัษิณ แมร่งมันไล่เกลี้ย ที่ได้รับผลกระทบสุดๆคือบางกลุ่ม ร.1ร.3 ร.4 ร.5 พระราชทานให้อยู่อาศัยมาครั้งบรรพบุรุษ กษัตริย์ต่อมา ร6 ร7 ร8 ร9 ไม่เคยไล่ที่ แล้วใครอยู่เบื้องหลังสั่งให้ไอ้หม่อมเอ๋อมาไล่ที่กันเล่า

ชาวคลองถมเพิ่งโดนไล่จนถอยหมดกันแล้ว ถูกห้ามเข้าพื้นที่ ย้ายไปขายของริมฟุตบาทกก็ไม่ได้  รัฐบาลอำมาตย์เผด็จการสั่งรัฐบาล คสช.มาใช้.44 คืนความสุขให้คนจนแบบนี้เอง ผู้ค้าสะพานเหล็กครวญโดน กทม.แกล้งสารพัดเพื่อไม่ให้ขายของได้อีก อ้างจัดระเบียบ เจ้าของเดิมให้มาพัฒนาพื้นที่  ต้องเคลียร์พื้นที่ตรงนั้น อ้างตรงเวิ้งนาครเกษมไอ้เอ๋อให้กับเสี่ยเจริญ เบียร์ช้าง ที่เพิ่งกว้านชื่อที่ดินตรงนั้นจากตระกูลบริพัตร เอ๋อก็ใช้อำนาจรัฐขจัดคนจนให้นายทุนเบียร์ช้างนอมิเนียของมาเฟียใหญ่ในประเทศไทย คนจนต้องปาดน้ำตาให้กับเผด็จการไทยอีกหน

นายกยิ่งลักษณ์ ฟ้องกลไกเผด็จการ...มีอะไรต้องพิจารณา

การ ฟ้องคดีอาญาของ ท่านนายกรัฐมนตรี(หญิง) คนแรกของประเทศไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันวาน และในวันนี้ มีผู้มาโพสต์ ข้อความดังต่อไปนี้:

"การฟ้องร้องของนายกปูในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพื่อรักษาศักดิ์ศรี เพื่อการรุมกัดของเหล่าอธรรมทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่พวกมันก็รู้ว่า การกระทำที่ผ่านมานี้เป้นนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภาอันทรงเกียรติ แต่เหล่าหมาขี้เรื้อนพวกนี้ ต้องการให้นายกปูมีมลทินในเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อจะนำมาเป็นชนักกดดันนายกปูในเรื่องต่าง ๆ เฉกเช่นเดียวกับนายกทักษิณในเรื่อง " ที่ดินรัชดา " จนไม่สามารถกลับมารับโทษที่โดนกลั่นแกล้งเช่นนี้ได้ดังนั้น การกระทำของนายกปูในครั้งนี้ พวกเราผู้รักความเป็นธรรม จะต้องช่วยแพร่ข่าวนี้ออกไปให้มาก และให้พวกเหล่าหมาขี้เรื้อนเหล่านั้น ได้รู้ว่า มึงรังแก " นายกปู " ไม่ได้หรอก
นี่เป็นเพียงมาตรการการต่อต้านของพวกเรา ในด่านแรกเท่านั้นครับ"

ผม ในฐานะนักกฏหมาย ขอเสนอข้อคิด เป็นการบ้านในเรื่องนี้ เพื่อความสุขุมรอบคอบ ดังต่อไปนี้:

๑. การออกคำสั่งฟ้อง ของอัยการสูงสุด และ เพื่อฟ้องนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย คุณยิ่งลักษณ์ฯ นั้น ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ฯ จะโต้กลับ ด้วยการฟ้องคดี เมื่อวันวานนี้ในคดีอาญา

๒.เพื่อความ รู้ที่เห็นแจ้ง และ สัมผัสได้ โดยชอบธรรม

๓. ผมต้องขอถามตรงนี้ว่า "มีการฟ้องเพื่อทำลาย ความชอบธรรมตามกฏหมายของ [คำสั่งฟ้อง] ของท่านอัยการสูงสุด แล้วหรือยัง?"

๔. ถ้ายัง ก็ต้องทำ เพราะ:

๕. การฟ้องคดีในทางอาญา คือการฟ้องคดี เพื่อกล่าวหาว่า ผู้ถูกฟ้อง กระทำความผิด ต่อ กฏหมายอาญา (กระบิลเมือง ถ้อยคำในยุคใช้กฏหมายอาญา ร.ศ. ๑๑๒ ของประเทศไทย)

๖. ความชอบธรรม ตามกฏหมายของตัว "คำสั่งฟ้อง" ของท่านอัยการสูงสุด ยังมีอยู่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์


๗. แล้วพวกท่านไม่กลัว ท่านอัยการสูงสุด เขา จะฟ้องโต้กลับว่า "คุณยิ่งลักษณ์ฯ ไปฟ้องเขา เป็นความผิดทางอาญาบ้างเลยหรือไร?"

๘. ที่ท่าน ตั้งญัตติ ในเชิงถามความเห็นมา ผมจึงต้องขอติง เพื่อให้ทุกๆท่าน ช่วยกันระแวดระวัง แก่ท่านนายกฯหญิง ยิ่งลักษณ์ด้วยครับ.