PPD's Official Website
- Home
- สถานียูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- เว็บมหาวิทยาลัยประชาชน
- ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
- “เป้าหมายการปฏิวัติแบบ มดแดงล้มช้าง”
- Ideology: อุดมการณ์มดแดง
- มดแดงล้มช้างคืออะไร?
- สถานียูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- ติดตามทางเฟสบุ๊ค
- การก่อตั้ง คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม
- ร่วมโหวตชื่อขององค์การปวงชนชาวไทย
- หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง
- หลักสำคัญสู่ชัยชนะเหนือเผด็จการไทย
- คำประกาศเพื่อการปฎิวัติระบอบการปกครอง 18 ก.พ. 2555
- การสมัครเข้าร่วมปฏิวัติประชาชน
- คำประกาศสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยประชาชน
- ถ่ายทอดสด ทางยูทูปมหาวิทยาลัยประชาชน
- จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยประชาชน
- โครงการต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยประชาชน
- เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยประชาชน
- บัญญัติสิบประการ "มดแดงล้มช้าง"
- Missions: พันธกิจ มดแดง
Sunday, October 4, 2015
Saturday, October 3, 2015
ความร้ายกาจของหลังบ้าน ประยุทธ์ (เหยือตัวสำคัญๆ)
เรามีปริมาณสำรองทรัพยากรแร่ที่มี มูลค่ามากถึง 23,913 ล้านล้านบาท ถ้าจะนำมาหารแบ่งให้คนไทยทุกๆคนก็เท่ากับว่าคนไทยแต่ละคนถือครองทรัพย์สิน อยู่คนละ 400 ล้านบาท
น่า จะเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณทรัพยากรแร่บนผืนแผ่นดินไทยได้ถูก เปิดเผยให้ชาวบ้านธรรมดาๆได้รับรู้ว่าเรามีปริมาณสำรองทรัพยากรแร่ที่มี มูลค่ามากถึง 23,913 ล้านล้านบาท ถ้าจะนำมาหารแบ่งให้คนไทยทุกๆคนก็เท่ากับว่าคนไทยแต่ละคนถือครองทรัพย์สิน อยู่คนละ 400 ล้านบาท นี่ขนาดยังไม่ได้รวมทรัพยากรแร่ที่อยู่ในทะเลและทรัพยากร ปิโตรเลียมที่ปัจจุบันเราผลิตได้ประมาณ 8 แสนบาร์เรลต่อวันอีกต่างหาก
http://www.dailynews.co.th/politics/339482
ใครรู้เข้าคงอิจฉาตายชัก
ที่กล่าวมาคือทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป แต่ที่ใช้แล้วไม่หมดคือผืนแผ่นดินที่เราอยู่อาศัยพร้อมทั้งให้พืชพันธุ์ ธัญญาหารอันอุดมสมบูรณ์แก่เรารอบแล้วรอบเล่าอย่างไม่รู้จบสิ้น เราผลิตอาหารได้มากจนต้องขายส่งออกไปเลี้ยงพลเมืองโลก
ป่าฝนเขตร้อนสร้างความหลากหลายทางชีวภาพที่มูลค่ามหาศาลทั้งทางด้านการเกษตรและสุขภาพอันไม่อาจประเมินได้ให้แก่ประเทศชาติของเรา
เรามีอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำนาๆชนิดจนสามารถสร้างให้ประเทศของเราเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก
เรามีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและโบราณคดีกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ
เรามีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยสดงดงามทั้งบนบกและในทะเลชนิดที่จารนัยไม่หวาดไหว
เรื่องอาหารการกินเราก็ไม่แพ้ใครในโลก
เฉพาะเรื่องกินเรื่องเที่ยวก็สามารถสร้างรายได้ถึง 1 ใน 5 ของรายได้ประชาชาติเข้าไปแล้ว
นี่ยังไม่นับรวมการส่งออกด้านวัฒนธรรมเช่นร้านอาหาร บริการนวดแผนไทย กีฬามวยไทยที่กำลังเฟื่องฟูนำรายได้เข้าประเทศอีกปีละไม่น้อย
เท่าที่ไล่เรียงมาก็รวยจนปวดหัวแล้ว แถมที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศเรายังเป็นศูนย์กลางของพลเมือง ครึ่งโลก ผืนแผ่นดินเราติดสองมหาสมุทร จะเดินทางไปมาค้าขายทิศทางใดก็สะดวกทั้งนั้น
แบบนี้ไม่เป็นประเทศที่มั่งคั่งแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?
ผมเองก็แปลกใจว่า ในเมื่อเรามี "ทุน" อยู่มหาศาลอย่างนี้แต่ผู้บริหารประเทศทุกยุคทุกสมัยแม้ในปัจจุบัน กลับยังร้องโหยหวนเพรียกหานักลงทุนต่างชาติอยู่นั่นแหละ มันไม่มีสติปัญญาพาคนในชาติทำมาหากินหรืออย่างไรกัน(วะ)
เรียกเขามาลงทุนหรือมากอบโกย?
เพราะยิ่งออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนมากขึ้นเท่าไหร่ คนไทยก็หนี้สูงท่วมหัวมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่ควรทำในวันนี้คือเราต้องสร้างคนของเราในทุกระดับให้รู้จักใช้และบริหารจัดการทรัพยากรที่เรามีอยู่อย่างมั่งคั่งให้ "ยั่งยืน"
ไม่ใช่รนลานรีบเลหลังขายทรัพยากรของชาติในราคาถูก และปล่อยให้ทุนนิยมกลืนกินวัฒนธรรมอันดีงามจนหมดสิ้นอย่างที่กำลังทำกันอยู่ ในเวลานี้
แล้วยังเสือกทะลึ่งอวดตัวว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อคนในชาติ......ถุ๊ยส์!
Friday, October 2, 2015
เอาผิดกับผู้ก่อรัฐประหาร ก้าวสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในบูร์กินาฟาโซ
เอาผิดกับผู้ก่อรัฐประหาร ก้าวสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในบูร์กินาฟาโซ
วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23:05:00 น.
Credit: Please visit http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1443800572
AFP PHOTO / AHMED OUOBA | โดย อดิเทพ พันธ์ทอง "การก่อรัฐประหารเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด" นาย พลกิลแบต์ เดียนเดร์ ผู้นำกองกำลังกบฏที่จับตัวสองผู้นำสูงสุดของรัฐบาลเฉพาะกาลของบูร์กินาฟาโซ เป็นตัวประกันกล่าวยอมรับ หลังยอมคืนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือน ทั้งๆ ที่เพิ่งประกาศยึดอำนาจได้เพียงสัปดาห์เดียว และเตรียมถูกดำเนินคดีหลังการก่อรัฐประหารที่ล้มเหลว การ เปลี่ยนแปลงจากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุดของนายพลเดียนเดร์เกิดขึ้นในระยะเวลา ที่สั้นมาก จุดสำคัญคือเขาไม่ได้มีมวลมหาประชาชนชาวบูร์กินาฟาโซที่เชื่อว่านายทหารคือ ชนชั้นพิเศษที่โกงกินไม่เป็นคอยหนุนหลัง และเขาไม่ได้เป็นผู้ที่ควบคุมกองทัพทั้งหมดของบูร์กินาฟาโซอย่างเป็นเอกภาพ ทำให้การยึดอำนาจของเขาด้วยการอาศัยกองกำลังพิทักษ์ประธานาธิบดี (Presidential Security Regiment, RSP) ถูกท้าทายจากทางกองทัพ นอกจากนี้หลายประเทศในภูมิภาคยังรวมตัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันร่วมกดดันให้ เขาต้องลงจากตำแหน่ง พัฒนาการ ที่น่าติดตามหลังการยอมถอยของผู้นำกบฏคือ การที่รัฐบาลพลเรือนสั่งอายัดทรัพย์สินของนายพลเดียนเดร์และพวก พร้อมระบุต้องนำตัวผู้ก่อการขึ้นพิจารณาโทษตามกระบวนการยุติธรรม แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาจากวงเจรจาเพื่อยุติเหตุวุ่นวายทางการเมืองครั้ง นี้เสนอให้นิรโทษกรรมผู้พยายามก่อรัฐประหารก็ตาม ซึ่งหากทำได้จริงจะแสดงให้เห็นว่ากฎหมายป้องกันการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลง การปกครองในบูร์กินาฟาโซมีสถานะเป็นกฎหมายที่สามารถบังคับใช้ได้จริงๆ ไม่เหมือนบางประเทศ ที่นักกฎหมายช่วยกันตีความเข้าข้างการใช้กำลังยึดอำนาจประชาชนว่าเป็นสิ่ง ที่ชอบธรรม การออกกฎหมายยกเว้นความผิดให้กับตัวเองมีความสมบูรณ์ โดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบของประชาชน หลัง จากนี้ ผู้นำทหารในบูร์กินาฟาโซคงต้องคิดหนักขึ้น หากหวังจะใช้อำนาจเถื่อนเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลพลเรือน เพราะหากตัวเองสิ้นอำนาจอาจต้องเผชิญกับการดำเนินคดีเหมือนอย่างนายพลเดีย นเดร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวบูร์กินาฟาโซ ที่มีหลักประกันว่าผู้ที่ไม่เคารพกติกาจะต้องได้รับการลงโทษ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่อาจถูกล้มล้างได้ง่ายๆ โดยอาศัยการตัดสินใจของคนไม่กี่คน ใน ทางกลับกัน ประเทศในอีกซีกโลกหนึ่งกลับยึดถือการรัฐประหารว่าเป็นส่วนหนึ่งของจารีต ประเพณีการปกครองที่ไปด้วยกันได้กับระบอบประชาธิปไตย และพยายามสร้างคำจำกัดความของคำว่า "ประชาธิปไตย" ขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับของตนเอง (ไม่ต่างกับการหลอกชาวบ้านของคนใช้รถในประเทศนี้ ที่นิยมติดสติ๊กเกอร์บอกว่า "รถคนนี้สีขาว" ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ท่นโท่ว่าเป็นรถสีดำ) อีก ความพยายามหนึ่งที่น่าสนใจของคนที่รังเกียจประชาธิปไตยในประเทศนี้ คือการพยายามบอกว่า "ประชาธิปไตย" เป็นแค่รูปแบบการปกครองรูปแบบหนึ่ง มิได้มีคุณค่าความดีงามใดๆ สูงส่งไปกว่าระบอบอื่นๆ รวมไปถึงระบอบเผด็จการ บางรายอ้างระบบคุณธรรมขึ้นมานำหน้าระบอบการปกครอง พร้อมชี้ว่า การปกครองที่ดีอยู่ที่ "ความดีของผู้ใช้อำนาจปกครอง" โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าการปกครองของบุคคลดังกล่าวจะใช้ระบอบการปกครองใน รูปแบบใด คน ที่จะพูดอย่างนี้ได้ต้องเป็นคนที่ไม่สนใจใยดีว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเองจะ ถูกปฏิบัติอย่างไร มองว่าเสรีภาพเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่คิดว่าคนทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ขอแค่ให้ผู้ปกครองเป็น "คนดี" ก็พอ ด้วยคุณสมบัติข้อเดียวนี้ คนดี (ซึ่งไม่รู้ว่ามีคำจำกัดความที่แน่ชัดอย่างไร) จึงมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น มีความชอบธรรมที่จะขึ้นปกครองคนทั้งมวลได้ โดยไม่ต้องสนใจว่าคนส่วนใหญ่จะให้การยอมรับหรือไม่ และสามารถออกคำสั่งริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นได้ตามใจชอบ หากบุคคลดังกล่าวยังถูกเชิดชูว่าเป็นคนดี โดยกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลและสถานะทางสังคมที่ได้เปรียบคนส่วนใหญ่ของประเทศ ดัง นั้น ตราบใดที่ประเทศดังกล่าวยังคงเห็นค่าของคนไม่เท่ากัน ยังยอมรับระบบคุณธรรมจอมปลอมที่ตรวจสอบไม่ได้ และคิดว่าการกักขังคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองเป็นเรื่องปกติ โอกาสที่จะได้เห็นระบอบประชาธิปไตยลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในประเทศแบบนี้คง เป็นไปได้ยาก แม้มีโอกาสได้ผุดได้เกิดอีกครั้งก็อาจถูกพวกที่อ้างระบบคุณธรรมโค่นล้มได้ ง่ายๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเหมือนอย่างบูร์กินาฟาโซ |