PPD's Official Website

Monday, October 19, 2015

เมืองไทยเปลี่ยนไป ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว...!!??

คุยกับเพื่อนสนิท ที่เป็นครูประถมแถวเชียงใหม่ เคยหลงเจ้าชนิดที่เถียงกันจนแทบเสียเพื่อน แล้ววันนี้ ผ่านมาปีกว่า กลับมาคุยกันอีกครั้ง เธอกลายเป็นพวกตาสว่าง แถมรู้ทฤษฏีมดแดงล้มช้าง แถมเข้าใจคำว่า เปลี่ยนระบอบด้วย (ฮา)

เฮ้ย หลวงตาชูกับเณรน้อย ก็ดังไม่หยอก...
แล้ววันนี้ ยังมีดาวรุ่งทั้งวัยสูงและวัยกลาง รวมถึงเอ๊าะ ๆ อีกหลายท่าน

หรือยุคประชาพาไป...สู่แดนศิวิไลซ์ มันใกล้มากแล้วจริง ๆ

มันถึงได้มีข่าวอะไรทำนองแบบข้างล่างนี้ถี่ขึ้นเนาะ
http://www.dailynews.co.th/politics/355320

Sunday, October 18, 2015

สิ่งที่เหล่าทัพนกหวีด ลืมคิดแบบย้อนแย้งตนเอง

น้องสาวคนสวยโปรดฟังทางนี้หน่อยนะ


ถ้า "ทักษิณ" เอาเงินหลวงใส่บัญชีคุณหญิงพจมาน
ถ้า "ยิ่งลักษณ์" ซื้อไมโครโฟนตัวละแสนห้า แต่ราคาจริงแค่ 95,000
แล้วบอกว่าแค่ส่วนต่างเยอะ
ถ้า "ณัฐวุฒิ" เอาบริษัทตัวเอง มารับงานพีอาร์ ขณะนั่งเป็นรัฐมนตรี
โดยไม่ผ่านการประมูล
ถ้า "จตุพร" บวช แล้วเอาวัดเป็นที่ซ่องสุมทางการเมือง อ้างว่าเทศนาสอนธรรมะ แต่แท้จริงคือการชุมนุมทางการเมืองของเสื้อแดงในวัด
ถ้า "ปลอดประสพ" สั่งตัดถนนผ่านเขาใหญ่ โดยไม่มีรายงาน EHIA หรือการทำประชาพิจารณ์ อ้างว่าเพื่อให้สัตว์มีทางเดิน
ถ้า "ชัชชาติ" เสนอแผนงาน 3 ล้านล้าน แพงขึ้น แต่ได้แค่รถไฟรางคู่กระจอกๆ ความเร็วแค่ 160 km/hr. แบ่งสัมปทานให้จีนกับญี่ปุ่น เข้ามาทำเอง
ถ้า "คำรณวิทย์" เป็น ผบ.ตร. แล้วจับแพะเกาะเต่า โยนความผิดให้พม่าว่าฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ
ถ้า "พรรคเพื่อไทย" แก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมให้ตัวเองจากความผิดทุกอย่าง ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ถ้า "นิวัฒน์ธำรง" สั่งจำนำยุ้งฉาง ให้ชาวนาเอาข้าวเก็บไว้ในยุ้งฉางตัวเอง ทั้งๆที่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่มียุ้งฉาง แต่คนที่มีคือพวกโรงสีและนายทุนค้าข้าว
ถ้า "สุรนันท์" สั่งห้ามสื่อเขียนวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และห้ามนำเสนอข่าวของประชาธิปัตย์
ถ้า "กิตติรัตน์" สั่งแจกเงินชาวนา และสวนยาง ไร่ละ 1,000 บาท แล้วบอกว่าไม่ใช่ประชานิยม #(หยุดดัดจริตประเทศไทย)
ถ้าเป็นแบบนี้น้องสาวคงนอนอยู่บ้านไม่ติด ออกมาเป่านกหวีดขับไล่ ใช่ป่าว
พี่น้องกปปส.คร้บ ผมเข้าใจแล้วที่ผ่านมา ดัดจริต ไว้มาก
ออกมาเถอะ ผมให้อภัยแล้ว อย่ามัวมุดท่อน้ำอยู่เลย
ออกมาเป่านกหวีด เหมือนที่เคยเป่าเถอะ
คิดถึงนะนกหวีด กปปส กะโหลก กะลา ปรี๊ดดดดด กรั่กๆๆๆๆ

Saturday, October 17, 2015

never be sick again ทำอย่างไรไม่ให้ป่วยอีกเลย



Download

ระบบกษัตริย์ไทย และระบอบราชาธิปไตย ไม่เคยรักประชาชนจริง

คงไม่มีใครอยากเห็นภาพ "ยายเฒ่า" 

นั่งร้องไห้มองดูเจ้าหน้าที่ตัดฟันต้นยางพารา ซึ่งปลูกมากับมือ เพราะภาพนั้นมันไม่ได้สร้างผลงาน "เชิงบวก" ให้กับภาครัฐ คสช.อย่างแน่นอน

ปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนคร ร่วมผูกแขนเอิ้นขวัญให้นางจันทรา บังทอง วัย 82 ปี ชาวบ้านหนองแวง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก พร้อมด้วยกำลังทหารบุกเข้าตัดฟันต้นยางพาราไปกว่า 2,000 ต้น

ยายจันทรามีสิ่งเดียวที่เป็นความหวังของครอบครัว ก็คือสวนยางแปลงนี้ แต่ก็มาถูกตัดทิ้งไปแบบไม่ทันตั้งตัว "ขอบใจลูกๆหลานๆ ที่ยังเป็นห่วงและมาปลอบขวัญให้กำลังใจ แม้จะมีความรู้สึกเศร้า เจ็บปวด และสะเทือนใจที่มาถูกทหารและป่าไม้ตัดฟันต้นยางทิ้งไปอย่างไร้ความปราณี" ยายจันทราพูดปนสะอื้นไห้

อย่างไรก็ตาม วันที่ 1 มิ.ย.2558 คือวันดีเดย์ในภารกิจ "ทวงคืนผืนป่า" ของ ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คสช. ที่พุ่งเป้า "สวนยางพารา" ที่รุกป่าเป็นอันดับแรก โดยตั้งเป้ายึดคืน 6 แสนไร่ ในปี 2558 และอีก 9 แสนไร่ ในปี 2559

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 66/2557 เน้นย้ำว่าการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ยากไร้ และให้มีกระบวนการเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในกรณีที่มีความสืบเนื่องต่อกันมา แต่เนื่องจากมาตรการหลักของคำสั่ง คสช. คือการใช้กำลังเข้าจับกุม และทวงคืนพื้นที่เป็นหลัก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตป่าและกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหากับภาครัฐ จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปด้วย"

หากความจริง พบว่าชาวบ้านที่ถูกข่มขู่คุกคาม ไล่รื้อ ตัดฟันทำลายพืชผล และจับกุมดำเนินคดี จากนโยบายดังกล่าว มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 681 รายทั่วประเทศ

"คำสั่ง คสช. ได้สร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้กับประชาชนที่อาศัยและทำกินในเขตป่า …อีกทั้งเมื่อมีการเจรจาในระดับขบวนการภาคประชาชนกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อหาทางออกร่วมกัน คำสั่ง คสช.ก็ยังเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ ดำเนินการตามที่ตัวเองเห็นสมควร ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากขึ้นไปอีก"

ด้านกระบวนการ  "แผนแม่บทป่าไม้นั้นจัดทำโดยกลุ่มคนเพียง 17 คน (ที่ปรึกษา 5 คน, คณะผู้จัดทำ 12 คน) ในจำนวนนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารถึง 11 นาย ไม่มีสัดส่วนของตัวแทนภาคประชาชนและนักวิชาการสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง …ไม่มีกระบวนการมีส่วนร่วม กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด"

ยังมีอีกหลายนโยบายที่ คสช. หรือข้าราชการริเริ่ม ซึ่งกำลังเผชิญกับเสียงคัดค้าน และผู้คัดค้านก็นำเสนอเหตุผลและทางเลือก แต่ผู้มีอำนาจไม่สนใจ อาทิ โครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เปิดเหมืองทองคำทั่วประเทศ เปิดเหมืองโปแตซ และโครงการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยา เป็นต้น

เมื่อโลกทัศน์ของ "รัฐราชการ+อำนาจรวมศูนย์+เอื้อประโยชน์นายทุน+เศรษฐกิจมาก่อน" เช่นนี้ แปลกแยกแตกต่างอย่างรุนแรงกับโลกทัศน์ของประชาชน ผู้ไม่ได้ติดอยู่ในวิธีคิดแบบเก่า

ในเมื่อโลกทัศน์ระหว่าง "ข้าราชการ+เทคโนแครต" กับ "ประชาชน" โดยรวมกำลังขัดแย้งแตกต่างกันเช่นนี้ กระบวนการปฏิรูปใดๆ ก็ตาม ที่ไม่วาง "ประชาชน" เป็นหัวใจ จึงไม่มีทางที่จะลงหลักปักฐานได้เลย

ด้วยเหตุนี้ การปฏิรูปอะไรก็ตาม คือการปฏิรูป "โลกทัศน์" ของผู้ถืออำนาจการปฏิรูป
จากโลกทัศน์แบบอำนาจนิยมที่เชื่อว่าคนดี-คนเก่งรู้ดีที่สุด มาเป็นโลกทัศน์แบบประชาธิปไตย ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

หาก คสช. ยังยึดมั่น "โลกทัศน์" ของอำมาตย์นิยม ที่ใช้ ม. 44 และอำนาจจากปากกระบอกปืน ดังเช่นทุกวันนี้ 

ผลก็คือ แรงสะท้อนที่ไม่ได้แค่พลังต้องการประชาธิปไตยสะสมของประชาชน แต่มันจะทวีความรุนแรงด้วยความอดอยาก และความจนของพี่น้อง ประชาชน อีกด้วย


ประชาชน

คงไม่มีใครอยากเห็นภาพ "ยายเฒ่า" 

นั่งร้องไห้มองดูเจ้าหน้าที่ตัดฟันต้นยางพารา ซึ่งปลูกมากับมือ เพราะภาพนั้นมันไม่ได้สร้างผลงาน "เชิงบวก" ให้กับภาครัฐ คสช.อย่างแน่นอน

ปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนคร ร่วมผูกแขนเอิ้นขวัญให้นางจันทรา บังทอง วัย 82 ปี ชาวบ้านหนองแวง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก พร้อมด้วยกำลังทหารบุกเข้าตัดฟันต้นยางพาราไปกว่า 2,000 ต้น

ยายจันทรามีสิ่งเดียวที่เป็นความหวังของครอบครัว ก็คือสวนยางแปลงนี้ แต่ก็มาถูกตัดทิ้งไปแบบไม่ทันตั้งตัว "ขอบใจลูกๆหลานๆ ที่ยังเป็นห่วงและมาปลอบขวัญให้กำลังใจ แม้จะมีความรู้สึกเศร้า เจ็บปวด และสะเทือนใจที่มาถูกทหารและป่าไม้ตัดฟันต้นยางทิ้งไปอย่างไร้ความปราณี" ยายจันทราพูดปนสะอื้นไห้

อย่างไรก็ตาม วันที่ 1 มิ.ย.2558 คือวันดีเดย์ในภารกิจ "ทวงคืนผืนป่า" ของ ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คสช. ที่พุ่งเป้า "สวนยางพารา" ที่รุกป่าเป็นอันดับแรก โดยตั้งเป้ายึดคืน 6 แสนไร่ ในปี 2558 และอีก 9 แสนไร่ ในปี 2559

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 66/2557 เน้นย้ำว่าการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ยากไร้ และให้มีกระบวนการเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในกรณีที่มีความสืบเนื่องต่อกันมา แต่เนื่องจากมาตรการหลักของคำสั่ง คสช. คือการใช้กำลังเข้าจับกุม และทวงคืนพื้นที่เป็นหลัก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตป่าและกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหากับภาครัฐ จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปด้วย"

หากความจริง พบว่าชาวบ้านที่ถูกข่มขู่คุกคาม ไล่รื้อ ตัดฟันทำลายพืชผล และจับกุมดำเนินคดี จากนโยบายดังกล่าว มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 681 รายทั่วประเทศ

"คำสั่ง คสช. ได้สร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้กับประชาชนที่อาศัยและทำกินในเขตป่า …อีกทั้งเมื่อมีการเจรจาในระดับขบวนการภาคประชาชนกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อหาทางออกร่วมกัน คำสั่ง คสช.ก็ยังเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ ดำเนินการตามที่ตัวเองเห็นสมควร ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากขึ้นไปอีก"

ด้านกระบวนการ  "แผนแม่บทป่าไม้นั้นจัดทำโดยกลุ่มคนเพียง 17 คน (ที่ปรึกษา 5 คน, คณะผู้จัดทำ 12 คน) ในจำนวนนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารถึง 11 นาย ไม่มีสัดส่วนของตัวแทนภาคประชาชนและนักวิชาการสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง …ไม่มีกระบวนการมีส่วนร่วม กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด"

ยังมีอีกหลายนโยบายที่ คสช. หรือข้าราชการริเริ่ม ซึ่งกำลังเผชิญกับเสียงคัดค้าน และผู้คัดค้านก็นำเสนอเหตุผลและทางเลือก แต่ผู้มีอำนาจไม่สนใจ อาทิ โครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เปิดเหมืองทองคำทั่วประเทศ เปิดเหมืองโปแตซ และโครงการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยา เป็นต้น

เมื่อโลกทัศน์ของ "รัฐราชการ+อำนาจรวมศูนย์+เอื้อประโยชน์นายทุน+เศรษฐกิจมาก่อน" เช่นนี้ แปลกแยกแตกต่างอย่างรุนแรงกับโลกทัศน์ของประชาชน ผู้ไม่ได้ติดอยู่ในวิธีคิดแบบเก่า

ในเมื่อโลกทัศน์ระหว่าง "ข้าราชการ+เทคโนแครต" กับ "ประชาชน" โดยรวมกำลังขัดแย้งแตกต่างกันเช่นนี้ กระบวนการปฏิรูปใดๆ ก็ตาม ที่ไม่วาง "ประชาชน" เป็นหัวใจ จึงไม่มีทางที่จะลงหลักปักฐานได้เลย

ด้วยเหตุนี้ การปฏิรูปอะไรก็ตาม คือการปฏิรูป "โลกทัศน์" ของผู้ถืออำนาจการปฏิรูป
จากโลกทัศน์แบบอำนาจนิยมที่เชื่อว่าคนดี-คนเก่งรู้ดีที่สุด มาเป็นโลกทัศน์แบบประชาธิปไตย ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

หาก คสช. ยังยึดมั่น "โลกทัศน์" ของอำมาตย์นิยม ที่ใช้ ม. 44 และอำนาจจากปากกระบอกปืน ดังเช่นทุกวันนี้ 

ผลก็คือ แรงสะท้อนที่ไม่ได้แค่พลังต้องการประชาธิปไตยสะสมของประชาชน แต่มันจะทวีความรุนแรงด้วยความอดอยาก และความจนของพี่น้อง ประชาชน อีกด้วย


ประชาชน

"จารุพงศ์"ไม่สน"คุณแผ่นดิน"ปล้นอำนาจ-ทรยศประชาชนเลวร้ายกว่า



Download

พรรคประชาธิปัตย์คือศัตรูชาวนาถาวรท่ีคบพ่อค้าข้าวกดราคาข้าวชาวนาให้พ่อค้าส่งออกรวยชาวนาจน.

พรรคประชาธิปัตย์คือศัตรูชาวนาถาวรท่ีคบพ่อค้าข้าวกดราคาข้าวชาวนาให้พ่อค้าส่งออกรวยชาวนาจน. https://www.facebook.com/SiamPoliticalCrisis/videos/1038443012854966/

เห็นจดหมายของ องคมนตีนแล้ว "เหล่ ทรราช "บอก

เห็นจดหมายของ องคมนตีนแล้ว

"เหล่ ทรราช "บอก


องคมนตีน ปลิงตังพ่อ ที่เกาะกินประเทศมาอย่างยาวนานได้ทำจดหมายถึงประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.

โดยระบุถึงสาเหตุที่ทำให้การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีประสิทธิภาพ เพราะได้ให้โอกาสกับนักการเมืองที่เคยกระทำความผิดในตำแหน่งกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งหลังพ้นกำหนด 5 ปี

โดยบัญชาว่า ไม่ควรให้โอกาสคนเหล่านี้กลับมากระทำผิดอีกไม่ว่าจะเคยประกอบคุณงามความดีมากน้อยเพียงใดก็ตาม

และหนุนให้มีการปฏิรูปเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเรียกร้องทรัพย์สินคืนเพื่อไม่ให้คนทุจริตหนีไปใช้ชีวิตต่างประเทศพร้อมทรัพย์สินที่กอบโกยไป

*****

ถ้าเป้าหมายคือ........... ชินวัตร  องคมนตีนเหล่านั้น ถึงหูหนาตาบอด 

ความผิดของทักษิณ ที่ องคมนตีน ไม่อาจให้อภัยได้คือ

- ทำให้ประเทศ มีระบอบ ประชาธิปไตย
- ช่วยชาวนาด้วยการจำนำข้าว
– กองทุนหมู่บ้าน 
– 30 บาทรักษาทุกโรค 
– OTOP 
– การชำระหนี้ IMF ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี 
– การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ระบาดเรื้อรังเป็นภัยคุกคามต่อสังคมไทยมานาน 
– การนำหวยใต้ดินมาอยู่บนดิน 
– การยกเลิกโทษจำคุกแทนค่าปรับต่อคนจน 
– การสร้างนักเรียนทุนรัฐบาลในระดับต่างๆเป็นจำนวนมาก 
– การลงทะเบียนคนจนและประกาศแก้ปัญหาความยากจนให้สำเร็จใน 2 ปี
- ฯลฯ

ทักษิณ เป็นแค่เหยื่อของอำนาจพิสดาร...... ไม่ใช่หรือ.....???

นับตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตรอาสาเข้ามาทำงานการเมืองและทำหน้าที่เป็นผู้นำของประเทศนั้น สำหรับผู้เขียนแล้วจากการติดตามการเมืองไทยตลอดระยะเวลาที่่ผ่านมาผู้เขียนคิดว่า ทักษิณ ท่านเป็นผู้นำที่มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอมากกว่านายกฯไทยคนใดในอดีตที่ประเทศไทยเคยมีมา

และ

ทักษิณกระทำความดีต่อชาติและประชาชนมากกว่า องคมนตีนและทหารเหี้ย ทั้งหลายแห่ 

นั้นคือความจริง

การจะกำจัดระบบ ทักษิณ ทำง่ายนิดเดียว ว่าแต่ทหารเหี้ย และ องคมนตีน จะทำได้ไหม และไม่ยากเลย

ใช่ความ ยุติธรรม ปกครองประเทศ เท่านั้นครับ

และทำงานให้ดีกว่า ทักษิณ ที่ได้ทำมา อย่างเป็นรูปธรรม เท่านั้น

ก็จะกำจัด ทักษิณ ได้แล้ว

ไม่ใช่ ทหารเหี้ย คสช. ทำอย่างทุกวันนี้ มีแต่สร้างปัญหา 

และอีกไม่นาน ก็จะมีทักษิณ  2 3 4 5 6 7 8 9 อย่างไม่สิ้นสุด

จนชาวบ้านเขาพูดกันว่าจากท้องทุ่งนา ถึงตลาดในเมืองว่า

เขาจะรอดูพวกอำมาตย์ชั่วทหารเหี้ย............... ตายไปต่อหน้าเท่านั้น พวกเขาถึงจะนอนตายตาหลับ..........นั้นคือสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า

อำมาตย์ อย่างชั่ว ทหารเหี้ย

ได้ฝากอะไรไว้กับประเทศนี้


ประชาชน


A57A8F3C-F3CA-4894-88D5-36C144542FFC