PPD's Official Website

Tuesday, December 1, 2015

ดร เพียงดิน รักไทย 1 ธันวาคม 2558 ตอน Mocking Jay กับ มดแดงล้มช้าง ใต...

ดร.ทักษิณ ชินวัตร สวัสดีปีใหม่ 2559



Download

ป.ป.ช.ไม่พบทุจริต′ราชภักดิ์′ !!!!

ป.ป.ช.ไม่พบทุจริต′ราชภักดิ์′ ยังไม่รับ ไต่สวนปม′ราชภักดิ์′ รอ3 หน่วยงานส่งผลสอบ ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริต ยังไม่ตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง เพราะยังไม่มีเหตุอันพึงสงสัย



นาย สรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากเดิมที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้สำนักงานป.ป.ช.รวบรวมข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์โดยตนมอบให้สำนักการข่าวและ กิจการพิเศษของสำนักงานป.ป.ช.ไปรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลในภาพรวมยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการ ทุจริตแต่ในส่วนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. ได้ตรวจพบว่ามีการใช้งบกลางของรัฐบาลในการจัดสร้างกว่า 63 ล้านบาท เป็นหน้าที่สตง.ที่จะตรวจที่มาที่ไปของเงิน

ขณะเดียวกันได้มีผู้ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวได้ไปร้องทุกข์กองบังคับการปราบปรามในวันที่24 พ.ย.ที่ผ่านมาและทางกระทรวงกลาโหมได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการจัดสร้างเช่นกัน ทางป.ป.ช.เห็นว่ามีหน่วยงานที่ตรวจสอบแล้วจึงมีมติให้สำนักงานป.ป.ช.ติดตามผลการตรวจสอบของทั้ง 3 หน่วยงาน ว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าอยู่ขอบเขตอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบของป.ป.ช.ได้หรือไม่ ซึ่งทางป.ป.ช.จะเข้าไปตรวจสอบได้ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือกระทำการทุจริตต่อหน้าที่

สำหรับการตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกับเรื่องที่สังคมให้ความสนใจนายสรรเสริญกล่าวว่า การจัดตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงต้องปรากฏว่ามีเหตุอันพึงสงสัย จึงจะเข้าหลักเกณฑ์ที่ป.ป.ช.จะรับเรื่องมาดำเนินการได้ และประชาชนที่มาร้องเรียนสามารถทำได้แต่ต้องดูว่าเข้าเกณฑ์ 3 ข้อ ของป.ป.ช.หรือไม่ ได้แก่ มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ มีเหตุอันพึงสงสัยหรือไม่ อยู่ในอำนาจของป.ป.ช.หรือไม่ และกล่าวหาใคร มีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งหากอยู่ในหลักเกณฑ์ก็สามารถรับเรื่องมาดำเนินการได้ไม่ต้องรอผลจาก 3 หน่วยงานข้างต้น โดยในขณะนี้ยังไม่มีผู้มาร้องเรียน

ส่วนที่กรณี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ออกมายอมรับว่ามีการหักค่าหัวคิวโรงหล่อจริง ขณะนี้ข้อมูลยังไม่มีเหตุอันพึงสงสัย เนื่องจากบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเอกชน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนที่สำนักการข่าวป.ป.ช.พบว่าการประมูลต้นปาล์มราคากว่า 1 แสนที่แพงเกินจริงนั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ยังเป็นเพียงข้อมูล เป็นหน้าที่คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมในการตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

Tags : ราชภักดิ์ อุทยานราชภักดิ์ ป.ป.ช.

Saturday, November 28, 2015

มติชน: ขอนแก่นโมเดล ภาค 2 PLOT หลวม ไม่สมจริง

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 07:33:14 น.

      
         ขอนแก่นโมเดล ภาค 2 
         PLOT หลวม ไม่สมจริง

ทำท่าว่า การโหมประโคมในเรื่อง "ก่อกวน" ปั่นเพื่อพ่อ เทศกาลลอยกระทง ไปจนถึงเทศกาลปีใหม่
    อาจไม่ WORK
    หรือถึง WORK ก็อาจไม่บรรลุ "เป้าหมาย"
    บางคนอาจมองไปที่ "ปฏิกิริยา" และ "การโต้ตอบ" อย่างทันที ทันความจาก "นปช."
    ไม่ว่าจะเป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
    อาจใช่ แต่การออกมาของ "นปช." มิใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ปฏิบัติการทางการข่าว หรือ IO ครั้งนี้ไม่ WORK
    หรือทำท่าว่าอาจจะ "เดี้ยง"
    ความเป็นจริงมาจากการไม่ยอม "เด้ง" รับจากฝ่ายที่เคยประสานเสียงตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
    ภาพล้อของ "บางสื่อ" ถึงกับเห็นเป็นเรื่อง "ตาหลก"
    กระนั้น ที่เป็น "ปัจจัย" ชี้ขาดว่าจะ "สำเร็จ" หรือว่าอาจจะ "ล้มเหลว"อย่างแท้จริงอยู่ที่ปัจจัย "ภายใน"
    นั่นก็คือ เนื้องานไม่ "เนียน"


การเอา
"ตัวละคร" ที่ระบุว่าเคยมีส่วนถูกจับกุมจาก "ขอนแก่น โมเดล"เข้ามาอาจทำให้แลดูหวือหวา
    แต่บังเอิญ "ยัดเยียด" ภารกิจให้ "หนักหนา"และสาหัสเกิน
    การป่วนกิจกรรมไบค์ ฟอร์ แด้ด อาจฟังดูน่ากลัว แต่การเลเพลาดพาดถึงระดับไปยึดสถานีตำรวจ ยึดค่ายทหาร
    เพริศแพร้วพรรณราย แต่ "ไม่น่าเชื่อถือ"
    ยิ่งขยายประเด็นไปถึงขั้นตระเตรียมลอบสังหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
    ยิ่งน่าหัวร่อ
    ขนาดพรรคคอมมิวนิสต์มีกองทัพปลดแอกที่เรียกว่า"ทปท."ยังไม่เคยทำได้ระนาบ นี้ ขนาด "ขจก."ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีปฏิบัติการทางทหารต่อเนื่องมายาวนานยังไม่เคยทำได้ ระนาบนี้
    นี่แค่ "จ.ส.ต."และอายุกว่า 60 แล้วจะไหวหรือ
    ยิ่งกว่านั้น ในรายชื่อคนที่ถูกออกหมายจับจาก"ศาลทหาร"บางคนยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
    เป็นไปได้ยังไง
    สรุปแล้ว  PLOT หลวม ฉากไม่เหมาะ ตัวละครขาดความสมจริง จึงกลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อมากกว่าจะคิดว่าเป็นเรื่องจริง
    เดี้ยง

Thursday, November 26, 2015

WOW!! ศาลแพ่งพิพากษา ให้ “น.ส.แพรวา” และผู้ปกครองชดใช้ค่าเสียหายร่วม 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็

ศาลแพ่งพิพากษา ให้ "น.ส.แพรวา" และผู้ปกครองชดใช้ค่าเสียหายร่วม 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กรณีขับรถซีวิคชนรถตู้โดยสารตาย 9 ราย เมื่อปี 2553
       
       ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (26 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีที่ น.ส.สะโอด ซิมกระโทก และญาติของผู้เสียชีวิต 9 ราย และผู้บาดเจ็บ 4 คน จากอุบัติเหตุ น.ส.แพรวา หรือ อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขับรถยนต์ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 ร่วมกันเป็นโจทก์รวม 28 คน ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา รวมทั้งบิดาและมารดา เรื่องกระทำละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
       
       ศาลแพ่งพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่สืบเนื่องมาจากคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคำ พิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดว่าการขับรถของ น.ส.แพรวา เป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมถึงทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งเป็นการกระทำละเมิด จึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และเมื่อรับฟังได้ว่า น.ส.แพรวา จำเลยที่ 1 กระทำผิด บิดา และมารดา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ก็ไม่ได้นำสืบถึงความระมัดระวังในการดูแลจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย
       
       พิพากษา ให้ น.ส.แพรวา บิดา และมารดาของ น.ส.แพรวา ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ประกอบด้วยค่าไร้อุปการะ และค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าอื่นๆ ให้กับโจทก์ร่วม รวม 28 คน ซึ่งเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บแต่ละคน ในจำนวนเงินแตกต่างกัน ตั้งแต่คนละ 4 พันบาท ถึง 1 ล้าน 8 แสนบาท รวมเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
       
       ภายหลัง พ.ต.อ.เอกศรัญ นิลวรรณ บิดาของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ หนึ่งในผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ศาลสั่งให้ชดใช้เงินประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนเงินที่เรียกร้องไป ซึ่งความเห็นของผู้เสียหายส่วนใหญ่เห็นว่าน้อยเกินไป แต่ก็เคารพคำตัดสินของศาล โดยจากนี้ทางกลุ่มทนายความของโจทก์จะประชุมหารือกันในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ และหากยื่นอุทธรณ์จะยื่นในประเด็นใด ส่วนค่าสินไหมทดแทนที่ศาลสั่งจ่ายนั้นแตกต่างกันออกไป ทั้งค่าไร้อุปการะ, ค่ารักษาพยาบาล, ค่าเดินทาง และค่าทุกข์ทรมานจากการรักษาอาการบาดเจ็บ และคาดว่าทางฝ่ายจำเลยจะมีการยื่นอุทธรณ์เช่นกันเพื่อยืดเวลาการจ่ายค่าเสีย หายออกไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีอาญาที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา อายุ 17 ปี (ขณะเกิดเหตุ) ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทจนเป็นเหตุในผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย และทรัพย์สินเสียหาย นั้น ซึ่งคดีได้ถึงที่สุดแล้ว ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก น.ส.แพรวา 3 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 4 ปี บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี และห้ามขับรถจนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปี ซึ่ง น.ส.แพรวาได้ยื่นฎีกาสู้คดี แต่ศาลไม่รับฎีกา จึงทำให้คดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาดังกล่าว