ที่มา ประชาไท
Tue, 2015-12-15
บทสนทนากับพิเชษฐ์ ทาบุดดา หรือ ดีเจต้อย แห่งกลุ่มชักธงรบ จังหวัดอุบลราชธานี หลังทราบผลคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เขาและจำเลยอีก 13 คนถูกตัดสินโทษลดหลั่นกันไป โดยเขาได้รับโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต (อ่านที่นี่) ในช่วงเย็นวันนี้จำเลยทั้งหมดจะถูกนำตัวเขาเรือนจำจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนหน้านี้พิเชษฐ์เคยถูกคุมขังที่นั่นมาแล้ว 15 เดือนหลังเหตุการณ์เผาศาลากลางในปี 2553 จากนั้นศาลชั้นต้นและอุทธรณ์สั่งจำคุกเพียง 1 ปี และในวันนี้ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาลงโทษหนัก
รายละเอียดคำพิพากษาติดตามได้ในเว็บไซต์ประชาไทเร็วๆ นี้
(อ่านรายละเอียดบทสัมภาษณ์ดีเจต้อยก่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา)
ประชาไท: ฟังคำพิพากษาแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง ?
พิเชษฐ: ไม่มีปัญหาหรอก อย่างน้อยคนอย่างเราก็ต้องทำใจ คดีเราก็ไม่ใช่ไปหาลักขโมยอะไรต่างๆ เป็นความภูมิใจเสียอีก ในประเทศไทยมีกี่คนที่ได้รับเกียรติแบบเรา ถ้าจะให้ดีเขาไม่น่าจะลดหนึ่งในสามหรอก ประหารชีวิตก็ประหารเลยพรุ่งนี้ มันจะได้เสร็จๆ กันน่ะ เราไม่สนใจ เราคิดว่าเรามาถูกต้อง เราไม่จำเป็นต้องร้องขออ้อนวอนกับใคร แต่โอเค เขามีสิทธิจับเราขังก็ทำไปตามหน้าที่เถอะ ไม่ได้ว่ากัน
คาดหมายอย่างไรก่อนมาฟังคำตัดสิน ?
มันไม่ได้คาดหมายอะไรในรัฐบาลปัจจุบัน เราคาดหวังในอนาคตเราไม่ได้ทั้งนั้น อย่างน้อยก็คงพยายามอยู่ให้อายุยืนไป จริงๆ แล้วคดีอาญาทั่วๆ ไปเขาก็ไม่เกิน 10 กว่าปี ที่เราเห็นขนาดว่าฆ่าคนตาย อะไรต่างๆ เยอะแยะก็ไม่เกินนั้น รวมถึงผู้พันตึ๋ง ชลอ เกิดเทศ ก็ไม่เกิน เราไม่ได้ร้ายแรงไปขนาดนั้น แต่เราก็ไม่มายด์จุดนั้น ผมก็เข้าใจเขานะ เพราะว่าคดีเราเป็นคดีใหญ่ ถ้าเขาตัดสินเล็กๆ น้อยๆ มันไม่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ บ้านนี้เมืองนี้เขาถือว่ากฎหมายต้องเป็นใหญ่ก็ไม่ว่ากัน ก็ตัดสินเอาเต็มที่ของกฎหมาย เราเองก็สบายใจด้วย นับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้เราก็เข้าสู่กระบวนการของกฎหมายทุกอย่าง ต่อไปก็คงเป็นเด็กดี ได้เลื่อนชั้นในเรือนจำ ภายในสามเดือนเราจะได้เป็นชั้นกลาง ภายในหนึ่งปีห้าเดือนเราจะได้เป็นชั้นเยี่ยม แล้วถ้ามีอภัยมาเราก็จะได้ลดโทษอีก
ศาลให้เหตุผลว่าอย่างไร ในการกลับคำพิพากษหนึ่งปีเป็นตลอดชีวิต ?
ผมคิดว่าเขาเห็นว่าเราเป็นหัวหน้า จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ เขาก็ไม่ได้อ่านทำนองนี้ตรงๆ หรอก แต่มันพลิกความคาดหมายของชั้นต้นและอุทธรณ์ มันไม่ธรรมดา เราก็ถือว่าเป็นดุลยพินิจศาล แล้วแต่ท่าน ไม่มีปัญหารหรอก ปู่ย่าตายายเมื่อ 111 ปีที่แล้ว วาสนาเพิ้ลไม่ดีเท่าผม ปู่ผมถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏผีบุญ ถูกตัดคอเลยนะ ผมโชคดีกว่าเยอะ แค่ติดคุกตลอดชีวิต
จำเลยคนอื่นๆ ที่รับฟังคำพิพากษาวันนี้ สภาพเป็นอย่างไรบ้าง ?
ทุกคนกำลังใจดี เราไม่ได้โวยวายอะไรเพราะเราต่างถือว่าแนวทางที่มามันถูกต้องอยู่แล้ว เรายืนหยัดในจุดนี้ โอเค คุณว่าเราผิด คุณจะกักขัง ไม่ว่ากัน
คนอื่นๆ ก็สภาพจิตใจดี ?
ไม่มีปัญหา ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีอะไร ผมก็บอกเขาว่า เกิดมาใครไม่ตายบ้าง ตายนอกคุกกับตายในคุก ระดับพวกเรานั้นอะไรมันต่างกัน มันไม่ต่างกันหรอก แล้วถ้าเราสู้ในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องแล้วถ้าเราตายในคุก ถือเป็นเกียรติประวัติกับตระกูลเสียอีก หายาก คนตั้งหกสิบเจ็ดสิบล้านมีไม่กี่คนที่เป็นแบนี้
อยากฝากอะไรถึงใครหรือกลุ่มใดเป็นพิเศษไหม ?
มันคงไม่มีหรอก ระดับเราไม่รู้จะถึงหูเขาไหม แต่ขอให้คุณมีจุดยืนในจุดสู้ของคุณเถอะ คุณไม่เสียมโนธรรมในใจของคุณเอง ไม่เสียกำลังใจตัวของคุณเอง ถึงจะเป็นจะตายก็แล้วแต่ เราไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรกับบ้านกับเมือง ถ้าคนอื่นจะมองว่าผิดก็แล้วแต่ แต่ให้มีกำลังใจเข้มแข็ง ก็แบบที่เขาชอบว่ากัน จิตวิญญาณมันฆ่าไม่ตายอยู่แล้ว
ได้ยินข่าวว่าเริ่มธุรกิจขายตรง ตอนนี้เป็นอย่างไร?
เพิ่งเริ่มได้อาทิตย์เดียว มาจากเจ็ดจังหวัดที่จะมาเป็นเอเย่นต์ขายให้เรา น้ำสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมนุนไพรที่ทำอยู่ คิดดูจากที่คิดว่าจะขายได้วันละพันสองพันขวด วันแรกขายได้เจ็ดพันกว่าขวด วันที่สองได้ร่วมหมื่นขวด ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะต่อยอดกันไปยังไง มันกำลังไปได้ดี เพียงแต่เราตัดช่องน้อยแต่พอตัวมาอยู่ที่นี่ คนที่ทำต่อคงเป็นแฟนกับลูกชาย แต่กำลังใจเขาดีกว่าผมนะ
ทำไมเป็นอย่างนั้น ?
ยังไงล่ะ เราไม่ต้องอ้อนวอนใครหรอก เรารู้แก่ใจดีว่าเราผิดหรือถูก แต่เราก็รู้ว่ามาตรฐานเป็นยังไง ไม่ได้ว่าไม่ได้โทษเขาเลย ถือว่าเป็นผลดีด้วย เขาทำตามกฎหมายแล้วเอาบรรทัดฐานสูงสุดตัดสินผม แล้วคนอื่นๆ ล่ะ ที่ทำในแนวทางเดียวกัน ที่ไปยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ คุณจะตัดสินเขาแบบไหน ถ้าจะประหารผมพรุ่งนี้เลยก็ได้ และก็หวังว่าจะมาตรฐานเดียวกัน