PPD's Official Website

Monday, August 29, 2016

สนธิ (ลิ้ม) แฉ ประยุทธ์ หักหลัง ประวิทย์ ซบตักป๋า จริง!!!

สนธิชื่นชมบทบาทที่เปลี่ยนไปของประยุทธ์แต่แนะแก้จุดอ่อนเรื่องเศรษฐกิจ
เช้าวันศุกร์หลังเถ้าแก่ผ่านพ้นจากคดีในศาลฎีกาจากการลุกขึ้นมาต่อสู้กับทักษิณไปอีกเปลาะหนึ่ง เรากินข้าวเช้ากันและคุยกันถึงความเป็นไปในบ้านเมืองเฉกเช่นปกติ ตอนหนึ่งเถ้าแก่สนธิก็พูดขึ้นมาว่า "ประยุทธ์วันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆแล้ว"ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า

"สองปีแรกที่ขึ้นมาเป็นสองปีแรกที่ไม่แน่ใจ แล้วคนที่ทำให้ประยุทธ์ต้องเป็นอย่างนี้นี่นะ มีอิทธิพลทำให้ประยุทธ์เปลี่ยนความคิดแล้วประยุทธ์เดินหน้าไปอย่างนี้นี่ก็คือไพบูลย์ คุ้มฉายา เพราถ้าไม่มีไพบูลย์ คุ้มฉายา ประยุทธ์จะโดนประวิตรครอบงำตลอด ทุกเรื่องเลย ประยุทธ์เป็นคนซึ่งคิดอะไรง่ายๆสั่งการให้ทุกคนทำ ลักษณะเป็นผู้บัญชาการทหารบก เอ้ย ไปจัดการเรื่องนี้ เอ้ยไปจัดการหน่อย แต่การสั่งการให้คนทำในยุคที่ประยุทธ์ขึ้นมานี่ คนที่รับงานต่อไปนี่ไม่มีความสามารถ มีไพบูลย์อยู่คนเดียวที่อยู่กระทรวงยุติธรรมแล้วไพบูลย์เนี่ยก็ใช้กฎหมายเดินหน้า ไพบูลย์ก็โชคดีที่ไพบูลย์มีชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ชัยยะเป็นคนทำทุกเรื่องให้ไพบูลย์ ไพบูลย์ก็ทำเรื่องสำเร็จ พอแต่ละเรื่องทำสำเร็จปังปั๊บเนี่ย มันก็เหมือนปลดโซ่ตรวนของประยุทธ์ออกทีละข้อทีละข้อ เพราะก่อนหน้านั้นประยุทธ์ยังมีลักษณะปรองดองกับทักษิณ แต่พอปลดโซ่ตรวนออกปังปั๊บก็เอาดาบใส่มือให้ประยุทธ์ก็คือว่า หนีไม่ได้แล้วตอนนี้ต้องชนกับทักษิณแล้วนะเข้าใจมั้ย ใส่โซ่ตรวนการปรองดองออกแต่ใส่ดาบการปะทะกันเข้าไปแทนแล้ว นั่นคือที่มาตั้งแต่ถอดยศทักษิณแล้วเห็นมั้ย"เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบอึกหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

"สังเกตตอนแรกที่ชัยยะทำเรื่องถอดยศทักษิณ ประยุทธ์ยังชักเข้าชักออกนะ ยังไม่ชนเต็มตัวนะ ชัยยะพูดได้เลยเป็นตัวแปรสำคัญมาก มาช่วงหลังเนี่ยพอในที่สุดแล้วนี่เลขาปปง.คนเก่านี่พ.ต.อ.สีหนาทเนี่ยมันสนิทกับคุณหญิงอ้อ เพราะฉะนั้นสังเกตอย่างในยุคสีหนาท สีหนาทจะไม่ทำเรื่องอะไรก็ตามที่จะไปกระทบกระเทือนฝ่ายพรรคเพื่อไทยหรือคุณหญิงอ้อหรือทักษิณ ก็เลยทำให้ลักษณะประยุทธ์คล้ายๆว่าเอ้ยมึงเป็นเลขาปปง.ทำไมไม่ทำ เขาสั่งไปแล้วไงว่าให้ทำแล้วไม่ทำ คือลักษณะประยุทธ์จะเป็นอย่างนี้เขาไม่ลงรายละเอียดเขาไม่ทำเอง เอ้ยไปจัดการนะ แต่พอไม่จัดการประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำยังไง เข้าใจหรือเปล่า เผอิญจังหวะธรรมะจัดสรรตำแหน่งของไอ้สีหนาทมันหมดเทอมมันหมด ต้องเอาตัวใหม่ขึ้นมา สีหนาทมันวางแผนถึงขนาดจะมีการคัดสรรนะ เอากรรมการคัดสรรเพื่อมีเลขาปปง.ใหม่วางแผนไว้เรียบร้อยเลยนะ เตรียมที่จะเอาคนทางสายของพรรคเพื่อไทย ทักษิณ คุณหญิงอ้อขึ้นมาอีกที แต่เหมือนกับประยุทธ์รู้ทัน และไพบูลย์คงจะไปบอกประยุทธ์ ประยุทธ์ก็เลยตัดสินใจใช้มาตรา 44 แต่ก่อนจะใช้มาตรา44นี่ ประยุทธ์รู้ว่าชัยยะนี่เป็นน้องของเรา คำแรกที่ประยุทธ์พูดกับไพบูลย์ว่า เอ้ยนี่มันเด็กสนธินี่ ใช่มั้ย ไพบูลย์เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาบอกจะเด็กของใครไม่สำคัญหรอกสำคัญคนนี้ทำงานได้ ใช่มั้ย แล้วชัยยะก็เป็นคนตรงไปตรงมา"เถ้าแก่เล่ายาวก่อนจะพูดต่อ
"ประยุทธ์ก็เลยขอพบ ชัยยะก็บอกว่าผมนี่เป็นน้องพี่สนธิเค้า อยู่กันมา30กว่าปีแล้วเขาเป็นคนดีเขาไม่เคยทำชั่วอะไร ทำไมผมจะคบเขาไม่ได้ ถ้าท่านไม่สบายใจผมเซ็นใบลาออกให้ล่วงหน้าเลย แต่ถ้าท่านใช้ต้องอย่าระแวง ประยุทธ์เขาชอบความเป็นนักเลงแบบนี้ ก็เลยในที่สุดคำว่าคนของสนธิก็เลยหมดไป ซึ่งชัยยะขึ้นประวิตรไม่ต้องการ เพราะประวิตรเขาวางสายคนของเขานี่ ตั้งแต่อธิบดีดีเอสไอจะเอาคนของเขาไปนั่งแต่ว่าไพบูลย์กั๊กวิธีการไม่ต้องการให้ประวิตรส่งคนเข้ามาไพบูลย์ก็เลยตั้งคนในดีเอสไอที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตอนนั้นมารักษาการ คือให้คนข้างในขึ้นไม่ให้คนนอกเข้ามานี่คือวิธีการที่เขาสู้กัน แล้วก็แลกกันการที่ไพบูลย์สนับสนุนชัยยะขึ้นมาหรือจะทำไรก็ตามนี่ต้องแรกกับการที่ประวิตรจะเอาญาติขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นั่นคือที่มาของปฏิคม เหลืออีก3เดือนเกษียณก็ยังเป็นอธิบดี ไพบูลย์ก็ให้ไปเพื่อแลกกัน"

เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้งแล้วเล่าต่อ "พอชัยยะขึ้นมาปังปั๊บเนี่ย ชัยยะขึ้นมา3เดือนเนี่ยผลงานออกมาเป็นชุดเลย นี่คือสิ่งที่ประยุทธ์อยากให้ข้าราชการประจำทำตามคำสั่ง พอแล้วประยุทธ์ก็บอกผมให้เข้าทำนี่ ก็ทำตามกฎหมายเขาผิดตรงไหน แต่ถ้าไม่ทำนี่ประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยเป็นครั้งแรกที่เจออดีตตำรวจกล้าตัดสินใจเดินหน้าลุยชนทุกเรื่อง อิทธิพลมีไม่มีไม่สนใจทำให้เห็น จนกระทั่งพวกทักษิณเป๋ไปหมดเลย ทักษิณเป๋ไปหมดเลย ประยุทธ์โซ่ตรวนที่ถูกประวิตรครอบงำก็เลยหลุดหมดเหลือแต่ดาบที่อยู่ในมือ ตอนนี้นี่ชัยยะเป็นดาบอาญาสิทธิ์ของประยุทธ์ แล้วไพบูลย์อีกคนหนึ่ง มันก็เลยทำให้ประยุทธ์รู้สึกว่าเอ้ยถึงเวลาแล้ว ประยุทธ์ก็เริ่มแรงกับทักษิณทีละนิดทีละนิดสังเกตมั้ย ไม่เหมือนกับสมัยก่อนนะ เดี๋ยวนี้มีการไอ้ลูกหมานึกออกมั้ย พูดง่ายๆว่าเริ่มมีความมั่นใจแล้ว ที่ผ่านมาตัวเองไม่ใช่กลัว แต่ตัวเองขาดขุนพลไง เผอิญประยุทธ์มีครบแล้วตอนนี้มีไพบูลย์มีนั่น ขาดอยู่อย่างเดียวเท่านั้นเองคือทำยังไงให้กองทัพมันสงบ ในที่สุดก็เป็นที่มาของพล.อ.เฉลิมชัย ซึ่งเป็นฝ่ายวงศ์เทวัญ เป็นหมวกแดง การที่เฉลิมชัยมาครั้งนี้ก็เท่ากับว่าประยุทธ์จับมือกับป๋า เพราะไม่งั้นบูรพาพยัคฆ์ก็จะสืบทอดอำนาจต่อเพราะวางคนไว้หมดแล้ว เท่ากับตัดตอนบูรพาพยัคฆ์เลย จากนี้ไปสองสามรุ่นวงศ์เทวัญตลอด บูรพาพยัคฆ์ลืมไปได้เลยซึ่งประวิตรวางตัวพิสิษฐ์ เสธ.ทบ.ขึ้นปรากฎว่าเถียงกันหนักหน้าสาหัสสากรรจ์ในที่สุดประยุทธ์ชนะ ป๋านี่มีสิทธิ์มีส่วนมาก อิทธิพลป๋าสูงมาก เพราะฉะนั้นจากการไม่เปิดบ้านให้ กลายเปิดบ้าน ตัวผบ.ทบ.คนใหม่แสดงตัวว่าอยู่ข้างป๋าชัดเจน วันที่ที่ป๋าจัดคอนเสิร์ตไปเลยคนเดียวเลยนะ ไปยืนกับป๋าเลยนะ ตรงนี้ทำให้วันนี้เราเห็นภาพใหม่แล้ว บรรยากาศอึมครึมในเรื่องทหารหมดแล้ว วันนี้ที่น่าสนใจก็คือว่าประวิตรจะถอยแค่ไหน หรือประวิตรจะยอมรับสภาพแล้วต้องเล่นเกมต่อตามที่ประยุทธ์หรือสังคมหรือป๋ากำหนดให้เล่น แต่พี่มองแล้วประวิตรไม่มีหนทางสู้ประยุทธ์เลยตอนนี้ วิษณุออกมาลุยเรื่องปฏิรูปตำรวจแล้วเห็นมั้ย วิษณุนะลุยแล้วนะบอกทำเสร็จภายในปีนี้ 4 ข้ออะไรบ้าง อาวุโส หมายความว่าไงหมายความว่าจากนี้ไป เด็กของพัชรวาทเด็กของประวิตรพวกนี้เอามาฝากเอามายัดตรงโน้นตรงนี้ไม่ได้แล้วนะ ต้องอาวุโสอย่างเดียวแล้วนะก็เท่ากับว่า ในอดีตมีการซื้อขายตำแหน่งกันมาก เยอะมากเลย เขาก็เลยบอกว่าจากนี้แต่งตั้งอาวุโสอย่างเดียว ไม่มีสมัยก่อนอาวุโส 33 เปอร์เซนต์ ความสามารถ 33 เปอร์เซนต์ แล้วความเหมาะสมอีก33เปอร์เซนต์ ดังนั้นถ้ามี30คนตำแหน่งว่าง มีอาวุโสอยู่ร้อยคนได้ขึ้นแค่30คน อีก70คนวิ่งเต้นกันหมดนี่คือที่มาของการข้ามหัวคนไง แล้วการซื้อตำแหน่ง นี่สะท้อนให้เห็นการที่ประวิตรไม่ยอมปฏิรูปตำรวจ เห็นมั้ยว่าเกมออกมาแต่ละเกมเป็นเกมข้างบนทั้งนั้นเลย แล้วเมื่อวานนี้ที่จำคุกหมอเลี๊ยบเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมากไปยังทักษิณ ให้รู้ว่าน้องสาวมึงไม่หรอก เพราะฉะนั้นทักษิณมีทางเดียวคือต้องเอาน้องสาวหนี เพราะพิพากษามาแล้วถ้าผิดยายปูอาจโดนประมาณ12ปี เผลอๆอาจจะมากกว่านี้สุดแล้วแต่เขาคิดยังไง บุญทรงโดนแน่นอนโดนหมด แต่ว่ายิ่งลักษณ์นี่ทักษิณต้องเอายิ่งลักษณ์หนี ต้นปีหน้านี่น่าจะพิพากษาแล้ว จากนี้ไปจนถึงต้นปีช่วงไหนหนีได้หนีแล้ว แล้วถ้าจะหนีในขณะนี้จะหนีทางชายแดนภาค5เชียงใหม่เชียงรายน่าน เพราะผู้บัญชาการภาค5คนปัจจุบันสนิทกับเยาวภา วงศ์สวัสดิ์มาก"เถ้าแก่พูดถึงตรงนี้แล้วนิ่งเงียบปล่อยให้บนโต๊ะออกความเห็นก่อนจะพูดต่อว่า

"พี่มองว่าประยุทธ์พอปลดแอกแล้วมีคนทำงานให้แต่เขายังพลาดอยู่เรื่องเดียว เขาไม่เก่งเศรษฐกิจ เขาเลยต้องพึ่งสมคิด จุดอ่อนของประยุทธ์ตอนนี้คือเศรษฐกิจ สมคิดทำเละหมดเลย คือประยุทธ์น่าเสียดายมากไม่รู้เรื่องนี้ โดนสมคิดกล่อมเสียจนเชื่อสมคิดหารู้ไม่ว่าสิ่งที่สมคิดทำนี่ คือการทำลายรากฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศไทยให้เจ๊งฉิบหายหมดเลย สมคิดมันทำเพื่อทุนอย่างเดียวเท่านั้นเอง คือน่าเห็นใจเขา เขาไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลยนะ แล้วสมคิดนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบรนด์ดิ้งนะ สมคิดไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์คนนี่เข้าใจสมคิดผิดหมดเลยนะ สมคิดนี่เรียนจบมาทางแบรนด์ดิ้ง เชี่ยวชาญที่ทำอย่างไรที่จะโปรโมทอิมเมจของตัวเอง เน้นแบรนด์ดิ้งตลอด เป็นคนพูดเก่งแต่โอเปอเรชั่นใช้ไม่ได้เลย เพราะคนไม่เคยเข้าใจโอเปอเรชั่น จำไว้อย่างนะพี่เคยพูดหนึ่งถ้ายูเอาคนที่เคยเป็นอดีตนายแบงก์มาเป็นรัฐมนตรีคลังนะ เจ๊งทุกที เพราะมันมองปัญหาคลังแบบการเงิน เหมือนกับยูเอาหมอมาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ยูต้องเอาคนที่ เรียนทางด้าน public health สาธารณสุขศาสตร์มาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะว่าหมอเป็นแค่ส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขเข้าใจมั้ย เหมือนกันการคลังยูต้องเอาคนซึ่งมีภาพกว้าง แล้วต้องเป็นคนที่เข้าใจตลาดทุนด้วยอย่างลึกซึ้ง คนที่เหมาะที่สุดในสายตาของพี่ที่จะเป็นรัฐมนตรีคลังนะ แล้วผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายอย่างแล้วพิสูจน์กึ๋นตัวเองมาเรียบร้อยคือธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ธีรชัยอดีตเป็นรองผู้ว่าแบงก์ชาติ อยู่ฝ่ายควบคุมมาก่อนเรื่องการเงิน สองไปเป็นเลขากลต. อยู่ตลาดทุนเขาครบหมดเลยเพราะตลาดทุนมันรวมถึงภาพเอกชนหมดทุกอย่างไง สามที่สำคัญที่สุดเขาเป็นคนที่ออกมาสู้เรื่องพลังงาน เพราะฉะนั้นเขามีลักษณะที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่เหมาะจะเป็นคลังมากที่สุด พี่ดูตัวในประเทศไทยแล้ว เหลือธีรชัยคนเดียว แล้วเขาเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด รวดเร็ว กล้าตัดสินใจ เขาอยู่แบงก์ชาติเขารู้หมดนี่แบงก์เป็นยังไง"

เถ้าแก่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "ถ้าประยุทธ์หยุดคิดสักนิดหนึ่งแล้วหันมาดูเศรษฐกิจว่าใช้คนผิดหรือเปล่า ผิดเพราะสมคิดนี่เป็นนายหน้าของนายทุนหมดเลยไม่ว่าจะเป็นซีพี ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยเจริญ ไม่ว่าจะเป็น จิราธิวัฒน์ ทุนใหญ่นี่สมคิดคือตัวแทนนายหน้า ทำงานทุกอย่างเพื่อทุน สมคิดนี่ควรที่จะออกมาเช่นได้ข่าวว่าปตท.จะเริ่มขายหมูปิ้ง ข้าวเหนียวสมคิดต้องบอกปตท.ให้หยุดคุณจะไปทำลายคนที่ทำมาหากินหาเช้ากินค่ำได้อย่างไร ตรงนี้สมคิดกลับมองไม่เห็นมองว่าเข้าซีพีดีกว่าเข้าปตท.แล้วสมคิดก็ไม่สามารถลงไปแก้ปัญหาพลังงานได้ เพราะวันนี้ปัญหาพลังงานยังไม่มีใครลงไปแก้ทั้งระบบ ยังปล่อยให้ปตท.ยังปล่อยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นเจ้าแห่งพลังงาน กำหนดทิศทางของพลังงานซึ่งไม่ใช่ เพราะพวกนี้เป็นพวกหวงอำนาจตัวเองเคยชินกับการผลิตไฟฟ้าสร้างโรงไฟฟ้าแล้วพวกนี้ไปเข้าใจตัวเองผิด ว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มาว่าต้องรับผิดชอบเรื่องไฟฟ้าในประเทศไทย พวกนี้เข้าใจผิดเลยนะ ไม่มีพวกผมทำประเทศไทยมีไฟฟ้าได้อย่างไร เพราะฉะนั้นพวกผมทำพวกผมจะสร้างเขื่อนอย่างเดียว สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถ่านหินทุกอย่าง พวกนี้เป็นพวกเข้าใจผิดว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มานี่คือปัญหาใหญ่ของชาติซึ่งตรงนี้ประยุทธ์ไม่รู้เรื่อง ประยุทธ์ฟังฝ่ายนั้นฝ่ายเดียวแล้วบอกเอาเถียงกันนั่งคุยกันใช้วิธีนี้วิธีเดียวซึ่งถ้าเป็นนายกฯที่กล้าตัดสินใจต้อง เข้าใจข้อมูลและเชื่อข้อมูลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วฟังธงไปเลย"

"คืออย่างนี้ปตท.นี่ต้องถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลถือหุ้นเกิน 50 เปอร์เซนต์ เมื่อเป็นรัฐวิสาหกิจแล้วมิสชั่นของปตท.ที่มีมาดั้งเดิมคืออะไร ต้องชัดเจนตรงนั้น เมื่อมิสชั่นมาคือต้องรักษาเสถียรภาพของพลังงานในราคาที่ถูกให้ประชาชนใช้พลังงานในราคาที่ถูกตรงนี้ มันต้องยืนตรงนี้ ไม่ใช่ปตท.มาอ้างว่าตอนนี้ธุรกิจน้ำมันมันกำไรน้อยลง มันก็เลยย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์คุณเข้าไปทำไม เพื่ออะไร สรุปแล้วคุณเข้าไปเพื่อทำมาหากินใช่มั้ยเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นเท่านั้นใช่มั้ย แล้วคนที่ได้49เปอร์เซนต์คือเอกชน นอมินีของนักการเมือง 51เปอร์เซนต์ของรัฐบาลเพราะฉะนั้นแล้วนี่คุณก็จากเดิมที่คุณไปคิดราคาน้ำมันแพงคุณฆ่าคนใช้น้ำมันวันนี้น้ำมันราคามันตกลงมาคุณคิดแพงแบบเดิมไม่ได้ คุณก็เริ่มจะมาฆ่ารากหญ้า เพราะฉะนั้นปตท.คือฆาตกรที่อำมหิตและโหดเหี้ยมที่สุด แล้วยังมีเรื่องการผูกขาดโรงงานขยะที่กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบประยุทธ์ก็ยังไม่ลงไปแตะเหตุผลก็เพราะคนที่คุมคือรุ่นพี่ตัวเองพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วปรากฎว่าลูกชายของพล.อ.อนุพงษ์มีบทบาท

สนธิ (ลิ้ม) แฉ ประยุทธ์ หักหลัง ประวิทย์ ซบตักป๋า จริง!!!

สนธิชื่นชมบทบาทที่เปลี่ยนไปของประยุทธ์แต่แนะแก้จุดอ่อนเรื่องเศรษฐกิจ
เช้าวันศุกร์หลังเถ้าแก่ผ่านพ้นจากคดีในศาลฎีกาจากการลุกขึ้นมาต่อสู้กับทักษิณไปอีกเปลาะหนึ่ง เรากินข้าวเช้ากันและคุยกันถึงความเป็นไปในบ้านเมืองเฉกเช่นปกติ ตอนหนึ่งเถ้าแก่สนธิก็พูดขึ้นมาว่า "ประยุทธ์วันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆแล้ว"ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า

"สองปีแรกที่ขึ้นมาเป็นสองปีแรกที่ไม่แน่ใจ แล้วคนที่ทำให้ประยุทธ์ต้องเป็นอย่างนี้นี่นะ มีอิทธิพลทำให้ประยุทธ์เปลี่ยนความคิดแล้วประยุทธ์เดินหน้าไปอย่างนี้นี่ก็คือไพบูลย์ คุ้มฉายา เพราถ้าไม่มีไพบูลย์ คุ้มฉายา ประยุทธ์จะโดนประวิตรครอบงำตลอด ทุกเรื่องเลย ประยุทธ์เป็นคนซึ่งคิดอะไรง่ายๆสั่งการให้ทุกคนทำ ลักษณะเป็นผู้บัญชาการทหารบก เอ้ย ไปจัดการเรื่องนี้ เอ้ยไปจัดการหน่อย แต่การสั่งการให้คนทำในยุคที่ประยุทธ์ขึ้นมานี่ คนที่รับงานต่อไปนี่ไม่มีความสามารถ มีไพบูลย์อยู่คนเดียวที่อยู่กระทรวงยุติธรรมแล้วไพบูลย์เนี่ยก็ใช้กฎหมายเดินหน้า ไพบูลย์ก็โชคดีที่ไพบูลย์มีชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ชัยยะเป็นคนทำทุกเรื่องให้ไพบูลย์ ไพบูลย์ก็ทำเรื่องสำเร็จ พอแต่ละเรื่องทำสำเร็จปังปั๊บเนี่ย มันก็เหมือนปลดโซ่ตรวนของประยุทธ์ออกทีละข้อทีละข้อ เพราะก่อนหน้านั้นประยุทธ์ยังมีลักษณะปรองดองกับทักษิณ แต่พอปลดโซ่ตรวนออกปังปั๊บก็เอาดาบใส่มือให้ประยุทธ์ก็คือว่า หนีไม่ได้แล้วตอนนี้ต้องชนกับทักษิณแล้วนะเข้าใจมั้ย ใส่โซ่ตรวนการปรองดองออกแต่ใส่ดาบการปะทะกันเข้าไปแทนแล้ว นั่นคือที่มาตั้งแต่ถอดยศทักษิณแล้วเห็นมั้ย"เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบอึกหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

"สังเกตตอนแรกที่ชัยยะทำเรื่องถอดยศทักษิณ ประยุทธ์ยังชักเข้าชักออกนะ ยังไม่ชนเต็มตัวนะ ชัยยะพูดได้เลยเป็นตัวแปรสำคัญมาก มาช่วงหลังเนี่ยพอในที่สุดแล้วนี่เลขาปปง.คนเก่านี่พ.ต.อ.สีหนาทเนี่ยมันสนิทกับคุณหญิงอ้อ เพราะฉะนั้นสังเกตอย่างในยุคสีหนาท สีหนาทจะไม่ทำเรื่องอะไรก็ตามที่จะไปกระทบกระเทือนฝ่ายพรรคเพื่อไทยหรือคุณหญิงอ้อหรือทักษิณ ก็เลยทำให้ลักษณะประยุทธ์คล้ายๆว่าเอ้ยมึงเป็นเลขาปปง.ทำไมไม่ทำ เขาสั่งไปแล้วไงว่าให้ทำแล้วไม่ทำ คือลักษณะประยุทธ์จะเป็นอย่างนี้เขาไม่ลงรายละเอียดเขาไม่ทำเอง เอ้ยไปจัดการนะ แต่พอไม่จัดการประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำยังไง เข้าใจหรือเปล่า เผอิญจังหวะธรรมะจัดสรรตำแหน่งของไอ้สีหนาทมันหมดเทอมมันหมด ต้องเอาตัวใหม่ขึ้นมา สีหนาทมันวางแผนถึงขนาดจะมีการคัดสรรนะ เอากรรมการคัดสรรเพื่อมีเลขาปปง.ใหม่วางแผนไว้เรียบร้อยเลยนะ เตรียมที่จะเอาคนทางสายของพรรคเพื่อไทย ทักษิณ คุณหญิงอ้อขึ้นมาอีกที แต่เหมือนกับประยุทธ์รู้ทัน และไพบูลย์คงจะไปบอกประยุทธ์ ประยุทธ์ก็เลยตัดสินใจใช้มาตรา 44 แต่ก่อนจะใช้มาตรา44นี่ ประยุทธ์รู้ว่าชัยยะนี่เป็นน้องของเรา คำแรกที่ประยุทธ์พูดกับไพบูลย์ว่า เอ้ยนี่มันเด็กสนธินี่ ใช่มั้ย ไพบูลย์เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาบอกจะเด็กของใครไม่สำคัญหรอกสำคัญคนนี้ทำงานได้ ใช่มั้ย แล้วชัยยะก็เป็นคนตรงไปตรงมา"เถ้าแก่เล่ายาวก่อนจะพูดต่อ
"ประยุทธ์ก็เลยขอพบ ชัยยะก็บอกว่าผมนี่เป็นน้องพี่สนธิเค้า อยู่กันมา30กว่าปีแล้วเขาเป็นคนดีเขาไม่เคยทำชั่วอะไร ทำไมผมจะคบเขาไม่ได้ ถ้าท่านไม่สบายใจผมเซ็นใบลาออกให้ล่วงหน้าเลย แต่ถ้าท่านใช้ต้องอย่าระแวง ประยุทธ์เขาชอบความเป็นนักเลงแบบนี้ ก็เลยในที่สุดคำว่าคนของสนธิก็เลยหมดไป ซึ่งชัยยะขึ้นประวิตรไม่ต้องการ เพราะประวิตรเขาวางสายคนของเขานี่ ตั้งแต่อธิบดีดีเอสไอจะเอาคนของเขาไปนั่งแต่ว่าไพบูลย์กั๊กวิธีการไม่ต้องการให้ประวิตรส่งคนเข้ามาไพบูลย์ก็เลยตั้งคนในดีเอสไอที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตอนนั้นมารักษาการ คือให้คนข้างในขึ้นไม่ให้คนนอกเข้ามานี่คือวิธีการที่เขาสู้กัน แล้วก็แลกกันการที่ไพบูลย์สนับสนุนชัยยะขึ้นมาหรือจะทำไรก็ตามนี่ต้องแรกกับการที่ประวิตรจะเอาญาติขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นั่นคือที่มาของปฏิคม เหลืออีก3เดือนเกษียณก็ยังเป็นอธิบดี ไพบูลย์ก็ให้ไปเพื่อแลกกัน"

เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้งแล้วเล่าต่อ "พอชัยยะขึ้นมาปังปั๊บเนี่ย ชัยยะขึ้นมา3เดือนเนี่ยผลงานออกมาเป็นชุดเลย นี่คือสิ่งที่ประยุทธ์อยากให้ข้าราชการประจำทำตามคำสั่ง พอแล้วประยุทธ์ก็บอกผมให้เข้าทำนี่ ก็ทำตามกฎหมายเขาผิดตรงไหน แต่ถ้าไม่ทำนี่ประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยเป็นครั้งแรกที่เจออดีตตำรวจกล้าตัดสินใจเดินหน้าลุยชนทุกเรื่อง อิทธิพลมีไม่มีไม่สนใจทำให้เห็น จนกระทั่งพวกทักษิณเป๋ไปหมดเลย ทักษิณเป๋ไปหมดเลย ประยุทธ์โซ่ตรวนที่ถูกประวิตรครอบงำก็เลยหลุดหมดเหลือแต่ดาบที่อยู่ในมือ ตอนนี้นี่ชัยยะเป็นดาบอาญาสิทธิ์ของประยุทธ์ แล้วไพบูลย์อีกคนหนึ่ง มันก็เลยทำให้ประยุทธ์รู้สึกว่าเอ้ยถึงเวลาแล้ว ประยุทธ์ก็เริ่มแรงกับทักษิณทีละนิดทีละนิดสังเกตมั้ย ไม่เหมือนกับสมัยก่อนนะ เดี๋ยวนี้มีการไอ้ลูกหมานึกออกมั้ย พูดง่ายๆว่าเริ่มมีความมั่นใจแล้ว ที่ผ่านมาตัวเองไม่ใช่กลัว แต่ตัวเองขาดขุนพลไง เผอิญประยุทธ์มีครบแล้วตอนนี้มีไพบูลย์มีนั่น ขาดอยู่อย่างเดียวเท่านั้นเองคือทำยังไงให้กองทัพมันสงบ ในที่สุดก็เป็นที่มาของพล.อ.เฉลิมชัย ซึ่งเป็นฝ่ายวงศ์เทวัญ เป็นหมวกแดง การที่เฉลิมชัยมาครั้งนี้ก็เท่ากับว่าประยุทธ์จับมือกับป๋า เพราะไม่งั้นบูรพาพยัคฆ์ก็จะสืบทอดอำนาจต่อเพราะวางคนไว้หมดแล้ว เท่ากับตัดตอนบูรพาพยัคฆ์เลย จากนี้ไปสองสามรุ่นวงศ์เทวัญตลอด บูรพาพยัคฆ์ลืมไปได้เลยซึ่งประวิตรวางตัวพิสิษฐ์ เสธ.ทบ.ขึ้นปรากฎว่าเถียงกันหนักหน้าสาหัสสากรรจ์ในที่สุดประยุทธ์ชนะ ป๋านี่มีสิทธิ์มีส่วนมาก อิทธิพลป๋าสูงมาก เพราะฉะนั้นจากการไม่เปิดบ้านให้ กลายเปิดบ้าน ตัวผบ.ทบ.คนใหม่แสดงตัวว่าอยู่ข้างป๋าชัดเจน วันที่ที่ป๋าจัดคอนเสิร์ตไปเลยคนเดียวเลยนะ ไปยืนกับป๋าเลยนะ ตรงนี้ทำให้วันนี้เราเห็นภาพใหม่แล้ว บรรยากาศอึมครึมในเรื่องทหารหมดแล้ว วันนี้ที่น่าสนใจก็คือว่าประวิตรจะถอยแค่ไหน หรือประวิตรจะยอมรับสภาพแล้วต้องเล่นเกมต่อตามที่ประยุทธ์หรือสังคมหรือป๋ากำหนดให้เล่น แต่พี่มองแล้วประวิตรไม่มีหนทางสู้ประยุทธ์เลยตอนนี้ วิษณุออกมาลุยเรื่องปฏิรูปตำรวจแล้วเห็นมั้ย วิษณุนะลุยแล้วนะบอกทำเสร็จภายในปีนี้ 4 ข้ออะไรบ้าง อาวุโส หมายความว่าไงหมายความว่าจากนี้ไป เด็กของพัชรวาทเด็กของประวิตรพวกนี้เอามาฝากเอามายัดตรงโน้นตรงนี้ไม่ได้แล้วนะ ต้องอาวุโสอย่างเดียวแล้วนะก็เท่ากับว่า ในอดีตมีการซื้อขายตำแหน่งกันมาก เยอะมากเลย เขาก็เลยบอกว่าจากนี้แต่งตั้งอาวุโสอย่างเดียว ไม่มีสมัยก่อนอาวุโส 33 เปอร์เซนต์ ความสามารถ 33 เปอร์เซนต์ แล้วความเหมาะสมอีก33เปอร์เซนต์ ดังนั้นถ้ามี30คนตำแหน่งว่าง มีอาวุโสอยู่ร้อยคนได้ขึ้นแค่30คน อีก70คนวิ่งเต้นกันหมดนี่คือที่มาของการข้ามหัวคนไง แล้วการซื้อตำแหน่ง นี่สะท้อนให้เห็นการที่ประวิตรไม่ยอมปฏิรูปตำรวจ เห็นมั้ยว่าเกมออกมาแต่ละเกมเป็นเกมข้างบนทั้งนั้นเลย แล้วเมื่อวานนี้ที่จำคุกหมอเลี๊ยบเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมากไปยังทักษิณ ให้รู้ว่าน้องสาวมึงไม่หรอก เพราะฉะนั้นทักษิณมีทางเดียวคือต้องเอาน้องสาวหนี เพราะพิพากษามาแล้วถ้าผิดยายปูอาจโดนประมาณ12ปี เผลอๆอาจจะมากกว่านี้สุดแล้วแต่เขาคิดยังไง บุญทรงโดนแน่นอนโดนหมด แต่ว่ายิ่งลักษณ์นี่ทักษิณต้องเอายิ่งลักษณ์หนี ต้นปีหน้านี่น่าจะพิพากษาแล้ว จากนี้ไปจนถึงต้นปีช่วงไหนหนีได้หนีแล้ว แล้วถ้าจะหนีในขณะนี้จะหนีทางชายแดนภาค5เชียงใหม่เชียงรายน่าน เพราะผู้บัญชาการภาค5คนปัจจุบันสนิทกับเยาวภา วงศ์สวัสดิ์มาก"เถ้าแก่พูดถึงตรงนี้แล้วนิ่งเงียบปล่อยให้บนโต๊ะออกความเห็นก่อนจะพูดต่อว่า

"พี่มองว่าประยุทธ์พอปลดแอกแล้วมีคนทำงานให้แต่เขายังพลาดอยู่เรื่องเดียว เขาไม่เก่งเศรษฐกิจ เขาเลยต้องพึ่งสมคิด จุดอ่อนของประยุทธ์ตอนนี้คือเศรษฐกิจ สมคิดทำเละหมดเลย คือประยุทธ์น่าเสียดายมากไม่รู้เรื่องนี้ โดนสมคิดกล่อมเสียจนเชื่อสมคิดหารู้ไม่ว่าสิ่งที่สมคิดทำนี่ คือการทำลายรากฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศไทยให้เจ๊งฉิบหายหมดเลย สมคิดมันทำเพื่อทุนอย่างเดียวเท่านั้นเอง คือน่าเห็นใจเขา เขาไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลยนะ แล้วสมคิดนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบรนด์ดิ้งนะ สมคิดไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์คนนี่เข้าใจสมคิดผิดหมดเลยนะ สมคิดนี่เรียนจบมาทางแบรนด์ดิ้ง เชี่ยวชาญที่ทำอย่างไรที่จะโปรโมทอิมเมจของตัวเอง เน้นแบรนด์ดิ้งตลอด เป็นคนพูดเก่งแต่โอเปอเรชั่นใช้ไม่ได้เลย เพราะคนไม่เคยเข้าใจโอเปอเรชั่น จำไว้อย่างนะพี่เคยพูดหนึ่งถ้ายูเอาคนที่เคยเป็นอดีตนายแบงก์มาเป็นรัฐมนตรีคลังนะ เจ๊งทุกที เพราะมันมองปัญหาคลังแบบการเงิน เหมือนกับยูเอาหมอมาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ยูต้องเอาคนที่ เรียนทางด้าน public health สาธารณสุขศาสตร์มาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะว่าหมอเป็นแค่ส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขเข้าใจมั้ย เหมือนกันการคลังยูต้องเอาคนซึ่งมีภาพกว้าง แล้วต้องเป็นคนที่เข้าใจตลาดทุนด้วยอย่างลึกซึ้ง คนที่เหมาะที่สุดในสายตาของพี่ที่จะเป็นรัฐมนตรีคลังนะ แล้วผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายอย่างแล้วพิสูจน์กึ๋นตัวเองมาเรียบร้อยคือธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ธีรชัยอดีตเป็นรองผู้ว่าแบงก์ชาติ อยู่ฝ่ายควบคุมมาก่อนเรื่องการเงิน สองไปเป็นเลขากลต. อยู่ตลาดทุนเขาครบหมดเลยเพราะตลาดทุนมันรวมถึงภาพเอกชนหมดทุกอย่างไง สามที่สำคัญที่สุดเขาเป็นคนที่ออกมาสู้เรื่องพลังงาน เพราะฉะนั้นเขามีลักษณะที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่เหมาะจะเป็นคลังมากที่สุด พี่ดูตัวในประเทศไทยแล้ว เหลือธีรชัยคนเดียว แล้วเขาเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด รวดเร็ว กล้าตัดสินใจ เขาอยู่แบงก์ชาติเขารู้หมดนี่แบงก์เป็นยังไง"

เถ้าแก่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "ถ้าประยุทธ์หยุดคิดสักนิดหนึ่งแล้วหันมาดูเศรษฐกิจว่าใช้คนผิดหรือเปล่า ผิดเพราะสมคิดนี่เป็นนายหน้าของนายทุนหมดเลยไม่ว่าจะเป็นซีพี ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยเจริญ ไม่ว่าจะเป็น จิราธิวัฒน์ ทุนใหญ่นี่สมคิดคือตัวแทนนายหน้า ทำงานทุกอย่างเพื่อทุน สมคิดนี่ควรที่จะออกมาเช่นได้ข่าวว่าปตท.จะเริ่มขายหมูปิ้ง ข้าวเหนียวสมคิดต้องบอกปตท.ให้หยุดคุณจะไปทำลายคนที่ทำมาหากินหาเช้ากินค่ำได้อย่างไร ตรงนี้สมคิดกลับมองไม่เห็นมองว่าเข้าซีพีดีกว่าเข้าปตท.แล้วสมคิดก็ไม่สามารถลงไปแก้ปัญหาพลังงานได้ เพราะวันนี้ปัญหาพลังงานยังไม่มีใครลงไปแก้ทั้งระบบ ยังปล่อยให้ปตท.ยังปล่อยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นเจ้าแห่งพลังงาน กำหนดทิศทางของพลังงานซึ่งไม่ใช่ เพราะพวกนี้เป็นพวกหวงอำนาจตัวเองเคยชินกับการผลิตไฟฟ้าสร้างโรงไฟฟ้าแล้วพวกนี้ไปเข้าใจตัวเองผิด ว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มาว่าต้องรับผิดชอบเรื่องไฟฟ้าในประเทศไทย พวกนี้เข้าใจผิดเลยนะ ไม่มีพวกผมทำประเทศไทยมีไฟฟ้าได้อย่างไร เพราะฉะนั้นพวกผมทำพวกผมจะสร้างเขื่อนอย่างเดียว สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถ่านหินทุกอย่าง พวกนี้เป็นพวกเข้าใจผิดว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มานี่คือปัญหาใหญ่ของชาติซึ่งตรงนี้ประยุทธ์ไม่รู้เรื่อง ประยุทธ์ฟังฝ่ายนั้นฝ่ายเดียวแล้วบอกเอาเถียงกันนั่งคุยกันใช้วิธีนี้วิธีเดียวซึ่งถ้าเป็นนายกฯที่กล้าตัดสินใจต้อง เข้าใจข้อมูลและเชื่อข้อมูลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วฟังธงไปเลย"

"คืออย่างนี้ปตท.นี่ต้องถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลถือหุ้นเกิน 50 เปอร์เซนต์ เมื่อเป็นรัฐวิสาหกิจแล้วมิสชั่นของปตท.ที่มีมาดั้งเดิมคืออะไร ต้องชัดเจนตรงนั้น เมื่อมิสชั่นมาคือต้องรักษาเสถียรภาพของพลังงานในราคาที่ถูกให้ประชาชนใช้พลังงานในราคาที่ถูกตรงนี้ มันต้องยืนตรงนี้ ไม่ใช่ปตท.มาอ้างว่าตอนนี้ธุรกิจน้ำมันมันกำไรน้อยลง มันก็เลยย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์คุณเข้าไปทำไม เพื่ออะไร สรุปแล้วคุณเข้าไปเพื่อทำมาหากินใช่มั้ยเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นเท่านั้นใช่มั้ย แล้วคนที่ได้49เปอร์เซนต์คือเอกชน นอมินีของนักการเมือง 51เปอร์เซนต์ของรัฐบาลเพราะฉะนั้นแล้วนี่คุณก็จากเดิมที่คุณไปคิดราคาน้ำมันแพงคุณฆ่าคนใช้น้ำมันวันนี้น้ำมันราคามันตกลงมาคุณคิดแพงแบบเดิมไม่ได้ คุณก็เริ่มจะมาฆ่ารากหญ้า เพราะฉะนั้นปตท.คือฆาตกรที่อำมหิตและโหดเหี้ยมที่สุด แล้วยังมีเรื่องการผูกขาดโรงงานขยะที่กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบประยุทธ์ก็ยังไม่ลงไปแตะเหตุผลก็เพราะคนที่คุมคือรุ่นพี่ตัวเองพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วปรากฎว่าลูกชายของพล.อ.อนุพงษ์มีบทบาท

สุดยอด เสก โลโซ จากร็อกสตาร์ สู่นักธุรกิจ 'โลโซ โฮลดิ้ง'

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression

ASIAN HUMAN RIGHTS COMMISSION - URGENT APPEALS PROGRAMME


Urgent Appeal Case: AHRC-UAC-105-2016


29 August 2016

---------------------------------------------------------------------

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression

ISSUES: Administration of justice; arbitrary arrest; freedom of expression; military

---------------------------------------------------------------------

Dear Friends,

The Asian Human Rights Commission (AHRC) has received updated information regarding three young activists, one local land rights defender, and two human rights documentation officers from Thai Lawyers for Human Rights (TLHR), who have been summoned for charges after organizing a constitution related event in the Northeast of Thailand. According to TLHR, all six of them were accused of violating the Head of the NCPO Order No. 3/2015, which bans a political gathering of five persons or more.

CASE NARRATIVE: (Based on the documentation by TLHR)

On 31 July 2016, student activists held a public discussion called 'Talk for Freedom on the Draft Constitution', prior to the August 7 Constitutional Referendum Day, at Khon Kaen University in Khon Kaen, northeastern province of Thailand. Despite many attempts to stop the event by authorities, including threats of filing legal actions against the organizers, the activists continued holding the discussion which took place with a strong presence of uniformed and plainclothed military and police.

On 17 August 2016, police issued summons to six individuals including three young activists, one local land rights defender, and two human rights documentation officers from Thai Lawyers for Human Rights (TLHR). The summons indicated that the police called them to report for charges of violating the Head of the National Council for Peace and Order (NCPO) Order No. 3/2015 (a ban on political of five persons or more). They will report themselves as summoned on 31 August 2016, 10:00, at Khon Kaen Police Station.

One of the six is Mr. Jatupat Boonpattararaksa (aka. Pai), prominent young activist of the Dao Din student activists in the Northeast and member of the New Democracy Movement (NDM), who was recently released on bail from 18 days in detention, with 13 days of hunger strike in two different cases relating to his exercise of peaceful assembly. Mr. Jatupat Boonpattararaksa and the other two student activists, Mr. Chatmongkol Jenchiewchan and Mr. Narongrit Oopachan, have worked closely with local communities in various northeastern provinces, particularly on protecting their community rights and advocating for human rights and social justice. In addition, Ms. Duangthip Karnrit and Ms. Neeranuch Niemsub, the two TLHR staff and Ms. Nutthapon Ardharn, local land rights defender, were summoned for the charges even though they were there to only observe the activity, and clearly identified themselves to the officers in the field.

If indicted, the six human rights defenders will be tried in a military court and shall face up to six months of imprisonment or a fine not exceeding 10,000 Baht (approx. USD 285).

According to Pol.Maj. Chirattikul Charatkamolpong, inquiry officer of Khon Kaen Police Station, the summons dated 11 August 2016 was sent to the six human rights defenders for charges of violation the Head of the NCPO Order No. 3/2015 which bans a political gathering of five persons or more. The summons ordered them to report to police on 18 August 2016. However, Mr. Jatupat Boonpattararaksa was then detained at a prison in Phu Khiao District of Chaiyaphum province on charges against the Constitutional Referendum Act for allegedly distributing the Vote-No leaflets to public on 6 August 2016 (For more information, please follow this link http://www.humanrights.asia/news/urgent-appeals/AHRC-UAC-099-2016). Therefore, lawyers from TLHR requested a postponement to 31 August 2016, 10:00, at the Khon Kaen Police Station.

The six will hear details of charges and accusations against them only when they report to the police.

Before the activity on July 31 took place, the authorities including the Khon Kaen University had tried to stop it by threatening the student activists with legal actions under the Referendum Act, the offence of trespassing into a public premise, the NCPO's ban on political gathering, and even the Public Assembly Act, which does not apply to an assembly in an educational institution.

ADDITIONAL INFORMATION:

The following are the names and short profiles of the six human rights defenders:

1. Mr. Jatupat Boonpattaraksa (Pai), 25 years old, law student, Khon Kaen University, member of the Dao Din and the E-san New Democracy Movement (NDM) 

Background: He joined the Dao Din student activist group in 2010, when studying law at Khon Kaen University, Faculty of Law. The Dao Din and he have been working closely with several groups of community-based human rights defenders, for instance the Khon Rak Baan Kerd (KRBK), a community-based campaign against gold-mining in Loei province, the community-based campaign against potash mining and the Baan Lao Klue village campaign against a high-voltage electric project in Udon Thani province. His activism has continued to be one tightly linked to community-based struggles for social justice such as joining communities campaigning against the noise and air pollution by a tapioca factory on Nampong district, Khon Kaen province. In 2013, the Dao Din student group was awarded 'Role Model of the Youth Award' for having contributed to the development of humanity. The award was awarded by the Channel 9 (OMCT) programme, 'People Searching about Other People'. After the 2014 coup, Jatupat has continued his struggle for justice and democracy with the Dao Din and the New Democracy Movement (NDM). He has been facing four cases, all related to freedom of expression and freedom of assembly, including charges of sedition, violating the junta's ban on political gathering from protesting against the junta and military regime, violating the Referendum Act for campaigning to reject the junta constitution.

2. Mr. Chatmonkol Jenchiawchan, 20 years old, law student, Khon Kaen University, member of the Dao Din 

Background: Starting with the Dao Din and previously has participated in the 'Walk for Right' for the people in E-san helping as a security guard to ensure safety of the marchers. He has made comments during a public seminar voicing his opposition to the arrests made against critics of the Draft Constitution. The seminar "Getting to know the Draft Constitution for a proper referendum voting" was organized by the Constitutional Drafting Committee (CDC) at the Faculty of Law, Khon Kaen University. After making the comment and while leaving the room, he was apprehended by military officials who asked to have a talk with him.

3. Mr. Narongrit Oopachan, 21 years old, student of the Faculty of Humanities and Social Science, Khon Kaen University, member of the New Generation Civic Group and Mekong Study Group 

Background: He volunteers with the Mekong Study Group while studying in university. An independent group, the Mekong Study Group has been involved with the campaign on community rights work and human rights violation in the provinces of Udonthani, Nong Khai and Sakon Nakhon, where large scale potash mining has been vehemently pushed for. As a member of the New Generation Civic Group, he has been involved with organizing political activities including the "speak for freedom" event jointly organized with the E-san New Democracy Movement (NDM).

4. Ms. Nutthapon Ardharn, 34 years old, a member of the New E-san Group and volunteer of the Center for Human Rights Law for Society 

Background: Graduated with a masters degree from the Faculty of Journalism and Mass Communication, Thammasat University, she has started her work as coordinator of public forum program for the Thai PBS. Quitting her job, she returned to her hometown in Kalasin and has since been keen on monitoring impact from petroleum exploration. She has helped to organize local villagers and they have formed a conservation group to monitor the situation in many areas.

5. Ms. Duangthip Karnrit, 29 years old, at present a documentation staff member of the Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) 

Background: She has started her work with Green peace Thailand helping with fundraising and raising public awareness on impact from coal and nuclear energy and stimulating their interest in clean and alternative energy. She later joined the People's Information Center (PIC) documenting about people who have been affected by the crackdown in 2010.

6. Ms. Neeranuch Niamsub, 47 years old, at present a documentation staff member of the Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) 

Background: After obtaining her bachelor degree, she has started working with slum community in Klong Toey, Bangkok Port area, with Dung Pratheep Foundation to promote child care center in the shanty town of the capital city. She has also worked with community based organizations to demand the right to housing. Then, she has returned to live as a farmer in the Northeast continuing to work with local NGOs there and community based organizations on local wisdom. After the crackdown of the Red Shirt demonstrations in 2010, she has got to visit many of them who were incarcerated and their families as they were convicted for committing arson on the Provincial Hall of Mukdahan. They were helped to gain better access to the rights in judicial process. She has been involved with documentation and reporting of information of the impacts of the 2010 crackdown while helping the People's Information Center (PIC).

SUGGESTED ACTION:

Please write letters to the authorities below, asking them to immediately withdraw the case and end any ongoing investigation into the six human rights defenders.

Please note that the Asian Human Rights Commission is writing a separate letter to the UN Special Rapporteur on the promotion and protection of the right to freedom of opinion and expression and seeking his urgent intervention into this matter.


To support this case, please click here: 

SAMPLE LETTER:

Dear ___________,

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression


Name of victim: 1. Mr. Jatupat Boonpattaraksa 2. Mr. Chatmonkol Jenchiawchan 3. Mr. Narongrit Oopachan 4. Ms. Nutthapon Ardharn 5. Ms. Duangthip Karnrit 

6. Ms. Neeranuch Niamsub

Names of alleged perpetrators: Police

Date of incident: 31 July 2016 to the Present

Place of incident: Khon Kaen University in Khon Kaen, northeastern province of Thailand

I am writing to voice my deep concern regarding the act of judicial harassment against student activists and human rights defenders in Thailand. With regard to the July 31 seminar held by three student activists, Mr. Jatupat Boonpattaraksa, Mr. Chatmonkol Jenchiawchan and Mr. Narongrit Oopachan, at Khon Kaen University, I believe they attempted to exercise their rights to freedom of expression and freedom of peaceful assembly by discussing the Draft Constitution in the run-up to the Referendum. In fact, ordinary persons should have been able to freely discuss and criticize the charter before making their decision to accept or reject it.

Furthermore, Ms. Natthapon Ardharn, Ms. Duangthip Karnrit (TLHR) and Ms. Neeranuch Niemsub (TLHR) only monitored the July 31 seminar and had no involvement with the organization team. The two TLHR staff clearly identified themselves with name tags while observing the activities, and identified themselves as observers with the authorities who were in charge of keeping law and order at the venue.

I wish to point out that the legal actions against the activists and observers are not only means to intimidate, harass and punish the human rights defenders individually, but have affected collectively the work of promotion and protection of human rights and freedoms of people. Further, documenting and reporting upon the human rights situation and violations in other provinces of Thailand will be more difficult.

Therefore, I would like to urge the Thai Government and authorities, including the Royal Thai Police, the Attorney General Office, the Judge Advocate General, the NCPO, to drop all charges against the activists and human rights defenders and end all acts of judicial harassment against them and all human rights defenders in Thailand.

Yours Sincerely,

……………….

PLEASE SEND YOUR LETTERS TO:


1. General Prayuth Chan-ocha

Prime Minister

Head of the National Council for Peace and Order

Rachadamnoen Nok Road

Bang Khun Phrom

Bangkok 10200 

THAILAND

Tel: +662 283 4000

Fax: +662 282 5131

Email: panadda_d@opm.go.th

2. Pol. Gen. Chakthip Chaijinda

Commissioner General of the Royal Thai Police 

Rama I Rd, Khwaeng Pathum Wan, 

Khet Pathum Wan, Bangkok 10330

THAILAND

Tel: +662 2516 831

Fax: +662 2053 738

3. Pol.Sub.Lt. Pongniwat Yuthaphunboripahn 

Deputy Attorney General.

The Office of the Attorney General

The Government Complex Commemorating His Majesty the King's 80th Birthday Anniversary 5th December, B.E.2550 (2007), Building B 120 Moo 3

Chaengwattana Road 

Thoongsonghong, Laksi Bangkok 10210 

THAILAND

Tel: +662 142 1444 

Fax: +662 143 9546 

Email: ag@ago.go.th

4. Mr. What Tingsamitr

Chairman of National Human Rights Commission 

The Government Complex Commemorating His Majesty the King's 80th Birthday Anniversary 5th December

B.E.2550 (2007), Building B 120 Moo 3

Chaengwattana Road 

Thoongsonghong, Laksi Bangkok 10210 

THAILAND 

Tel: +662 141 3800, +662 141 3900

E-mail: help@nhrc.or.th

5. Assoc. Prof. Dr. Kittichai Triratanasirichai

The Rector of Khon Kaen University

No.123 Moo 16

Mittraphap Road Nai Meaung sub district, 

Meaug district, 

Khon Kaen province 40000

THAILAND 

Tel: +6643-009700

E-mail:president@kku.ac.th

6. Pol.Maj. Chirattikul Charatkamolpong

Inquiry officer of Khon Kaen Police Station

No. 324 Moo 16 Kanlapaphruek Road 

Meaug district, 

Khon Kaen province 40000

Tel: + 664 323 5095 8

THAILAND

Thank you.


Urgent Appeals Programme 

Asian Human Rights Commission (ua@ahrc.asia)

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression

ASIAN HUMAN RIGHTS COMMISSION - URGENT APPEALS PROGRAMME


Urgent Appeal Case: AHRC-UAC-105-2016


29 August 2016

---------------------------------------------------------------------

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression

ISSUES: Administration of justice; arbitrary arrest; freedom of expression; military

---------------------------------------------------------------------

Dear Friends,

The Asian Human Rights Commission (AHRC) has received updated information regarding three young activists, one local land rights defender, and two human rights documentation officers from Thai Lawyers for Human Rights (TLHR), who have been summoned for charges after organizing a constitution related event in the Northeast of Thailand. According to TLHR, all six of them were accused of violating the Head of the NCPO Order No. 3/2015, which bans a political gathering of five persons or more.

CASE NARRATIVE: (Based on the documentation by TLHR)

On 31 July 2016, student activists held a public discussion called 'Talk for Freedom on the Draft Constitution', prior to the August 7 Constitutional Referendum Day, at Khon Kaen University in Khon Kaen, northeastern province of Thailand. Despite many attempts to stop the event by authorities, including threats of filing legal actions against the organizers, the activists continued holding the discussion which took place with a strong presence of uniformed and plainclothed military and police.

On 17 August 2016, police issued summons to six individuals including three young activists, one local land rights defender, and two human rights documentation officers from Thai Lawyers for Human Rights (TLHR). The summons indicated that the police called them to report for charges of violating the Head of the National Council for Peace and Order (NCPO) Order No. 3/2015 (a ban on political of five persons or more). They will report themselves as summoned on 31 August 2016, 10:00, at Khon Kaen Police Station.

One of the six is Mr. Jatupat Boonpattararaksa (aka. Pai), prominent young activist of the Dao Din student activists in the Northeast and member of the New Democracy Movement (NDM), who was recently released on bail from 18 days in detention, with 13 days of hunger strike in two different cases relating to his exercise of peaceful assembly. Mr. Jatupat Boonpattararaksa and the other two student activists, Mr. Chatmongkol Jenchiewchan and Mr. Narongrit Oopachan, have worked closely with local communities in various northeastern provinces, particularly on protecting their community rights and advocating for human rights and social justice. In addition, Ms. Duangthip Karnrit and Ms. Neeranuch Niemsub, the two TLHR staff and Ms. Nutthapon Ardharn, local land rights defender, were summoned for the charges even though they were there to only observe the activity, and clearly identified themselves to the officers in the field.

If indicted, the six human rights defenders will be tried in a military court and shall face up to six months of imprisonment or a fine not exceeding 10,000 Baht (approx. USD 285).

According to Pol.Maj. Chirattikul Charatkamolpong, inquiry officer of Khon Kaen Police Station, the summons dated 11 August 2016 was sent to the six human rights defenders for charges of violation the Head of the NCPO Order No. 3/2015 which bans a political gathering of five persons or more. The summons ordered them to report to police on 18 August 2016. However, Mr. Jatupat Boonpattararaksa was then detained at a prison in Phu Khiao District of Chaiyaphum province on charges against the Constitutional Referendum Act for allegedly distributing the Vote-No leaflets to public on 6 August 2016 (For more information, please follow this link http://www.humanrights.asia/news/urgent-appeals/AHRC-UAC-099-2016). Therefore, lawyers from TLHR requested a postponement to 31 August 2016, 10:00, at the Khon Kaen Police Station.

The six will hear details of charges and accusations against them only when they report to the police.

Before the activity on July 31 took place, the authorities including the Khon Kaen University had tried to stop it by threatening the student activists with legal actions under the Referendum Act, the offence of trespassing into a public premise, the NCPO's ban on political gathering, and even the Public Assembly Act, which does not apply to an assembly in an educational institution.

ADDITIONAL INFORMATION:

The following are the names and short profiles of the six human rights defenders:

1. Mr. Jatupat Boonpattaraksa (Pai), 25 years old, law student, Khon Kaen University, member of the Dao Din and the E-san New Democracy Movement (NDM) 

Background: He joined the Dao Din student activist group in 2010, when studying law at Khon Kaen University, Faculty of Law. The Dao Din and he have been working closely with several groups of community-based human rights defenders, for instance the Khon Rak Baan Kerd (KRBK), a community-based campaign against gold-mining in Loei province, the community-based campaign against potash mining and the Baan Lao Klue village campaign against a high-voltage electric project in Udon Thani province. His activism has continued to be one tightly linked to community-based struggles for social justice such as joining communities campaigning against the noise and air pollution by a tapioca factory on Nampong district, Khon Kaen province. In 2013, the Dao Din student group was awarded 'Role Model of the Youth Award' for having contributed to the development of humanity. The award was awarded by the Channel 9 (OMCT) programme, 'People Searching about Other People'. After the 2014 coup, Jatupat has continued his struggle for justice and democracy with the Dao Din and the New Democracy Movement (NDM). He has been facing four cases, all related to freedom of expression and freedom of assembly, including charges of sedition, violating the junta's ban on political gathering from protesting against the junta and military regime, violating the Referendum Act for campaigning to reject the junta constitution.

2. Mr. Chatmonkol Jenchiawchan, 20 years old, law student, Khon Kaen University, member of the Dao Din 

Background: Starting with the Dao Din and previously has participated in the 'Walk for Right' for the people in E-san helping as a security guard to ensure safety of the marchers. He has made comments during a public seminar voicing his opposition to the arrests made against critics of the Draft Constitution. The seminar "Getting to know the Draft Constitution for a proper referendum voting" was organized by the Constitutional Drafting Committee (CDC) at the Faculty of Law, Khon Kaen University. After making the comment and while leaving the room, he was apprehended by military officials who asked to have a talk with him.

3. Mr. Narongrit Oopachan, 21 years old, student of the Faculty of Humanities and Social Science, Khon Kaen University, member of the New Generation Civic Group and Mekong Study Group 

Background: He volunteers with the Mekong Study Group while studying in university. An independent group, the Mekong Study Group has been involved with the campaign on community rights work and human rights violation in the provinces of Udonthani, Nong Khai and Sakon Nakhon, where large scale potash mining has been vehemently pushed for. As a member of the New Generation Civic Group, he has been involved with organizing political activities including the "speak for freedom" event jointly organized with the E-san New Democracy Movement (NDM).

4. Ms. Nutthapon Ardharn, 34 years old, a member of the New E-san Group and volunteer of the Center for Human Rights Law for Society 

Background: Graduated with a masters degree from the Faculty of Journalism and Mass Communication, Thammasat University, she has started her work as coordinator of public forum program for the Thai PBS. Quitting her job, she returned to her hometown in Kalasin and has since been keen on monitoring impact from petroleum exploration. She has helped to organize local villagers and they have formed a conservation group to monitor the situation in many areas.

5. Ms. Duangthip Karnrit, 29 years old, at present a documentation staff member of the Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) 

Background: She has started her work with Green peace Thailand helping with fundraising and raising public awareness on impact from coal and nuclear energy and stimulating their interest in clean and alternative energy. She later joined the People's Information Center (PIC) documenting about people who have been affected by the crackdown in 2010.

6. Ms. Neeranuch Niamsub, 47 years old, at present a documentation staff member of the Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) 

Background: After obtaining her bachelor degree, she has started working with slum community in Klong Toey, Bangkok Port area, with Dung Pratheep Foundation to promote child care center in the shanty town of the capital city. She has also worked with community based organizations to demand the right to housing. Then, she has returned to live as a farmer in the Northeast continuing to work with local NGOs there and community based organizations on local wisdom. After the crackdown of the Red Shirt demonstrations in 2010, she has got to visit many of them who were incarcerated and their families as they were convicted for committing arson on the Provincial Hall of Mukdahan. They were helped to gain better access to the rights in judicial process. She has been involved with documentation and reporting of information of the impacts of the 2010 crackdown while helping the People's Information Center (PIC).

SUGGESTED ACTION:

Please write letters to the authorities below, asking them to immediately withdraw the case and end any ongoing investigation into the six human rights defenders.

Please note that the Asian Human Rights Commission is writing a separate letter to the UN Special Rapporteur on the promotion and protection of the right to freedom of opinion and expression and seeking his urgent intervention into this matter.


To support this case, please click here: 

SAMPLE LETTER:

Dear ___________,

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression


Name of victim: 1. Mr. Jatupat Boonpattaraksa 2. Mr. Chatmonkol Jenchiawchan 3. Mr. Narongrit Oopachan 4. Ms. Nutthapon Ardharn 5. Ms. Duangthip Karnrit 

6. Ms. Neeranuch Niamsub

Names of alleged perpetrators: Police

Date of incident: 31 July 2016 to the Present

Place of incident: Khon Kaen University in Khon Kaen, northeastern province of Thailand

I am writing to voice my deep concern regarding the act of judicial harassment against student activists and human rights defenders in Thailand. With regard to the July 31 seminar held by three student activists, Mr. Jatupat Boonpattaraksa, Mr. Chatmonkol Jenchiawchan and Mr. Narongrit Oopachan, at Khon Kaen University, I believe they attempted to exercise their rights to freedom of expression and freedom of peaceful assembly by discussing the Draft Constitution in the run-up to the Referendum. In fact, ordinary persons should have been able to freely discuss and criticize the charter before making their decision to accept or reject it.

Furthermore, Ms. Natthapon Ardharn, Ms. Duangthip Karnrit (TLHR) and Ms. Neeranuch Niemsub (TLHR) only monitored the July 31 seminar and had no involvement with the organization team. The two TLHR staff clearly identified themselves with name tags while observing the activities, and identified themselves as observers with the authorities who were in charge of keeping law and order at the venue.

I wish to point out that the legal actions against the activists and observers are not only means to intimidate, harass and punish the human rights defenders individually, but have affected collectively the work of promotion and protection of human rights and freedoms of people. Further, documenting and reporting upon the human rights situation and violations in other provinces of Thailand will be more difficult.

Therefore, I would like to urge the Thai Government and authorities, including the Royal Thai Police, the Attorney General Office, the Judge Advocate General, the NCPO, to drop all charges against the activists and human rights defenders and end all acts of judicial harassment against them and all human rights defenders in Thailand.

Yours Sincerely,

……………….

PLEASE SEND YOUR LETTERS TO:


1. General Prayuth Chan-ocha

Prime Minister

Head of the National Council for Peace and Order

Rachadamnoen Nok Road

Bang Khun Phrom

Bangkok 10200 

THAILAND

Tel: +662 283 4000

Fax: +662 282 5131

Email: panadda_d@opm.go.th

2. Pol. Gen. Chakthip Chaijinda

Commissioner General of the Royal Thai Police 

Rama I Rd, Khwaeng Pathum Wan, 

Khet Pathum Wan, Bangkok 10330

THAILAND

Tel: +662 2516 831

Fax: +662 2053 738

3. Pol.Sub.Lt. Pongniwat Yuthaphunboripahn 

Deputy Attorney General.

The Office of the Attorney General

The Government Complex Commemorating His Majesty the King's 80th Birthday Anniversary 5th December, B.E.2550 (2007), Building B 120 Moo 3

Chaengwattana Road 

Thoongsonghong, Laksi Bangkok 10210 

THAILAND

Tel: +662 142 1444 

Fax: +662 143 9546 

Email: ag@ago.go.th

4. Mr. What Tingsamitr

Chairman of National Human Rights Commission 

The Government Complex Commemorating His Majesty the King's 80th Birthday Anniversary 5th December

B.E.2550 (2007), Building B 120 Moo 3

Chaengwattana Road 

Thoongsonghong, Laksi Bangkok 10210 

THAILAND 

Tel: +662 141 3800, +662 141 3900

E-mail: help@nhrc.or.th

5. Assoc. Prof. Dr. Kittichai Triratanasirichai

The Rector of Khon Kaen University

No.123 Moo 16

Mittraphap Road Nai Meaung sub district, 

Meaug district, 

Khon Kaen province 40000

THAILAND 

Tel: +6643-009700

E-mail:president@kku.ac.th

6. Pol.Maj. Chirattikul Charatkamolpong

Inquiry officer of Khon Kaen Police Station

No. 324 Moo 16 Kanlapaphruek Road 

Meaug district, 

Khon Kaen province 40000

Tel: + 664 323 5095 8

THAILAND

Thank you.


Urgent Appeals Programme 

Asian Human Rights Commission (ua@ahrc.asia)

ดร. เพียงดิน รักไทย 29 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 5 แนวรบอำนาจมืดของวัง

ดร. เพียงดิน รักไทย 29 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 5 แนวรบอำนาจมืดของวัง 

https://youtu.be/IphgdUxSe8U      

https://youtu.be/948irZRnaQ0      


--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg      

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8      

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt      

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2      

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล



ดร. เพียงดิน รักไทย 29 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 5 แนวรบอำนาจมืดของวัง

ดร. เพียงดิน รักไทย 29 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 5 แนวรบอำนาจมืดของวัง 

https://youtu.be/IphgdUxSe8U      

https://youtu.be/948irZRnaQ0      


--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg      

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8      

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt      

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2      

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล