https://www.matichon.co.th/newsroom-analysis/news_998298 อดีต ส.ส.-ส.ว. นักการเมืองท้องถิ่นตบเท้าต้อนรับ "บิ๊กตู่" ประชุม ครม.สัญจรนครสวรรค์คึกคัก อบอวลไปด้วยบรรยากาศ แตกต่างออกไปจากที่เคยพบเห็น
ในช่วงประเทศอยู่ในสถานการณ์พิเศษ การปกครองแบบพิเศษ 4 ปีที่ผ่านมา
คล้ายเป็นกลิ่นอาย ฤดูกาลเลือกตั้งมากกว่า ห้วงเวลาที่นักการเมืองลงพื้นที่พบปะ ร่วมกิจกรรมกับประชาชน
แต่นี่ไม่ใช่การหาเสียง
ไม่ใช่การสัญญาว่าจะให้ แต่เป็นการให้จริงๆ รัฐบาลอนุมัติงบโปรเจ็กต์ พัฒนาพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 4 จังหวัดตามข้อเสนอของกลุ่มจังหวัด วงเงินรวมๆ ทั้งโครงการที่ผ่านการคัดกรองมาแล้ว และไฟเขียวในหลักการ ร่วม 4-5 หมื่นล้านบาท
ที่แตกต่างอีกอย่าง ก็ครั้งนี้ มีอดีตผู้แทน แขกเหรื่อการเมืองได้รับเทียบเชิญมากหน้าหลายตาเป็นพิเศษ
ไม่เฉพาะแต่พื้นที่เป้าหมาย "เหนือตอนล่าง" พิจิตร นครสวรรค์ กำแพงเพชร อุทัยธานี เท่านั้น
หากแต่ครอบคลุมพื้นที่เลือกตั้ง ภาคกลางตอนบน ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท ด้วย
เรียกได้ว่ามาทีเดียวไม่เสียเที่ยว เสียของ
อดีต ส.ส.ทุกขั้วค่าย เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ฯลฯ ตบเท้าร่วมตามคำเชิญ
จัดเก้าอี้ให้นั่งแถวหน้าสุด ริงค์ไซด์ขอบเวที
เพื่อที่ บิ๊กตู่จะได้เห็นหน้า เช็กชื่อชัดๆ
ส่วนประชาชนกว่า 1 พันคนที่เข้าร่วมต้อนรับนายกฯ นั่งในแถวถัดไป
อีเวนต์การเมืองใหญ่ครั้งนี้ ไม่มีใครเหนียม ปิดห้องคุยเหมือน ครม.สัญจรครั้งก่อนๆ
แต่เปิดเผยทุกคำ ทุกความเคลื่อนไหว โชว์สู่สายตาสาธารณะ
ไม่ปิดบัง ลับๆ ล่อๆ ให้คนเอาไปวิพากษ์ วิจารณ์ต่อ โจมตี ตั้งเวทีดูดนักการเมืองน้อยใหญ่ ในพื้นที่ ต่างก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย กลุ่มเป้าหมายพื้นที่นี้
ครั้งนี้มีมุ้งใหญ่การเมือง ซุ้มมัชฌิมา ภายใต้การนำของสมศักดิ์ เทพสุทิน บอสใหญ่ค้างคาวไฟ พันธมิตรหลักรัฐบาล
อยู่ในนั้น แน่นอน 1 ค่าย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์-สมศักดิ์ เทพสุทิน
สองชื่อนี้ซี้ปึ้กมาแต่ไหนแต่ไร หากจะจับมือร่วมงานการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ครั้งนี้เสี่ยสมศักดิ์ ไม่ได้มาด้วย อาจอยู่นอกโซน แต่เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย คนในชายคา ค่ายเทพสุทิน ก็เปรียบเป็นตัวแทนร่วมต้อนรับบิ๊กตู่
หัวหน้า คสช.เหลือบมองซ้ายขวา พูดบนเวที เอ่ยปากแซว
ประมาณถามหา ชัยนาทฮอร์นบิลมาไหม ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเสี่ยแฮงค์ ประธานสโมสรฟุตบอลชัยนาท ฮอร์นบิล
ครั้นลงมาข้างล่าง ทีมงาน-รัฐมนตรี ก็เข้าทักทายเป็นกันเองกับอนุชา
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า มุ้งสมศักดิ์ จะยืนอยู่ข้างไหน ในการเลือกตั้งทั่วไป เดือนกุมภาพันธ์ 62
แต่ก่อนถึงวันนั้น มีเรื่องให้ต้องจับตา เมื่อ"อนุุชา นาคาศัย"แย้มประเด็นใหญ่การเมือง ปฎิญญาปากน้ำโพ
"ภายในเดือนนี้จะมีข่าวใหญ่"
สื่อมวลชนหูผึ่ง ซักทันใด จะไปร่วมงานกับใครหรือไม่ เสี่ยแฮงค์ตอบสั้นๆ ว่า "มีงานทำ"
คำว่า "มีงานทำ" ถูกตีความต่างๆ นานา
แวดวงการเมือง ฟันธงว่า คงไม่ได้หมายถึงว่าตอนนี้เสี่ยแฮงค์เตะฝุ่น ไม่มีการมีงานทำ
แต่น่าจะหมายถึงนัยยะการเมืองบางประการ
โดยเฉพาะ การเข้าร่วมทำงานกับรัฐบาล ในฐานะพันธมิตร เครือข่าย เฟรนด์ ออฟ สมคิด
ที่มีการดีลกันไว้หลายกลุ่ม
ก่อนหน้านี้ ก็มีกลุ่มพลังชล สนธยา คุณปลื้ม ได้เก้าอี้ที่ปรึกษานายกฯ น้องชาย-อิทธิพล คุณปลื้ม เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวฯไปแล้ว
รัฐบาลติดอาวุธให้ "พลังชล" เป็นหัวหอกลุย รุกคืบยึดพื้นที่ ส.ส.ฝั่งตะวันออก
เสี่ยแป๊ะ-สนธยา ยังถูกจับตา อาจได้ขึ้นชั้น อยู่ในทีมใหญ่ มีเก้าอี้รัฐมนตรีรองนั่ง ในเร็ววันนี้อีกด้วย
เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย สายตรงสมศักดิ์ เทพสุทิน
แต่งตัวรอ-งานทำ
มีแนวโน้มความเป็นไปได้เหมือนกันว่ารัฐบาลจะมัดจำ ในโมเดลเดียวกันกับพลังชล
นั่นคือดึงนั่งระดับเดียวกับที่พลังชลเคยได้ หรือไม่ก็ขยับพร้อมกัน ขึ้นชั้นพรวดเดียว นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี
เพราะขณะนี้แกนนำรัฐบาล มีแนวคิดปรับครม.ขนาดไม่ย่อมอีกคร้้ง จะว่าไปอาจเป็นการปรับครั้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งก็ได้
ความจำเป็น-เป้าหมายปรับ ก็คือต้องแก้เกมบริหาร และงานการเมืองไปพร้อมๆกัน อย่างเร่งด่วน
ไม่กี่เดือนก็เลือกตั้งแล้ว
ทั้งนี้เนื่องจากโพลแทบทุกสำนัก ไม่ปลื้มผลงานรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องแก้ปัญหา เศรษฐกิจปากท้อง หากไม่ปรับแก้ แต่วันนี้ ที่คิดที่ฝันสืบทอด กลับมานั่งเก้าอี้นายกฯอีกครั้ง อาจไกลเกินเอื้อม การปรับครม.มีเป้าหมาย แก้ปัญหาบริหาร
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการแก้เกมการเมืองไปด้วยในตัว แนวคิดที่จะดึง นักการเมืองที่เป็นแนวร่วม พันธมิตรเข้ามาร่วมงาน คือโมเดลปัจจุบันไม่เวิร์ก
ต้องปรับใหม่ ยืมมือ ใช้งานนักการเมือง เป็นหัวหอกทะลุทะลวง ล้มโค่น"ทักษิณ ชินวัตร"และพรรคเพื่อไทย
ที่ทำอยู่ปัจจุบัน ไปไม่รอด
งานบริหารก็ได้เท่านี้ งานการเมืองก็ได้เท่านี้ ตีฝ่าวงล้อมพรรคเพื่อไทยออกไปไม่ได้
จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัย ใช้บริการนักการเมืองมืออาชีพ ที่รู้ไส้รู้พุง รู้จุดอ่อน จุดแข็ง เจนจัด โชกโชนสนามเลือกตั้ง เพื่อล้ม-ทอนกำลัง เพื่อไทยลงให้ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น โครงสร้างครม.ปัจจุบัน มันแข่งขันในทางการเมืองไม่ได้ หากยังอยู่อย่างนี้ต่อไป อย่าคิดหวังว่า จะรุกคืบ กินแดน แย่งที่นั่งส.ส.จากพรรคเพื่อไทยได้ เพราะอะไร
ครม.ชุดนี้ประกอบไปด้วย อดีตข้าราชการสูงไว ที่เคยทำงานในฝ่ายประจำ ฝ่ายปฎิบัติตามนโยบายฝ่ายการเมืองมาก่อน
ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆ แทบไม่ปรากฎให้เห็น ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ก็คือ ทุกคนไม่ได้มาจากการต้องต่อสู้ ดิ้นรนแข่งขัน แต่เป็นแขกรับเชิญสบายๆ ชิลชิล
เมื่อมานั่งทำงาน จึงทำแต่งานรูทีนเหมือนเดิม ตามฝ่ายประจำเสนอมา กลายเป็นดับเบิ้ลรูทีน คือคนทำงานรูทีน เสนอฝ่ายบริหารที่เคยทำงานรูทีนมาก่อน เรื่องจะทักท้วง เติมเต็มไอเดียใหม่ๆไม่มี
โลกไปถึงไหนต่อไหน แต่ยังใช้วิธีโบร่ำโบราณ เมื่อไม่ต้องแข่งขัน ทำงานตามความเคยชิน
ก็จบข่าว
แต่ละคนต่างเพลย์เซฟ ไม่ทุ่มเท มุ่งรักษาเนื้อรักษาตัวเป็นหลัก อยู่อย่างนี้ปลอดภัย ไม่สุ่มเสี่ยง
เหมือนรอเวลา กลับไปพักผ่อนใช้เงินใช้ทอง
กลายเป็นว่า ไม่มีเดิมพันอะไรให้ต้องฮึดสู้
ไม่เหมือนนักการเมือง ลองให้เข้ามานั่งทำงาน ติดอาวุธ-อำนาจให้ดูสิ ยิ่งจะเลือกตั้ง เขาไม่มีทางปล่อยวาง ยอมจำนนแพ้ง่ายๆ
แต่จะต้องติดเครื่องทุ่มเท ทำงานเต็มที่
ใช้อำนาจ-ใช้เครื่องมือ กลไก เครือข่ายจัดตั้ง และงบประมาณให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และงานการเมือง
เพราะมีเดิมพันสูง แพ้ไม่ได้
บิ๊กๆเขาจึงมีแนวคิดที่จะปรับครม. เพื่อแก้เกมบริหาร แก้เกมการเมือง ข่าวใหญ่ที่เสี่ยแฮงค์ว่า เซียนการเมืองทำนายทายทัก ว่าอาจออกรูปนี้ก็ได้
นั่นคือปรับ ครม.ดึงนักการเมืองมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นหัวหอกบดขยี้ ตัดทอนกำลังพรรคเพื่อไทย
ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วิธี
ปรับ ครม.ก็ถือเป็นอาวุธเด็ดชิ้นหนึ่ง ที่คาดหวังผลได้ ในการ สยบห้าว "ทักษิณ"
หากไม่คิดปรับ คิดทำอะไร อยู่แบบซังกะตายอย่างนี้ต่อไป
ปล่อยให้ "บิ๊กตู่" และรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนสองคน เต้นแรงเต้นกา โดยที่องคาพยพไม่ไปทั้งขบวน
เส้นทางบิ๊กตู่คัมแบ๊กนายกฯเห็นทีจะตีบตัน
นับถอยหลัง รอวันเรือแป๊ะอับปาง
ข่าวใหญ่จึงน่าติดตาม ว่าบิ๊กตู่จะกล้าปล่อยอาวุธไม่ลับ ดับ "เพื่อไทย" หรือไม่