PPD's Official Website

Monday, August 31, 2015

ดร.เพียงดิน 2015-08-31 ตอน ตัดเยื่อใยยิ่งลักษณ์-และข้อคิดเรื่องการล้มรัฐธรรมนูญโจร

ดร.เพียงดิน 2015-08-31 ตอน ตัดเยื่อใยยิ่งลักษณ์-และข้อคิดเรื่องการล้มรัฐธรรมนูญโจร

ดาวน์โหลดเพื่อการเผยแพร่



ดร.เพียงดิน 2015-08-31 ตอน ตัดเยื่อใยยิ่งลักษณ์-และข้อคิดเรื่องการล้มรัฐธรรมนูญโจร

ดร.เพียงดิน 2015-08-31 ตอน ตัดเยื่อใยยิ่งลักษณ์-และข้อคิดเรื่องการล้มรัฐธรรมนูญโจร

ดาวน์โหลดเพื่อการเผยแพร่



ข่าวลับกรองแล้ว จากสายลับในกองทัพไทย 31 สิงหาคม 2558

ด่วน..เป็นบุญตาที่ได้เห็นโฆษกทบ. ข่มขู่สื่อที่เผยแพร่ยุทธภัณฑ์ออกภาพทีวีพูล ทั้งที่เป็นรายการแถลงข่าวของ รัฐบาล คสช.เองแท้ๆ ส่วนไอ้โฆษก ทอ.ตัวเบื๊อกนั่งรากงอกจนเป็นพลเอก ยังไม่มีความคิดดีๆออกมาสู่สังคม บอกจะฟ้องทหารอากาศด้วยกันที่ส่งข้อมูลให้ชาวเนตถล่มกลุ่มทหารอากาศเด็กนายขับเครื่อง C 130 พาพวกและครอบครัวไปเที่ยวช้อปปิ้งที่ซานซานฟิสโก จนถูกคนร้ายปล้น ถูกแทงบาดเจ็บ เรื่องถึงได้แดง

                                                  **** พบอีกตัวแล้ว โฆษกทหารโง่หายากในรั้วสีเทาเขต ทอ. เบ่งกล้ามใหญ่คับฟ้า คนวิจารณ์พวกมันถลุงงบของประชาชนเป็นไม่ได้ โชว์กร่างข่มขู่จะฟ้องคนโพสต์ กลุ่มนายทหารอากาศขับ C130 บินไปเที่ยวที่อเมริกา แต่ไอ้โคสกโสโครกมณฑลมันบอกไม่จริงนะ ก็ไหนทางสหรัฐประกาศบอกโต้งๆจะไม่ร่วมทำกิจการอะไรทางการทหารไทย นอกจากกิจกรรมทางด้านสิทธิมนุษยชน แล้วจะมาบอกขนเอาเครื่องไปฝึกบิน หรือฝึกเที่ยวได้ใช่ใหมล่ะ ไม่ผิดกฏสำหรับเด็กนาย บินขนครอบครัวนายพาไปเที่ยวก็ทำกันอยู่เรื่อย มาโกรธชาวบ้านหาหอกอะไร คนส่งข่าวก็เป็นทหารอากาศเหมือนมัน รู้ใส้กันดีเลยไอ้มณฑล คนเขาเชื่อในความล้มเหลวของ ทอ.ที่เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตนกันดีนัก หลังเกิดเหตุทหารอากาศถูกโจรกระชากกล้อง แต่วิ่งไล่ตามจนถูกยิงบาดเจ็บ ปิดข่าวทำไมถ้าไปฝึกRed Flag จริง คนเขาห่วงใยแท้ๆ แต่มาระเบิดอารมณ์เหมือนโดนจับผิดได้ ออกเตือนพวกส่งต่อข่าวนี้ จะโดนด้วย กลัวจังเลย.

พลอากาศเอกมณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศไทย และกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการฝึก Red Flag ร่วมกัน ที่ฐานทัพอากาศ Travis 
,SanFrancisco

การฝึกครั้งนี้ กองทัพอากาศได้จัดส่งเครื่องบินลำเลียง C130 พร้อมกำลังพลไปเข้าร่วมการฝึก

แต่ในช่วงวันหยุด  คือเมื่อ วันที่25สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น  เป็นกำหนดพักการฝึกนักบินที่เข้าร่วมฝึก  กำลังพลจึงใช้วันหยุดช่วงฝึกไปที่ซานฟรานซิสโก  แต่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2คน กระชากกล้องถ่ายรูป  จึงได้วิ่งไล่ตาม แต่ถูกคนร้ายยิง จนได้รับบาดเจ็บที่แขน นั้น

ขณะนี้ ทางกองทัพอากาศ ได้ส่งตัวเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว ส่วนคนร้ายได้ถูกจับได้ในเวลาต่อมา

แต่ข่าวที่ปรากฏในสังคมออนไลน์ นั้นแจ้งว่า กองทัพอากาศจัดเที่ยวบินไปเที่ยว   ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ก็เอารายละเอียดเที่ยวบินและผู้โดยสารมาเปิดด้วย มีพลเรือนเกาะล้อไปฝึกพ่องอะไรเยอะเต็มไปหมด เผลอๆคนโดนแทงเป็นพลเรือนครอบครัวทหารอากาศเอง บอกว่าเป็นการไปฝึกร่วมกับสหรัฐอเมริกา แต่หน้าตาผู้โดยสารเหมือนไปฝึกช้อปปิ้ง

มณฑลไม่ต้องขู่ มีหลายวิธีที่จะรู้ว่า ทหารโฆษกตอแหล มันกลายเป็นโรครักษากองทัพไว้ยาก "ถ้ายังคิดว่ามันใหญ่ เรื่องของกองทัพอากาศตรวจสอบไม่ได้ ไม่จริงเสมอไป กองทัพอากาศมีคนดีมากมาย ไม่ใช่แต่พวกเห็บเกาะอำนาจเถื่อนแบบพวกทำลายกองทัพอากาศกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งเท่านนั้น
//ขอถามสหรัฐด้วยเลยไหนบอกไม่ร่วมกิจกรรมทางการทหารไทยแล้วเชิญคนพวกนี้ไปฝึกร่วมทำไม ดูไอ้โฆษกทอ.ซิมันกร่างแค่ไหน ในเมื่อประชาชนเขาเชื่อว่าสหรัฐไม่น่าจะเชิญ  คนสงสัยมันไม่ได้เลยหรือไงครับ?

ข่าวลับกรองแล้ว จากสายลับในกองทัพไทย 31 สิงหาคม 2558

ด่วน..เป็นบุญตาที่ได้เห็นโฆษกทบ. ข่มขู่สื่อที่เผยแพร่ยุทธภัณฑ์ออกภาพทีวีพูล ทั้งที่เป็นรายการแถลงข่าวของ รัฐบาล คสช.เองแท้ๆ ส่วนไอ้โฆษก ทอ.ตัวเบื๊อกนั่งรากงอกจนเป็นพลเอก ยังไม่มีความคิดดีๆออกมาสู่สังคม บอกจะฟ้องทหารอากาศด้วยกันที่ส่งข้อมูลให้ชาวเนตถล่มกลุ่มทหารอากาศเด็กนายขับเครื่อง C 130 พาพวกและครอบครัวไปเที่ยวช้อปปิ้งที่ซานซานฟิสโก จนถูกคนร้ายปล้น ถูกแทงบาดเจ็บ เรื่องถึงได้แดง

                                                  **** พบอีกตัวแล้ว โฆษกทหารโง่หายากในรั้วสีเทาเขต ทอ. เบ่งกล้ามใหญ่คับฟ้า คนวิจารณ์พวกมันถลุงงบของประชาชนเป็นไม่ได้ โชว์กร่างข่มขู่จะฟ้องคนโพสต์ กลุ่มนายทหารอากาศขับ C130 บินไปเที่ยวที่อเมริกา แต่ไอ้โคสกโสโครกมณฑลมันบอกไม่จริงนะ ก็ไหนทางสหรัฐประกาศบอกโต้งๆจะไม่ร่วมทำกิจการอะไรทางการทหารไทย นอกจากกิจกรรมทางด้านสิทธิมนุษยชน แล้วจะมาบอกขนเอาเครื่องไปฝึกบิน หรือฝึกเที่ยวได้ใช่ใหมล่ะ ไม่ผิดกฏสำหรับเด็กนาย บินขนครอบครัวนายพาไปเที่ยวก็ทำกันอยู่เรื่อย มาโกรธชาวบ้านหาหอกอะไร คนส่งข่าวก็เป็นทหารอากาศเหมือนมัน รู้ใส้กันดีเลยไอ้มณฑล คนเขาเชื่อในความล้มเหลวของ ทอ.ที่เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตนกันดีนัก หลังเกิดเหตุทหารอากาศถูกโจรกระชากกล้อง แต่วิ่งไล่ตามจนถูกยิงบาดเจ็บ ปิดข่าวทำไมถ้าไปฝึกRed Flag จริง คนเขาห่วงใยแท้ๆ แต่มาระเบิดอารมณ์เหมือนโดนจับผิดได้ ออกเตือนพวกส่งต่อข่าวนี้ จะโดนด้วย กลัวจังเลย.

พลอากาศเอกมณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศไทย และกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการฝึก Red Flag ร่วมกัน ที่ฐานทัพอากาศ Travis 
,SanFrancisco

การฝึกครั้งนี้ กองทัพอากาศได้จัดส่งเครื่องบินลำเลียง C130 พร้อมกำลังพลไปเข้าร่วมการฝึก

แต่ในช่วงวันหยุด  คือเมื่อ วันที่25สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น  เป็นกำหนดพักการฝึกนักบินที่เข้าร่วมฝึก  กำลังพลจึงใช้วันหยุดช่วงฝึกไปที่ซานฟรานซิสโก  แต่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2คน กระชากกล้องถ่ายรูป  จึงได้วิ่งไล่ตาม แต่ถูกคนร้ายยิง จนได้รับบาดเจ็บที่แขน นั้น

ขณะนี้ ทางกองทัพอากาศ ได้ส่งตัวเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว ส่วนคนร้ายได้ถูกจับได้ในเวลาต่อมา

แต่ข่าวที่ปรากฏในสังคมออนไลน์ นั้นแจ้งว่า กองทัพอากาศจัดเที่ยวบินไปเที่ยว   ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ก็เอารายละเอียดเที่ยวบินและผู้โดยสารมาเปิดด้วย มีพลเรือนเกาะล้อไปฝึกพ่องอะไรเยอะเต็มไปหมด เผลอๆคนโดนแทงเป็นพลเรือนครอบครัวทหารอากาศเอง บอกว่าเป็นการไปฝึกร่วมกับสหรัฐอเมริกา แต่หน้าตาผู้โดยสารเหมือนไปฝึกช้อปปิ้ง

มณฑลไม่ต้องขู่ มีหลายวิธีที่จะรู้ว่า ทหารโฆษกตอแหล มันกลายเป็นโรครักษากองทัพไว้ยาก "ถ้ายังคิดว่ามันใหญ่ เรื่องของกองทัพอากาศตรวจสอบไม่ได้ ไม่จริงเสมอไป กองทัพอากาศมีคนดีมากมาย ไม่ใช่แต่พวกเห็บเกาะอำนาจเถื่อนแบบพวกทำลายกองทัพอากาศกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งเท่านนั้น
//ขอถามสหรัฐด้วยเลยไหนบอกไม่ร่วมกิจกรรมทางการทหารไทยแล้วเชิญคนพวกนี้ไปฝึกร่วมทำไม ดูไอ้โฆษกทอ.ซิมันกร่างแค่ไหน ในเมื่อประชาชนเขาเชื่อว่าสหรัฐไม่น่าจะเชิญ  คนสงสัยมันไม่ได้เลยหรือไงครับ?

Sunday, August 30, 2015

เผด็จการทหารอาจฉุด"ไทย"สู่สงครามก่อการร้าย เครดิต จอม เพชรประดับ



Download







"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

ปัทมามูลนิลซึ่งถูกจับในขณะอายุเพียง 23 ปี เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวแม่ค้าขายอาหารตามสั่งและกำลังเรียนกศน.ในระดับมัธยมต้น
ปัทมาเคยร่วมอุดมการณ์กับกลุ่ม'คนเสื้อเหลือง' และติดตามข่าวสารผ่านช่องเอเอสทีวีมาโดยตลอดจนกระทั่งมีการยุบพรรคและเลือกตั้งใหม่เธอเริ่มตั้งคำถามจากนั้นเธอจึงติดจานดาวเทียมที่มี 'ช่องเสื้อแดง'ก่อนที่ความคิดจะค่อยๆ เปลี่ยนไป
ก่อนถูกจับแม่ของเธอได้โทรไปบอกว่ามีหมายจับมาให้ไปมอบตัวเธอบอกกับแม่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเธอไม่ได้เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เธอเข้าไปอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรแม่ก็บอกว่า"ถ้าไม่ได้ทำอะไรลูกก็กลับมามอบตัวสู้คดีซะลูกให้โทรมาบอกอาให้อาพาไปมอบตัว"

แต่ในที่สุดเธอก็ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 24พฤษภาคม2553ที่สถานีขนส่งจ.สุรินทร์โดยเธอถูกล็อกตัวใส่กุญแจมือโดยถูกจับกดคอลงกับพื้นท่ามกลางสาธารณชนพร้อมทั้งมีปืนจ่อหัวและจับคอเสื้อลากขึ้นรถไปยังสภ.เมืองสุรินทร์เพื่อนที่ไปด้วยก็ร้องไห้และถูกบังคับให้เธอรับสารภาพเสีย จะได้ปล่อยเพื่อนไป และขู่จะยัดยาบ้าให้อีกหลายเม็ดและให้เซ็นรับสารภาพแต่โดยดีว่าเผาศาลากลางเซ็นแล้วก็จะปล่อยตัวเพื่อนไปสุดท้ายเธอจึงยอมเซ็นตำรวจนำตัวเธอกลับมาถึงอุบลราชธานีตอนเที่ยงคืนและได้เอารูปภาพประมาณ 400 ภาพในวันเกิดเหตุมาให้ดูและถามว่ารู้จักใครบ้างให้รีบบอกมาเธอบอกว่า ไม่รู้จักตำรวจก็ตบหัวเธอทุกครั้งที่ถามจนเกือบตี 3กว่าก็พาเธอลงมาขังไว้ใต้ถุนสถานีตำรวจโดยตั้งข้อหาหนักให้เธอ คือ 
1)ร่วมกันวางเพลิงเผาศาลากลาง
2)ร่วมกันประทุษร้ายทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ ไม้, อิฐ, หิน, หนังสะติ๊ก 
3) ชุมนุมกันเกิน 10 คน เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ตำรวจบอกว่าให้รับไปเถอะแล้วไปแก้ข้อกล่าวหาเอาที่ศาลจากนั้นก็ส่งตัวเธอไปแถลงข่าวโดยตำรวจบอกว่าให้นั่งก้มหน้าลงอย่าพูดอะไรเป็นอันขาดและมีตำรวจพูดแทนว่าได้ทำการจับกุมคนเผาศาลากลางจังหวัดได้อีกแล้ว1คนคือนางสาวปัทมา มูลนิล คนนี้
ทั้งๆที่เธอบอกว่าหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ใช้คือภาพถ่ายของเธอในที่เกิดเหตุ ซึ่งหากเธอทำจริงเธอคงไม่เปิดเผยใบหน้าและไปยืนอยู่นานสองนานให้ถ่ายรูปแต่ในที่สุดเธอถูกคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตและลดโทษให้เหลือจำคุก33ปี4เดือน

ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของบันทึกการให้ถ้อยคำของเธอต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ"อยากกลับบ้านแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำกับเราขนาดนี้ด้วยแล้วทำไมตำรวจต้องเอาเด็กผู้หญิงอายุแค่16ปีมาข่มขู่เราด้วยทำถึงขนาดตบหน้าเขาเพียงเพราะอยากได้ตัวเราอยากให้เรารับสารภาพถึงขนาดจะยัดข้อหาเขาตำรวจหัวใจเขาทำด้วยอะไรยังเป็นคนอยู่เหรอแล้วทำไมจะต้องบอกเพื่อนเราพี่น้องเราด้วยว่าเราซัดทอดคนอื่นต้องการอะไรอยากได้อะไรเอาเราไปแถลงข่าวเราแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำเหมือนเราเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายขายยาบ้าระดับชาติด้วย

พอเข้ามาอยู่ในเรือนจำทุกคนที่นี่เกือบทั้งหมดก็เป็นมิตรดีแต่จะมีบางคนที่คอยหาเรื่องสงสารคนที่บ้านพ่อแม่พี่ทุกคนก็ลำบากอยู่ข้างนอกเราก็หาเช้ากินค่ำกันแต่เรามาอยู่ในนี้ทุกคนก็พลอยลำบากไปด้วย เงินก็ไม่มี..
[8/30/15, 5:50:12 PM] jeedjobjoy: ในขณะที่ชนชั้นปกครองกำลังเสวยสุขจากการ "เกี้ยเซี้ยะ" บนความทุกข์ของเหยื่อของความขัดแย้งและกำลังถกกันอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจากที่ "ติดกับ" กับคำว่า "การปรองดอง" ที่หาคำนิยามที่ชัดเจนไม่ได้จนบานปลายเป็นความขัดแย้งใหม่แต่ปัทมาต้องตกนรกทั้งเป็นในสถานะ"เชลยศึก"ที่ถูกลืมจากคู่สงครามผมไม่รู้ว่าหัวจิตหัวใจของผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองทั้งสองขั้วหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับในกระบวนการยุติธรรมทำด้วยอะไร อย่าลืมนะครับว่าถ้าคนตัวเล็กตัวน้อยเช่นปัทมาอยู่ไม่ได้แล้วก็อย่าหวังว่าคนตัวใหญ่ๆทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุขเลยครับ ที่มา http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40109

"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

"อยากขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตเลยจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทนลำบาก"ปัทมา มูลนิล ... คุณยังจำผู้หญิงคนนี้ได้หรือไม?

ปัทมามูลนิลซึ่งถูกจับในขณะอายุเพียง 23 ปี เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวแม่ค้าขายอาหารตามสั่งและกำลังเรียนกศน.ในระดับมัธยมต้น
ปัทมาเคยร่วมอุดมการณ์กับกลุ่ม'คนเสื้อเหลือง' และติดตามข่าวสารผ่านช่องเอเอสทีวีมาโดยตลอดจนกระทั่งมีการยุบพรรคและเลือกตั้งใหม่เธอเริ่มตั้งคำถามจากนั้นเธอจึงติดจานดาวเทียมที่มี 'ช่องเสื้อแดง'ก่อนที่ความคิดจะค่อยๆ เปลี่ยนไป
ก่อนถูกจับแม่ของเธอได้โทรไปบอกว่ามีหมายจับมาให้ไปมอบตัวเธอบอกกับแม่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเธอไม่ได้เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เธอเข้าไปอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรแม่ก็บอกว่า"ถ้าไม่ได้ทำอะไรลูกก็กลับมามอบตัวสู้คดีซะลูกให้โทรมาบอกอาให้อาพาไปมอบตัว"

แต่ในที่สุดเธอก็ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 24พฤษภาคม2553ที่สถานีขนส่งจ.สุรินทร์โดยเธอถูกล็อกตัวใส่กุญแจมือโดยถูกจับกดคอลงกับพื้นท่ามกลางสาธารณชนพร้อมทั้งมีปืนจ่อหัวและจับคอเสื้อลากขึ้นรถไปยังสภ.เมืองสุรินทร์เพื่อนที่ไปด้วยก็ร้องไห้และถูกบังคับให้เธอรับสารภาพเสีย จะได้ปล่อยเพื่อนไป และขู่จะยัดยาบ้าให้อีกหลายเม็ดและให้เซ็นรับสารภาพแต่โดยดีว่าเผาศาลากลางเซ็นแล้วก็จะปล่อยตัวเพื่อนไปสุดท้ายเธอจึงยอมเซ็นตำรวจนำตัวเธอกลับมาถึงอุบลราชธานีตอนเที่ยงคืนและได้เอารูปภาพประมาณ 400 ภาพในวันเกิดเหตุมาให้ดูและถามว่ารู้จักใครบ้างให้รีบบอกมาเธอบอกว่า ไม่รู้จักตำรวจก็ตบหัวเธอทุกครั้งที่ถามจนเกือบตี 3กว่าก็พาเธอลงมาขังไว้ใต้ถุนสถานีตำรวจโดยตั้งข้อหาหนักให้เธอ คือ 
1)ร่วมกันวางเพลิงเผาศาลากลาง
2)ร่วมกันประทุษร้ายทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ ไม้, อิฐ, หิน, หนังสะติ๊ก 
3) ชุมนุมกันเกิน 10 คน เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ตำรวจบอกว่าให้รับไปเถอะแล้วไปแก้ข้อกล่าวหาเอาที่ศาลจากนั้นก็ส่งตัวเธอไปแถลงข่าวโดยตำรวจบอกว่าให้นั่งก้มหน้าลงอย่าพูดอะไรเป็นอันขาดและมีตำรวจพูดแทนว่าได้ทำการจับกุมคนเผาศาลากลางจังหวัดได้อีกแล้ว1คนคือนางสาวปัทมา มูลนิล คนนี้
ทั้งๆที่เธอบอกว่าหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ใช้คือภาพถ่ายของเธอในที่เกิดเหตุ ซึ่งหากเธอทำจริงเธอคงไม่เปิดเผยใบหน้าและไปยืนอยู่นานสองนานให้ถ่ายรูปแต่ในที่สุดเธอถูกคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตและลดโทษให้เหลือจำคุก33ปี4เดือน

ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของบันทึกการให้ถ้อยคำของเธอต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ"อยากกลับบ้านแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำกับเราขนาดนี้ด้วยแล้วทำไมตำรวจต้องเอาเด็กผู้หญิงอายุแค่16ปีมาข่มขู่เราด้วยทำถึงขนาดตบหน้าเขาเพียงเพราะอยากได้ตัวเราอยากให้เรารับสารภาพถึงขนาดจะยัดข้อหาเขาตำรวจหัวใจเขาทำด้วยอะไรยังเป็นคนอยู่เหรอแล้วทำไมจะต้องบอกเพื่อนเราพี่น้องเราด้วยว่าเราซัดทอดคนอื่นต้องการอะไรอยากได้อะไรเอาเราไปแถลงข่าวเราแค่มาเรียกร้องประชาธิปไตยทำไมต้องทำเหมือนเราเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายขายยาบ้าระดับชาติด้วย

พอเข้ามาอยู่ในเรือนจำทุกคนที่นี่เกือบทั้งหมดก็เป็นมิตรดีแต่จะมีบางคนที่คอยหาเรื่องสงสารคนที่บ้านพ่อแม่พี่ทุกคนก็ลำบากอยู่ข้างนอกเราก็หาเช้ากินค่ำกันแต่เรามาอยู่ในนี้ทุกคนก็พลอยลำบากไปด้วย เงินก็ไม่มี..
[8/30/15, 5:50:12 PM] jeedjobjoy: ในขณะที่ชนชั้นปกครองกำลังเสวยสุขจากการ "เกี้ยเซี้ยะ" บนความทุกข์ของเหยื่อของความขัดแย้งและกำลังถกกันอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจากที่ "ติดกับ" กับคำว่า "การปรองดอง" ที่หาคำนิยามที่ชัดเจนไม่ได้จนบานปลายเป็นความขัดแย้งใหม่แต่ปัทมาต้องตกนรกทั้งเป็นในสถานะ"เชลยศึก"ที่ถูกลืมจากคู่สงครามผมไม่รู้ว่าหัวจิตหัวใจของผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองทั้งสองขั้วหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับในกระบวนการยุติธรรมทำด้วยอะไร อย่าลืมนะครับว่าถ้าคนตัวเล็กตัวน้อยเช่นปัทมาอยู่ไม่ได้แล้วก็อย่าหวังว่าคนตัวใหญ่ๆทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุขเลยครับ ที่มา http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40109