PPD's Official Website

Wednesday, February 3, 2016

“จิตสุดท้ายก่อนตาย” สำคัญก็จริง แต่ ....... “จิตหลังความตาย 20 นาทีแรก” ก็มีความสำคัญในการเปลี่ยนภพด้วย

"จิตสุดท้ายก่อนตาย" 

 สำคัญก็จริง แต่ .......  

"จิตหลังความตาย 20 นาทีแรก"

 ก็มีความสำคัญในการเปลี่ยนภพด้วย

"การศึกษาทางประสาทสรีรวิทยา นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน 

พบว่าหนูที่ตายใหม่ๆ หัวใจหยุดทำงาน เลือดหยุดไปเลี้ยงสมอง แต่คลื่นสมองยังคงอยู่ในภาวะ "ตื่นตัวขั้นสูง" 

บ่งบอกถึงการมีสติสัมปชัญญะของคนเมื่อหัวใจหยุดเต้น"

ดังนั้น ทางการแพทย์บอกว่า "ตาย" แต่สมองยังทำงานอยู่ เป็น "การสร้างภาพจากสังขารจิต 20 นาที" ว่าจะไปภพภูมิใด

ดังนั้น จึงควร "เหนี่ยวนำ ไม่ให้นิมิตมาหลอกหลอน 20 นาที หลังหัวใจหยุดเต้น (กรรม กรรมนิมิต คตินิมิต) การเข้าสู่ความมืด(ภวังคจิต) บังสุกุล คำศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนาจะปลุกจิตให้ตื่นหรือถอนออกมาเอง"

แปลว่า ต่อให้ก่อนตายญาติและคนไข้ได้เตรียมตัวเหนี่ยวนำจิตเป็นอย่างดี จนตายไปแล้ว (ก็คือหัวใจหยุดทำงาน)

 สมองก็ยังเหนี่ยวนำสิ่งที่ทำก่อนตายอยู่ เช่น ถ้ากำลังสวดมนตร์ภาวนา ตายไปแล้วจิตและสมองก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการสวดมนต์ภาวนา ดวงจิตก็ย่อมเปลี่ยนภพภูมิไปที่ดี 

แต่หากสมมติว่า ก่อนตายเตรียมตัวดีมาก แต่เมื่อตายไปแล้ว 

ญาติๆ ร้องไห้ระงมเสียงดังลั่น หรือ ลูกหลานทะเลาะแย่งสมบัติด้วยเสียงแซ่งแซ่ บรรยากาศเหล่านั้นก็จะเหนี่ยวนำให้สมองครุ่นคิดตรงนั้นและก็นำพาดวงจิตไปสู่ภพภูมิไม่ดีได้นั่นเอง

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำหลังความตาย 20 นาทีแรก
 คือ สวดมนต์  เมื่อรู้ว่ามีคนตาย ก็หยิบขวดน้ำมนต์เย็นๆ ในตู้เย็นติดมือไป และหยดน้ำมนต์ที่ตาที่สาม (จักระ 6) ตรงหน้าผากหว่างคิ้ว เพื่อให้ความเย็นของน้ำไปส่งสัญญาณให้สมองที่ตรงกลางข้างในซึ่งยังทำงานอยู่ได้ตื่นตัวฟังเสียงสวดมนต์หรือบังสุกุล แต่ถ้าใครไม่มีน้ำมนต์ ก็ให้ใช้น้ำเย็นธรรมดาก็ได้

สรุป 
บรรยากาศในการเตรียมตัวก่อนตายและหลังความตาย 20 นาที 

จะต้องปราศจากเสียงร้องไห้เศร้าโศก 

การทะเลาะเบาะแว้ง

 หรือการพูดเรื่องไม่สบายใจ 

เพื่อให้คนตายได้เปลี่ยนภพภูมิที่ดีขึ้น 

แต่ทั้งนี้ ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็ต้องทำความดี ละความชั่ว ขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใสด้วย 

จะได้พร้อมเปลี่ยนภพภูมิได้ทุกที่ ทุกเวลา

จิตใครเศร้าหมอง ก็สั่งจิตให้คลายความเศร้าหมอง ให้อภัยปล่อยวาง 

คิดซะว่ากฎหมายเอาผิดไม่ได้ แต่ก็หนีกฏแห่งกรรมไม่พ้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่กฏแห่งกรรม 

เราไม่ต้องไปเอาคืนแก้แค้น เอาเวลามาทำจิตให้ผ่องใสเข้าสู่ความว่างดีกว่า

++++++++++++++++++++++
ผู้ใด เผยแผ่ ผู้นั้น ได้สะสมบุญ บารมี
สาธุ  สาธุ   สาธุ
ฐิติพร   23  มค 59

“จิตสุดท้ายก่อนตาย” สำคัญก็จริง แต่ ....... “จิตหลังความตาย 20 นาทีแรก” ก็มีความสำคัญในการเปลี่ยนภพด้วย

"จิตสุดท้ายก่อนตาย" 

 สำคัญก็จริง แต่ .......  

"จิตหลังความตาย 20 นาทีแรก"

 ก็มีความสำคัญในการเปลี่ยนภพด้วย

"การศึกษาทางประสาทสรีรวิทยา นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน 

พบว่าหนูที่ตายใหม่ๆ หัวใจหยุดทำงาน เลือดหยุดไปเลี้ยงสมอง แต่คลื่นสมองยังคงอยู่ในภาวะ "ตื่นตัวขั้นสูง" 

บ่งบอกถึงการมีสติสัมปชัญญะของคนเมื่อหัวใจหยุดเต้น"

ดังนั้น ทางการแพทย์บอกว่า "ตาย" แต่สมองยังทำงานอยู่ เป็น "การสร้างภาพจากสังขารจิต 20 นาที" ว่าจะไปภพภูมิใด

ดังนั้น จึงควร "เหนี่ยวนำ ไม่ให้นิมิตมาหลอกหลอน 20 นาที หลังหัวใจหยุดเต้น (กรรม กรรมนิมิต คตินิมิต) การเข้าสู่ความมืด(ภวังคจิต) บังสุกุล คำศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนาจะปลุกจิตให้ตื่นหรือถอนออกมาเอง"

แปลว่า ต่อให้ก่อนตายญาติและคนไข้ได้เตรียมตัวเหนี่ยวนำจิตเป็นอย่างดี จนตายไปแล้ว (ก็คือหัวใจหยุดทำงาน)

 สมองก็ยังเหนี่ยวนำสิ่งที่ทำก่อนตายอยู่ เช่น ถ้ากำลังสวดมนตร์ภาวนา ตายไปแล้วจิตและสมองก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการสวดมนต์ภาวนา ดวงจิตก็ย่อมเปลี่ยนภพภูมิไปที่ดี 

แต่หากสมมติว่า ก่อนตายเตรียมตัวดีมาก แต่เมื่อตายไปแล้ว 

ญาติๆ ร้องไห้ระงมเสียงดังลั่น หรือ ลูกหลานทะเลาะแย่งสมบัติด้วยเสียงแซ่งแซ่ บรรยากาศเหล่านั้นก็จะเหนี่ยวนำให้สมองครุ่นคิดตรงนั้นและก็นำพาดวงจิตไปสู่ภพภูมิไม่ดีได้นั่นเอง

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำหลังความตาย 20 นาทีแรก
 คือ สวดมนต์  เมื่อรู้ว่ามีคนตาย ก็หยิบขวดน้ำมนต์เย็นๆ ในตู้เย็นติดมือไป และหยดน้ำมนต์ที่ตาที่สาม (จักระ 6) ตรงหน้าผากหว่างคิ้ว เพื่อให้ความเย็นของน้ำไปส่งสัญญาณให้สมองที่ตรงกลางข้างในซึ่งยังทำงานอยู่ได้ตื่นตัวฟังเสียงสวดมนต์หรือบังสุกุล แต่ถ้าใครไม่มีน้ำมนต์ ก็ให้ใช้น้ำเย็นธรรมดาก็ได้

สรุป 
บรรยากาศในการเตรียมตัวก่อนตายและหลังความตาย 20 นาที 

จะต้องปราศจากเสียงร้องไห้เศร้าโศก 

การทะเลาะเบาะแว้ง

 หรือการพูดเรื่องไม่สบายใจ 

เพื่อให้คนตายได้เปลี่ยนภพภูมิที่ดีขึ้น 

แต่ทั้งนี้ ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็ต้องทำความดี ละความชั่ว ขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใสด้วย 

จะได้พร้อมเปลี่ยนภพภูมิได้ทุกที่ ทุกเวลา

จิตใครเศร้าหมอง ก็สั่งจิตให้คลายความเศร้าหมอง ให้อภัยปล่อยวาง 

คิดซะว่ากฎหมายเอาผิดไม่ได้ แต่ก็หนีกฏแห่งกรรมไม่พ้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่กฏแห่งกรรม 

เราไม่ต้องไปเอาคืนแก้แค้น เอาเวลามาทำจิตให้ผ่องใสเข้าสู่ความว่างดีกว่า

++++++++++++++++++++++
ผู้ใด เผยแผ่ ผู้นั้น ได้สะสมบุญ บารมี
สาธุ  สาธุ   สาธุ
ฐิติพร   23  มค 59

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง* "ได้ประโยชน์อย่างที่คุณคิดไม่ถึง"

􁀁􀆠น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿
การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง* "ได้ประโยชน์อย่างที่คุณคิดไม่ถึง"
***************
การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ เป็นที่นิยมดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า(ก่อนแปรงฟัน)เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี*มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์* "พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่" และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล100%(แบบค่อยเป็นค่อยไปต้องใช้ระยะเวลา)ปวดหัวปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้า หมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก โรคแสลง คลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก 
วิธีการปฏิบัติ
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)

2.หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไร จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3.หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้นและหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ
จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษาทำให้หายได้ภายในเวลาดังนี้
 1.โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน 

2. โรคกระเพาะ 10 วัน 
3. โรคเบาหวาน 30 วัน 
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน
7.โรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วัน

อ่านแล้ว
ส่งต่อ ได้บุญนะบุญรักษาค่ะ

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง* "ได้ประโยชน์อย่างที่คุณคิดไม่ถึง"

􁀁􀆠น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿􁤁􀅞น้ำ􏿿
การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง* "ได้ประโยชน์อย่างที่คุณคิดไม่ถึง"
***************
การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ เป็นที่นิยมดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า(ก่อนแปรงฟัน)เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี*มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์* "พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่" และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล100%(แบบค่อยเป็นค่อยไปต้องใช้ระยะเวลา)ปวดหัวปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้า หมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก โรคแสลง คลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก 
วิธีการปฏิบัติ
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)

2.หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไร จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3.หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้นและหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ
จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษาทำให้หายได้ภายในเวลาดังนี้
 1.โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน 

2. โรคกระเพาะ 10 วัน 
3. โรคเบาหวาน 30 วัน 
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน
7.โรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วัน

อ่านแล้ว
ส่งต่อ ได้บุญนะบุญรักษาค่ะ

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อำนาจเถื่อนกดทับทุกวงการไม่เว้นแม้องค์กร¬พระพุทธศาสนา

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
อำนาจเถื่อนกดทับทุกวงการไม่เว้นแม้องค์กร¬พระพุทธศาสนา



รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อำนาจเถื่อนกดทับทุกวงการไม่เว้นแม้องค์กร¬พระพุทธศาสนา

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
อำนาจเถื่อนกดทับทุกวงการไม่เว้นแม้องค์กร¬พระพุทธศาสนา



รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อำนาจเถื่อนกดทับทุกวงการไม่เว้นแม้องค์กร¬พระพุทธศาสนา

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
อำนาจเถื่อนกดทับทุกวงการไม่เว้นแม้องค์กร¬พระพุทธศาสนา