PPD's Official Website

Monday, May 30, 2016

ถอดสายยาง กษัตริย์ภูมิพลสิ้นแล้ว???? คำถาม และ Implications โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 30 พ.ค. 2559

ถอดสายยาง กษัตริย์ภูมิพลสิ้นแล้ว???? คำถาม และ Implications

https://youtu.be/MbOgkx-0jxY

https://youtu.be/CDYidLuo5fo

https://youtu.be/nFAOMM1Zpbk

https://youtu.be/tv7VeOG0mQQ

 

---------------------

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ที่ http://tinyurl.com/gsetacg

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ถอดสายยาง กษัตริย์ภูมิพลสิ้นแล้ว???? คำถาม และ Implications โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 30 พ.ค. 2559

ถอดสายยาง กษัตริย์ภูมิพลสิ้นแล้ว???? คำถาม และ Implications

https://youtu.be/MbOgkx-0jxY

https://youtu.be/CDYidLuo5fo

https://youtu.be/nFAOMM1Zpbk

https://youtu.be/tv7VeOG0mQQ

 

---------------------

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ที่ http://tinyurl.com/gsetacg

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

Sunday, May 29, 2016

ข้อคิดว่าด้วย คดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 จากมุมมองตำรวจท่านหนึ่ง

มีเสียงดังก้องจากชาวตำรวจหลายราย ผ่านมายังคอลัมน์นี้ เพื่อขอร่วมวงถกเถียงคดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งผู้นำรัฐบาลและผู้นำตำรวจถูกฟ้องร้องกล่าวหา โดยเน้นย้ำว่าคดีนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้รัฐบาลชุดต่อๆ ไปต้องยึดถือเป็นแนวทาง

 จึงน่าเป็นห่วงว่า จะกระทบต่อชีวิตของประชาชนที่มีสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวชุมนุมอย่างถูกกฎหมาย

 รวมทั้งกระทบต่อขวัญกำลังใจของตำรวจด้วย
 

 คิดง่ายๆ ว่า ถ้าคดี 7 ตุลาคม 2551 เป็นปฏิบัติการด้วยตำรวจปจ. ใช้เพียงแก๊สน้ำตา ป.ป.ช.สรุปว่ามีความผิด


 ขณะที่คดี 99 ศพ เมษายน-พฤษภาคม 2553 ใช้เจ้าหน้าที่กองทัพพร้อมกระสุนจริง ป.ป.ช.สรุปว่าไม่มีความผิด


 แล้วต่อไปเมื่อมีการชุมนุมประท้วงทางการเมือง รัฐบาลจะใช้แนวทางไหน!?!


 ตำรวจที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ยืนยันว่า รัฐบาลและผู้บังคับบัญชา สั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน ตามแผนกรกฎ 48 ไม่มีอาวุธ อดทนอดกลั้น


 แต่ในทางกลับกัน มีตำรวจถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ 41 ราย ปรากฏในรายงานของโรงพยาบาลตำรวจชัดเจน


 บางราย เช่น ด.ต.ทวีป กลั่นเนียม ถูกเหล็กแหลมแทงที่ชายโครงขวา บาดเจ็บสาหัส แพทย์ระบุว่าหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจถึงแก่ความตายได้


 อีกทั้งต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งลงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ชุมนุมนั้นผิดกฎหมาย ไม่สงบและมีอาวุธ


 ขณะที่การปฏิบัติของตำรวจ เป็นไปตามมติครม.เมื่อปี 2535 และเป็นไปตามหลักปฏิบัติที่ใช้ในนานาประเทศ


 ส่วนการที่มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 2 ราย ควรจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดที่ชัดเจน


 ข้อกล่าวหาที่ว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตารุนแรงจนเสียชีวิตนั้น จะต้องพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์!


 โดยมีการตรวจพิสูจน์สภาพศพของผู้เสียชีวิตไปแล้วว่า สภาพบาดแผลมีสารซีโฟร์


 แต่การตรวจแก๊สน้ำตามีแต่สารอาร์ดีเอ็กซ์ ไม่มีซีโฟร์ โดยอาร์ดีเอ็กซ์ไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้


 ดังนั้นต้องทำคดีผู้เสียชีวิต 2 รายตามหลักกฎหมายให้แน่ชัด


 มิใช่คลุมเครือแล้วกล่าวหาว่าเพราะแก๊สน้ำตา แล้วกล่าวโทษผู้สั่งการระดับรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!


 ขอยืนยันว่า ตำรวจปฏิบัติไปตามแผนกรกฎ 48 มุ่งควบคุมฝูงชน มิใช่การมุ่งทำอันตรายต่อชีวิตและร่างกายผู้ชุมนุม


 ขณะเดียวกันทั้งมติก.ตร. ทั้งคำพิพากษาศาลปกครองกลาง และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 93/2527 ให้ยกโทษและคืนตำแหน่งให้กับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ


 เป็นกรณีชี้ว่าคดีได้ถึงที่สุดแล้ว โดยไม่มีความผิด


 ทั้งหมดนี้สมควรอย่างยิ่งที่ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันจะนำมารวบรวมเพื่อตัดสินใจให้ถูกต้อง


 นี่คือมุมมองจากฝ่ายตำรวจในคดีที่จะต้องยึดเป็นหลักปฏิบัติต่อไป!

ข้อคิดว่าด้วย คดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 จากมุมมองตำรวจท่านหนึ่ง

มีเสียงดังก้องจากชาวตำรวจหลายราย ผ่านมายังคอลัมน์นี้ เพื่อขอร่วมวงถกเถียงคดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งผู้นำรัฐบาลและผู้นำตำรวจถูกฟ้องร้องกล่าวหา โดยเน้นย้ำว่าคดีนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้รัฐบาลชุดต่อๆ ไปต้องยึดถือเป็นแนวทาง

 จึงน่าเป็นห่วงว่า จะกระทบต่อชีวิตของประชาชนที่มีสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวชุมนุมอย่างถูกกฎหมาย

 รวมทั้งกระทบต่อขวัญกำลังใจของตำรวจด้วย
 

 คิดง่ายๆ ว่า ถ้าคดี 7 ตุลาคม 2551 เป็นปฏิบัติการด้วยตำรวจปจ. ใช้เพียงแก๊สน้ำตา ป.ป.ช.สรุปว่ามีความผิด


 ขณะที่คดี 99 ศพ เมษายน-พฤษภาคม 2553 ใช้เจ้าหน้าที่กองทัพพร้อมกระสุนจริง ป.ป.ช.สรุปว่าไม่มีความผิด


 แล้วต่อไปเมื่อมีการชุมนุมประท้วงทางการเมือง รัฐบาลจะใช้แนวทางไหน!?!


 ตำรวจที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ยืนยันว่า รัฐบาลและผู้บังคับบัญชา สั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน ตามแผนกรกฎ 48 ไม่มีอาวุธ อดทนอดกลั้น


 แต่ในทางกลับกัน มีตำรวจถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ 41 ราย ปรากฏในรายงานของโรงพยาบาลตำรวจชัดเจน


 บางราย เช่น ด.ต.ทวีป กลั่นเนียม ถูกเหล็กแหลมแทงที่ชายโครงขวา บาดเจ็บสาหัส แพทย์ระบุว่าหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจถึงแก่ความตายได้


 อีกทั้งต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งลงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ชุมนุมนั้นผิดกฎหมาย ไม่สงบและมีอาวุธ


 ขณะที่การปฏิบัติของตำรวจ เป็นไปตามมติครม.เมื่อปี 2535 และเป็นไปตามหลักปฏิบัติที่ใช้ในนานาประเทศ


 ส่วนการที่มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 2 ราย ควรจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดที่ชัดเจน


 ข้อกล่าวหาที่ว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตารุนแรงจนเสียชีวิตนั้น จะต้องพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์!


 โดยมีการตรวจพิสูจน์สภาพศพของผู้เสียชีวิตไปแล้วว่า สภาพบาดแผลมีสารซีโฟร์


 แต่การตรวจแก๊สน้ำตามีแต่สารอาร์ดีเอ็กซ์ ไม่มีซีโฟร์ โดยอาร์ดีเอ็กซ์ไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้


 ดังนั้นต้องทำคดีผู้เสียชีวิต 2 รายตามหลักกฎหมายให้แน่ชัด


 มิใช่คลุมเครือแล้วกล่าวหาว่าเพราะแก๊สน้ำตา แล้วกล่าวโทษผู้สั่งการระดับรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!


 ขอยืนยันว่า ตำรวจปฏิบัติไปตามแผนกรกฎ 48 มุ่งควบคุมฝูงชน มิใช่การมุ่งทำอันตรายต่อชีวิตและร่างกายผู้ชุมนุม


 ขณะเดียวกันทั้งมติก.ตร. ทั้งคำพิพากษาศาลปกครองกลาง และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 93/2527 ให้ยกโทษและคืนตำแหน่งให้กับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ


 เป็นกรณีชี้ว่าคดีได้ถึงที่สุดแล้ว โดยไม่มีความผิด


 ทั้งหมดนี้สมควรอย่างยิ่งที่ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันจะนำมารวบรวมเพื่อตัดสินใจให้ถูกต้อง


 นี่คือมุมมองจากฝ่ายตำรวจในคดีที่จะต้องยึดเป็นหลักปฏิบัติต่อไป!

พงศ์เทพ เทพกาญจนา คนกลางคลอง 29-5-2016

พบภาพ “พระพุทธเจ้า” ที่ ‘เมสไอนัค’ อัฟกานิสถาน วอนแชร์ทั่วโลก หวังจีนยับยั้งขุดแร่

พบภาพ "พระพุทธเจ้า" ที่ 'เมสไอนัค' อัฟกานิสถาน วอนแชร์ทั่วโลก หวังจีนยับยั้งขุดแร่

Source: http://www.matichon.co.th/news/152931

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊ก Saving Mes Aynak ซึ่งผลักดันการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดี 'เมสไอนัค'อายุกว่า 2,000 ปีในประเทศอัฟกานิสถาน ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบภาพสีน้ำมันรูปพระพุทธเจ้า และมีบุคคลอื่นๆนั่งเรียงเป็นแถว โดยระบุว่าเป็นการค้นพบใหม่เมื่อเร็วๆนี้ และขอให้ช่วยแชร์ภาพดังกล่าวไปทั่วโลก ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสำคัญของแหล่งโบราณคดีดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกทำลายโดยกลุ่ม "ตาลีบัน" แต่ปัญหาสำคัญในขณะนี้คือกรณีที่จีนต้องการขุดแร่ทองแดงจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหมายถึงการทำลายแหล่งโบราณคดีโดยปริยาย

หลังภาพและข้อมูลถูกเผยแพร่ ได้ถูกแชร์แล้วเกือบ 1,000 ครั้ง และมีผู้คนจากทั่วโลกเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กดังกล่าว ส่วนใหญ่ระบุว่าทุกคนต้องร่วมมือกันในการปกป้องแหล่งอารยธรรมอันทรงคุณค่านี้ และแสดงความห่วงใยต่อการที่จีนจะทำการขุดแร่ นอกจากนี้บางรายระบุว่าโลกควรร่วมกันเรียกร้องให้จีนและอัฟกานิสถานหันกลับมาดูแลมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อเก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นหลัง




พบภาพ “พระพุทธเจ้า” ที่ ‘เมสไอนัค’ อัฟกานิสถาน วอนแชร์ทั่วโลก หวังจีนยับยั้งขุดแร่

พบภาพ "พระพุทธเจ้า" ที่ 'เมสไอนัค' อัฟกานิสถาน วอนแชร์ทั่วโลก หวังจีนยับยั้งขุดแร่

Source: http://www.matichon.co.th/news/152931

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊ก Saving Mes Aynak ซึ่งผลักดันการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดี 'เมสไอนัค'อายุกว่า 2,000 ปีในประเทศอัฟกานิสถาน ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบภาพสีน้ำมันรูปพระพุทธเจ้า และมีบุคคลอื่นๆนั่งเรียงเป็นแถว โดยระบุว่าเป็นการค้นพบใหม่เมื่อเร็วๆนี้ และขอให้ช่วยแชร์ภาพดังกล่าวไปทั่วโลก ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสำคัญของแหล่งโบราณคดีดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกทำลายโดยกลุ่ม "ตาลีบัน" แต่ปัญหาสำคัญในขณะนี้คือกรณีที่จีนต้องการขุดแร่ทองแดงจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหมายถึงการทำลายแหล่งโบราณคดีโดยปริยาย

หลังภาพและข้อมูลถูกเผยแพร่ ได้ถูกแชร์แล้วเกือบ 1,000 ครั้ง และมีผู้คนจากทั่วโลกเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กดังกล่าว ส่วนใหญ่ระบุว่าทุกคนต้องร่วมมือกันในการปกป้องแหล่งอารยธรรมอันทรงคุณค่านี้ และแสดงความห่วงใยต่อการที่จีนจะทำการขุดแร่ นอกจากนี้บางรายระบุว่าโลกควรร่วมกันเรียกร้องให้จีนและอัฟกานิสถานหันกลับมาดูแลมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อเก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นหลัง