PPD's Official Website

Friday, February 26, 2016

เห็นกงจักรเป็นดอกบัว? / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

เห็นกงจักรเป็นดอกบัว? / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ



On February 25, 2016

LINE it! 554-8

คอลัมน์ : โดนไป บ่นไป

ผู้เขียน : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ



เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การนำของ

"บิ๊กต๊อก" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

ได้แถลงข่าวผลการตรวจสอบรถโบราณที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดปากน้ำ

ภาษีเจริญ ซึ่งตามสมุดทะเบียนรถปรากฏชื่อท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จวัดปากน้ำหรือ

"สมเด็จช่วง" เป็นผู้ครอบครอง

โดยแถลงกล่าวหาว่าเป็นรถที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อ



ผมติดตามข่าวนี้อย่างละเอียด

เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างบอกไม่ถูก

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างคล้ายกับการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองยังไงยังงั้น

ถ้าพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาจะเห็นการสมคบคิดของกลุ่มคนดีกลุ่มเดิมที่เตรียมการล่วงหน้าและแบ่งหน้าที่กันมาเป็นอย่างดี

ตัวละครที่ออกมาเล่นก็ล้วนเป็นนักแสดงหน้าเก่าทั้งสิ้น



การกระทำทั้งหมดมุ่งไปที่จุดเดียวกันคือ

สร้างสถานการณ์บิดเบือนป้ายสีให้ประชาชนเชื่อว่า "สมเด็จช่วง"

ต้องมลทินและมีความมัวหมอง

โดยใช้เรื่องรถโบราณเป็นเครื่องมือในการสร้างข่าว

พยายามใช้ตรรกะและความเชื่อมโยงแบบคลุมเครือเพื่อให้ดูเหมือนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายที่เกิดขึ้น

ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นเพียงรถ

หนึ่งในหลายพันหลายหมื่นอย่างที่ลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนถวายให้ท่าน

และได้มอบให้ทางวัดนำไปตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์เหมือนของถวายมีค่าชิ้นอื่นๆ

เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังและผู้สนใจใช้ศึกษาหาความรู้กันต่อไป

โดยไม่ได้เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย



ผมไม่ปฏิเสธหลักฐานต่างๆที่ดีเอสไอแถลง

และอยากเห็นการดำเนินการเรื่องนี้จนถึงที่สุด

แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รวมถึงผมยังติดใจว่าทำไมดีเอสไอถึงเลือกเอารถโบราณวัดปากน้ำที่แจ้งยุติการใช้รถตลอดไปตามทะเบียนรถตั้งแต่วันที่

1 สิงหาคม 2556 เป็นเป้าหมายพิเศษในการตรวจสอบ

ทั้งที่มีรถยนต์เข้าข่ายและยังวิ่งใช้งานอยู่ตามท้องถนนมากถึง 6,000 คัน



ผมติดใจการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางกลุ่มบางพวกที่ใช้คำศัพท์เรียกรถโบราณที่ผลิตตั้งแต่ปี

พ.ศ. 2496 ซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปีว่า "รถหรู"

ทั้งที่รถหรูเป็นคำประสมหมายถึงรถยนต์นำเข้าที่มีราคาแพง

มีรูปทรงเด่นเฉพาะ มีการผลิตจำนวนน้อยหรือผลิตตามสั่ง

เครื่องยนต์มีกำลังแรง

และที่สำคัญนำเข้ามาในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีสูงถึง 300%

เพราะฉะนั้นการเลือกใช้คำว่า "หรู"

จึงเป็นการใช้คำศัพท์ที่ผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง

ทำให้เชื่อได้ว่ามีกระบวนการจัดตั้งที่มีความประสงค์จะทำให้สาธารณชนส่วนใหญ่เกิดความเข้าใจผิด

และทำให้ท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จต้องมีมลทินและถูกเกลียดชังจากประชาชนที่เสพข่าวที่ไม่ถูกต้อง



ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า หลังจากการนำเสนอข่าว

ผมพบว่าในโลกโซเชียลมีคนจำนวนมากเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสับสนข้อมูลที่ได้รับ

บางคนถึงกับเข้าใจเลยเถิดไปว่าเป็นรถที่ใช้เป็นพาหนะประจำตัวด้วยซ้ำ

และเมื่อมีการประโคมข่าวรถหรูอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดก็เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางร้ายว่าท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จรู้เห็นกับการรับถวายที่ผิดกฎหมาย

ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย



ผมนำเรื่องนี้มาบ่นให้ฟังเพราะคิดว่าเป็นอีกเรื่องที่ไม่มีความยุติธรรม

ผมเห็นฆราวาสจำนวนมากเขียนถึงท่านเสียๆหายๆ

บางคนถึงกับด่าว่าด้วยคำหยาบคาย

บางคนบังอาจสั่งสอนท่านและกล่าวถึงท่านด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ

วันนี้อะไรกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย

ทำไมคนเราถึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้มากขนาดนี้

ทั้งๆที่ความจริงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ทราบกันได้ไม่ยาก



สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์แห่งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บวชเรียนมาถึง 77

พรรษา และปีนี้ท่านมีอายุถึง 91 พรรษา

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีในหมู่สงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไปว่า

ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด

และตลอดชีวิตที่อยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านเป็นผู้ให้มาโดยตลอด



ในวงการสงฆ์ต่างรู้ดีว่าสิ่งก่อสร้างกว่า 80%

ในพุทธมณฑลนั้นถูกดำเนินการจนสำเร็จเพราะการสนับสนุนของท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จได้บริจาคปัจจัยสมทบทุนต่างๆในบวรพุทธศาสนามากมาย

ใครจะมาขอหรือไม่ ท่านก็มีแต่ความยินดีที่จะให้โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร

ดังนั้น วัดวาอารามต่างๆทั้งในและต่างประเทศจึงคุ้นเคยกับการให้ของท่านเป็นอย่างดี

นอกจากนั้นท่านยังบริจาคปัจจัยเพื่อนำไปสมทบทุนก่อสร้างโรงเรียน

โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ

สิ่งที่ท่านมอบให้กับสังคมมีมากมายและเป็นที่ประจักษ์

แม้ท่านจะมีลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่บริจาคสิ่งของและปัจจัยอย่างมากมาย

ท่านไม่เคยคิดที่จะเก็บไว้เป็นของส่วนตัว

แต่นำกลับไปทำนุบำรุงศาสนาตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

และไม่ลืมที่จะให้ทานกลับมาให้ทางโลกด้วยเช่นกัน



ท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จปฏิบัติศาสนกิจแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด

นอกจากการให้ทานแล้วยังให้ความรู้แก่สงฆ์และฆราวาสมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าสมณศักดิ์ของท่านจะสูงขึ้นเท่าไรก็ตาม

แต่วัตรปฏิบัติของท่านก็ไม่เคยเปลี่ยน

ซึ่งเป็นที่รับรู้ในวงการสงฆ์โดยทั่วไป



ดังนั้น จากจริยวัตรที่งดงามและท่านยังเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีสมณศักดิ์สูงสุด

กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปจึงมีมติเป็นเอกฉันท์เสนอชื่อท่านให้ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสังฆราชองค์ต่อไปของกรุงรัตนโกสินทร์

มติของมหาเถรสมาคมเป็นเอกฉันท์ทั้งมหานิกายและธรรมยุตเช่นนี้

ย่อมยืนยันให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศได้มั่นใจว่าในสังฆมณฑลของเราไม่มีความแตกแยกแต่อย่างใด



ผมมั่นใจว่าท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จให้อภัยกับกลุ่มบุคคลที่สมคบคิดและป้ายสีท่านเพื่อให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นข้ออ้างที่จะชะลอการเสนอชื่อท่าน

แต่ผมอยากจะเตือนกลุ่มบุคคลและผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนด้วยจิตที่เป็นกุศลว่า

วิธีการที่ท่านสมคบคิดกันเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการตั้งสังฆราชครั้งนี้เป็นบาปใหญ่จริงๆ

และผมเชื่อว่าคงอยู่ทันได้เห็นผลลัพธ์การสร้างบาปใหญ่ครั้งนี้อย่างแน่นอน

No comments:

Post a Comment